100 - คิดจะทำอะไรอีก!!
ท้องฟ้าทางตะวันออกที่เริ่มเผยสีขาวเหมือนท้องปลา ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง สะท้อนน้ำในทะเลสาบไท่หูจนเกิดแสงระยิบระยับ ราวกับกระจกแต่งหน้าขนาดใหญ่ ลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านทำให้น้ำในทะเลสาบดูใสสะอาดเป็นพิเศษ
จูผิงอันนั่งอยู่บนก้อนหินเตี้ย ๆ ใกล้กับก้อนหินยักษ์ริมทะเลสาบไท่หู เขายื่นนิ้วแตะผิวน้ำที่ใสราวกระจก รู้สึกถึงความเย็นที่ส่งผ่านจากปลายนิ้วไปถึงหัวใจ ทำให้ความกังวลที่ท่านลุงใหญ่สร้างไว้เมื่อครู่จางหายไป เขาตักน้ำทะเลสาบขึ้นมาล้างหน้า ความเย็นที่ชุ่มชื่นใจทำให้รู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่ง หลังล้างหน้าเสร็จ เขาปูแผ่นไม้สีดำลงบนก้อนหินยักษ์ แล้วเทน้ำทะเลสาบจากกระบอกไม้ไผ่ลงในแอ่งธรรมชาติบนก้อนหิน จากนั้นหยิบพู่กันหางวัวที่ท่านพ่อของเขาทำขึ้นมาจุ่มน้ำทะเลสาบแล้วเริ่มฝึกเขียนตัวอักษรบนแผ่นไม้
ดวงอาทิตย์ทางตะวันออกในที่สุดก็หลุดพ้นจากขอบฟ้า สาดแสงอบอุ่นและสว่างไสวลงบนร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังฝึกเขียนอย่างขยันขันแข็ง เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มจ้า เขาก็เก็บพู่กัน กระบอกไม้ไผ่ และแผ่นไม้สีดำ จากนั้นหยิบหนังสือที่เขียนด้วยลายมือขึ้นมาอ่านอย่างเพลิดเพลิน
ที่เส้นขอบฟ้าอันห่างไกล จุดสีขาวของเรือใบปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงเรียกของชาวประมงที่จับปลา
เด็กหนุ่มริมทะเลสาบเก็บของสะพายกระเป๋าหนังสือ แล้วเดินกลับเส้นทางเดิม ระหว่างทางเขาซื้อเต้าฮวยสองชุดและ “โหยวจ๋าฮุ่ย” หกแท่ง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อปาท่องโก๋ ซึ่งในสมัยนั้นคนยังเรียกว่า "โหยวจ๋าฮุ่ย" เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อฉินฮุ่ยที่ใช้ข้อหาอันคลุมเครือสังหารเย่ว์เฟยกับลูกชายของเขาในศาลาฟงโป
จูผิงอันถือปาท่องโก๋และเต้าฮวยกลับมาที่โรงเตี๊ยม
ห้องของจูผิงอันในโรงเตี๊ยมอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเงียบสงบและราคาถูกกว่า เมื่อกลับถึงห้อง เขากลับได้ยินเสียงครึกครื้นจากด้านใน
ทันทีที่เขาเปิดประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงร้องตื่นเต้นว่า
“อ๊ะ ท่านพี่กลับมาแล้ว แถมยังเอาโหยวจ๋าฮุ่ยที่ข้าชอบกลับมาด้วย!”
นี่มัน...
ท่านพี่?
เกิดอะไรขึ้น?
นางแม่มดนี่คิดจะทำอะไรอีก?
นี่คือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในใจของจูผิงอัน แต่เมื่อเขาเห็นภาพในห้อง เขาก็เข้าใจทุกอย่าง
ในห้องมีชายสามคนที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทางการ แต่เสื้อผ้าดูหรูหรากว่า คนที่ดูเป็นหัวหน้ามีดาบติดอยู่ที่เอว ดาบนั้นดูคล้ายกับดาบเหมียวด้าว ด้ามดาบยาว ส่วนสันดาบตรงและคมดาบโค้งเล็กน้อย
นี่มัน...ดาบซิ่วชุนที่โด่งดังรึเปล่า?
หรือว่าเรื่องจะแดงแล้ว?
เมื่อคิดถึงความร้ายแรงของเรื่อง เขาก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกลิ่นหอมบางเบาก็ลอยมา นางแม่มดพุ่งตัวเข้ามาในอ้อมกอดของเขาเหมือนนกกระจิบกลับรัง ดึงเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ และรับปาท่องโก๋กับเต้าฮวยจากมือเขาไปด้วยท่าทางประจบเหมือนภรรยาที่แสนดี
“ท่านพี่ เจ้าหน้าที่จากหน่วยจิ่นอีเหว่ยเหล่านี้มาเพื่อตรวจค้นตามปกติ พวกเขาบอกว่าจะค้นหานักฆ่าอะไรบางอย่าง ข้ากลัวจังเลย” นางแม่มดพูดพร้อมทำท่าทางอ่อนแอเหมือนสาวน้อยขี้กลัว
พวกเขาคือจิ่นอีเหว่ยจริง ๆ แต่ไม่ได้แต่งกายด้วยชุดเฟยอวี่เหมือนในละคร และดาบซิ่วชุนก็มีเพียงหัวหน้าคนเดียวที่ถือ ส่วนที่เหลือใช้ดาบธรรมดา
“ลำบากท่านเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เหน็ดเหนื่อยเพื่อความปลอดภัยของเรา ที่นี่มีอาหารเช้าเล็กน้อย หากไม่รังเกียจก็เชิญรับประทานให้ร่างกายอบอุ่น” จูผิงอันลุกจากเก้าอี้ โค้งคำนับอย่างสุภาพ และไม่ให้ใครสังเกตเห็นเขาสอดเหรียญเงินเล็ก ๆ ลงในมือของหัวหน้ากลุ่ม
การให้เงินเล็กน้อยแก่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เป็นมารยาททางสังคม หากเจ้าหน้าที่เป็นคนดี เรื่องก็จบง่าย แต่ถ้าพวกเขานิสัยไม่ดี อาจทำให้เจ้าของบ้านเดือดร้อนระหว่างการตรวจค้น เช่น ทำของพัง ทิ้งข้าวของเรี่ยราด หรือหยิบของไป การให้เงินเล็กน้อยจะทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้นไม่ว่าจะนิสัยดีหรือไม่ก็ตาม
“ไม่ต้องลำบากเลยคุณชาย เราแค่มาตรวจสอบตามปกติ นักฆ่าที่ลอบสังหารท่านถ่งจือยังจับตัวไม่ได้” หัวหน้ากลุ่มจิ่นอีเหว่ยรับเงินไว้ด้วยความชำนาญ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพมากขึ้น
“คุณชายคงมาเพื่อสอบใช่หรือไม่ เราแค่ตรวจตามหน้าที่ ไม่นานก็จะเสร็จ ไม่รบกวนเวลาของคุณชายเตรียมตัวสอบแน่นอน”
“ขอบคุณท่านเจ้าหน้าที่ทุกท่าน” จูผิงอันโค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะถอยกลับไปยืนข้างโต๊ะ
หัวหน้าจิ่นอีเหว่ยนำลูกน้องสองคนเริ่มตรวจค้นในห้อง ท่าทางสุภาพมากขึ้น หลังค้นไปสักพัก เมื่อไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย เช่น เสื้อผ้าเปื้อนเลือดหรืออาวุธ ทั้งสามจึงเตรียมตัวจะออกไป
แต่ก่อนจะออกจากห้อง หนึ่งในจิ่นอีเหว่ยที่สายตาเฉียบคมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างใต้เตียง จึงก้มลงไปดู
สิ่งนั้นคือสมุนไพรที่ซื้อมา
จูผิงอันเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นที่แผ่นหลัง แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จิ่นอีเหว่ยคนนั้นคลานเข้าไปใต้เตียง เมื่อไม่พบสิ่งอื่นใดนอกจากห่อสมุนไพรสองสามห่อ ก็หยิบมันออกมา
หัวหน้าจิ่นอีเหว่ยเดินเข้ามาเปิดดูห่อสมุนไพรสองสามห่อ เมื่อเปิดดูภายในแล้วก็หันมามองจูผิงอัน
ทันใดนั้นเอง นางแม่มดในห้องก็หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเขินอาย มือบิดผ้าเช็ดหน้าพลางโถมตัวลงบนไหล่ของจูผิงอัน พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอาย ๆ
“แหม... อายจังเลย ของพวกนี้—หยกผีเสื้อ อาเจียว ว่านหางจระเข้ ผงไข่มุก โสม—ล้วนแต่เป็นของที่สาว ๆ ใช้บำรุงร่างกายทั้งนั้น ข้า... ข้าแค่อยากเตรียมไว้ให้ท่านพี่... เพื่อให้ได้ลูกชาย...”
พูดจบนางแม่มดยังแอบหยิกตรงเอวจูผิงอันอีกหนึ่งที
สมุนไพรในสองห่อนั้นเป็นของที่นางแม่มดซื้อไว้เพื่อบำรุงผิวและสุขภาพตัวเอง ซึ่งจิ่นอีเหว่ยพอมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่ามันเป็นของที่ผู้หญิงใช้จริง ๆ และไม่เกี่ยวกับการรักษาบาดแผลจากดาบหรืออาวุธ พวกเขาก็วางใจ
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของนางแม่มดและได้ยินคำพูดของนาง หัวหน้าจิ่นอีเหว่ยก็อดขำไม่ได้ แต่ยังคงความสุภาพก่อนจะขอตัวออกไปพร้อมลูกน้อง
“เพื่อให้ได้ลูกชาย... แต่เขาก็แค่เด็กชายอายุ 13-14 เอง ขนยังขึ้นไม่เต็มเลย ดูจะลำบากเขาไปหน่อย”
“เด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่ กับสาวงามดุจดอกไม้ผลิบาน แถมยังบอกว่าเพื่อให้ได้ลูกชายอีก อย่างนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่ใบหน้าของคุณชายจะดูซีดเซียว เพราะตอนกลางคืนคงเหนื่อยเกินไป”
จิ่นอีเหว่ยทั้งหลายพยายามกลั้นหัวเราะขณะเดินลงบันไดออกไป
เมื่อเสียงฝีเท้าของจิ่นอีเหว่ยเงียบหายไป จูผิงอันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ แล้วรินน้ำชาเย็นหนึ่งแก้วดื่มรวดเดียวหมด
นางแม่มดมองเขาพลางหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดเยาะเย้ยว่า
“ท่านพี่ ดูหน้าซีดขาสั่นแบบนี้ ยังเป็นชายอยู่หรือเปล่านะ ฮิฮิ...”
จะบ้าหรือ!
จูผิงอันอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เหนื่อยเกินไป ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนางแม่มดแท้ ๆ ตัวเขาที่ใช้ชีวิตสองภพก็เป็นเพียงบัณฑิตที่ไม่มีแรงสู้ไก่ได้ จะให้ใจเย็นกว่านี้แล้วไม่ฉี่ราดก็ถือว่าเขามีจิตใจเข้มแข็งแล้ว แถมขาเขาไม่ได้สั่นสักหน่อย!
“ฮิฮิ... ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่าเจ้าเป็นชายอยู่หรือเปล่า” นางแม่มดพูดพลางหัวเราะ
“จะให้ข้าเอาออกมาให้ดูไหม!” จูผิงอันปรายตามองนางแม่มดแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
นางแม่มดมองเขาด้วยท่าทางดูถูกเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
จะบ้าหรือ!
นี่มันนิสัยข้าเลย
จูผิงอันล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น นางแม่มดก็หน้าถอดสี ถอยหลังหนึ่งก้าว และไม่รู้ไปคว้ามีดสั้นมาจากไหน วาววับราวกับพร้อมจะฟันเขาทุกเมื่อ
แล้วจูผิงอันก็หยิบกระดาษเดินออกมาวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะชี้ไปที่ข้อความบรรทัดหนึ่งพร้อมยิ้มมุมปาก “ดูสิ จูผิงอัน คนหมู่บ้านเซี่ยเหอ เพศชาย”