(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1297 การบุกโจมตีอาณาจักรเกิ้นอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับข่าวนี้ เหวินผิงไม่ได้แปลกใจนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว ความจริงคือสวรรค์ไร้ใจแทบไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่ เว้นแต่ว่าเขาจะสามารถออกจากช่องเขาเฉาเทียนได้ หรือเขาสามารถค้นพบเคล็ดวิชาระดับหยวนหยาง พร้อมพลังหยวนหยางจำนวนมหาศาลที่จะช่วยให้เขาบรรลุระดับหยวนหยาง ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้
หากสวรรค์ไร้ใจสามารถออกจากช่องเขาเฉาเทียนได้ หรือกล้าทำเช่นนั้น เขาคงออกไปตั้งแต่ศาลาจรัสผกายถูกทำลายแล้ว แต่เมื่อเขารอจนถึงตอนนี้ หมายความว่าเขามีเพียงทางเลือกเดียวคือเข้าร่วมกับหอปกฟ้าเพื่อแสวงหาอนาคตใหม่
“ฆ่าข้าหรือ? รอให้ข้าสร้างค่ายกลป้องกันนภาสวรรค์เสร็จ และหลอมรวมพลังหยวนหยางที่เหลือทั้งหมดก่อนเถิด จากนั้นข้าจะไปหาเจ้าด้วยตัวเอง” เหวินผิงหัวเราะเบา ๆ และไม่ได้สนใจกับคำขู่ของสวรรค์ไร้ใจ จากนั้นเขาก็ออกเดินทางไปยังหุบเขาฟาหยวน
สำหรับเขา การที่สวรรค์ไร้ใจและน่าหลานมู่หงร่วมมือกันนั้นไม่สำคัญเท่ากับความก้าวหน้าของวิชาคำสาปที่เว่ยเฉิงซิงอวี่ได้พัฒนาขึ้น หากคำสาปนี้สามารถกลายเป็นอาวุธที่ฆ่าศัตรูผู้ทรงพลังที่อยู่นอกขอบเขตวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติได้จริง เหวินผิงจะสามารถหลีกเลี่ยงการตามล่าศัตรูที่ยากต่อการจัดการด้วยตนเองได้
เมื่อมาถึงหุบเขาฟาหยวน หลังรออยู่ร้อยลมหายใจ เว่ยเฉิงซิงอวี่ก็ปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ เขาเดินออกมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่เมื่อเห็นว่าเหวินผิงอยู่ที่นั่น เขาก็รีบเก็บหินส่งเสียงและก้าวเข้ามาทำความเคารพทันที
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าขอรายงานว่าข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวัง วิชาคำสาปได้พัฒนาสำเร็จถึงขั้นสูงแล้ว ตั้งแต่นี้ไป ท่านมีงานใดโปรดสั่ง ข้าจะทำด้วยชีวิตและวิญญาณเพื่อท่าน!”
เว่ยเฉิงซิงอวี่รู้ดีถึงการดูแลของเจ้าสำนักที่มีต่อเขาในช่วงที่ผ่านมา และเขาเข้าใจดีว่าตนยังไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก
เคล็ดวิชาโชคชะตาและวิชาคำสาปที่เขาได้รับเพียงสองอย่างนี้ก็มากพอจะทำให้ใครก็ตามยินดีรับใช้เหวินผิงไปชั่วชีวิต เพราะมันเป็นวิชาที่ก้าวข้ามเคล็ดวิชาลมปราณประจำสายไปอย่างสิ้นเชิง มีความลึกลับ ยิ่งใหญ่ และทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่ผู้บรรลุระดับหยวนหยางก็คงจะปรารถนามัน
เหวินผิงพยักหน้าเบา ๆ “ในขณะนี้ ศัตรูของสำนักในช่องเขาเฉาเทียนเหลือเพียงหอปกฟ้า การที่เจ้าบรรลุวิชาคำสาปขั้นสูงในตอนนี้ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง”
“เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ!” เว่ยเฉิงซิงอวี่อุทานด้วยความตกใจ อาณาจักรโยว่ล่มสลายไปแล้ว?
ก่อนหน้านี้ ขณะที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ในเขตต้องห้ามสุดท้าย เขายังวางแผนจะช่วยเจ้าสำนักพิชิตอาณาจักรโยว่และเป็นมือขวาของเขาในการจัดการกับราชวงศ์โยว่
“ตอนนี้ไม่มีอาณาจักรโยว่อีกแล้ว มีเพียงอาณาจักรเกิ้น เรื่องเหล่านี้เจ้าไปศึกษาด้วยตนเองทีหลัง ตอนนี้หาสถานที่เพื่อแสดงพลังคำสาปของเจ้าก่อน” เหวินผิงคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจเลือกเขตเป๋ยเจ๋อซึ่งอยู่ใกล้กับสำนัก
สำหรับวิชาคำสาป เหวินผิงได้ศึกษาอย่างละเอียดถึงสามครั้ง เขาพบว่าคำสาปนี้มีคุณสมบัติพิเศษคล้ายกับมรดกมารทั้งเก้าของจอมมารดาบที่ได้จากเขตต้องห้ามสุดท้าย ทั้งสองมีพลังเพิ่มขึ้นตามจำนวนการฆ่า
แต่วิชาคำสาปมีจุดเด่นที่ทรงพลังยิ่งกว่า เพราะสามารถฆ่าศัตรูได้โดยใช้เพียงสิ่งของที่มีความเชื่อมโยงกับเหตุและผล เช่น ตะเกียบที่อีกฝ่ายเคยใช้ เส้นผมที่หลุดร่วง หรือแม้แต่สะเก็ดผิวหนัง
แน่นอนว่าพลังที่ยิ่งใหญ่นี้ย่อมมาพร้อมข้อเสีย หากใช้งานคำสาปมากเกินไป ผลกระทบย้อนกลับจะรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่แสดงออกในรูปของการลดอายุขัย
แต่ข้อเสียนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ นอกจากนั้น เหวินผิงก็ทราบทุกอย่างที่ควรรู้เกี่ยวกับคำสาปนี้แล้ว จึงไม่ได้สอบถามเพิ่มเติมจากเว่ยเฉิงซิงอวี่
อย่างไรก็ตาม ระบบให้ข้อมูลเพียงคร่าว ๆ ว่าวิชาคำสาปในระดับขั้นสูงปัจจุบันสามารถฆ่าผู้ฝึกตนในขอบเขตไหนได้ คำตอบนั้นอยู่ในขอบเขต “ระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตที่ฝึกฝนกายาวิญญาณ” ซึ่งเป็นคำตอบที่ค่อนข้างกว้างและไม่ชัดเจน
พูดไปก็เหมือนกับไม่ได้พูดอะไรเลย
“รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!”
เว่ยเฉิงซิงอวี่รีบก้าวตามเหวินผิงไป พลางอธิบายรายละเอียดของคัมภีร์คำสาปอย่างละเอียด เหวินผิงไม่ได้หยุดเขา เพราะเขาเองก็อยากฟังว่าเว่ยเฉิงซิงอวี่เข้าใจคัมภีร์คำสาปอย่างไร และมันแตกต่างจากข้อมูลที่ระบบให้ไว้อย่างไรบ้าง
ขณะที่เหวินผิงเดินไปถึงวงเวทย์เคลื่อนย้ายมิติ เขาก็พบกับหยุนเลี่ยวและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่เร่งรีบเดินมาด้วยสีหน้าตึงเครียดเหมือนมีเรื่องสำคัญ
เมื่อเห็นเจ้าสำนัก หยุนเลี่ยวและคนอื่น ๆ รีบเข้ามาหา ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“ท่านเจ้าสำนัก!”
“ท่านเจ้าสำนัก!”
เหวินผิงกวาดตามองทุกคน แล้วพอจะเดาได้ว่าพวกเขามาด้วยเหตุผลอะไร แต่เขากลับตอบกลับไปอย่างสงบ
“ทุกคนจะตื่นเต้นไปทำไม ชีวิตต้องดำเนินต่อไปเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าฟ้าถล่มลงมาเสียหน่อย”
“แต่…” หยุนเลี่ยวลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนพูดต่อ “เมื่อครู่นี้เอง ผู้อาวุโสซือไห่เสียนส่งข่าวมาว่า เนื่องจากสวรรค์ไร้ใจเข้าร่วมกับหอปกฟ้า ทำให้เจ้าหอปกฟ้า อู๋จิ้นเทียนเสวียน ออกคำสั่งล่าสุด... บุกโจมตีอาณาจักรเกิ้นอย่างเต็มรูปแบบ ภายในเจ็ดวันข้างหน้า สมาชิกหอปกฟ้าในเขตเป๋ยเจ๋อจะเพิ่มขึ้นหนึ่งถึงสองร้อยล้าน และภายในหนึ่งเดือนอาจเพิ่มขึ้นถึงพันล้าน”
เว่ยเฉิงซิงอวี่ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“สวรรค์ไร้ใจเข้าร่วมกับหอปกฟ้าแล้วหรือ!?”
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้พวกเขามาเถิด”
เหวินผิงไม่สนใจกับความตกใจของเว่ยเฉิงซิงอวี่ ในหัวเขาคิดถึงหน้าจอระบบที่แสดงค่าชื่อเสียง 940,000 เหลืออีกเพียง 60,000 เท่านั้น ซึ่งศาลาจื่อฉีก็สามารถสร้างได้ภายในสองวัน แม้การสร้างค่ายกลป้องกันนภาสวรรค์จะต้องใช้เวลาอีกไม่กี่วัน แต่แม้จะให้เวลาหอปกฟ้าเพิ่มอีกสิบหรือสิบห้าวัน ก็ไม่เป็นไร ด้วยการป้องกันของค่ายกลนี้ อาณาจักรเกิ้นจะมั่นคงแข็งแกร่งดั่งกำแพงเหล็ก
แน่นอนว่าเหวินผิงไม่ได้ตั้งใจจะขับไล่สมาชิกหอปกฟ้าทั้งหมด เขาเพียงต้องการปิดกั้นไม่ให้ผู้ฝึกตนระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขั้นกลางและขั้นสูงเข้าสู่อาณาเขตของอาณาจักรเกิ้นเท่านั้น
หากไม่มีผู้นำระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขั้นกลางและขั้นสูง สมาชิกหอปกฟ้าระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขั้นต้นก็ยังมีภัยคุกคามต่ออาณาจักรเกิ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
หยุนเลี่ยวยังคงมีสีหน้าตึงเครียด “ท่านเจ้าสำนัก เช่นนั้นพวกเราควรเข้าไปแทรกแซงหรือไม่ หากเราไม่แทรกแซง เขตเป๋ยเจ๋ออาจไม่รอด”
ในอดีต หากไม่สามารถรักษาเขตเป๋ยเจ๋อไว้ได้ พวกเขาก็คงไม่สนใจมากนัก เพราะอาณาจักรเกิ้นมีที่ดินมากพอ แต่ตอนนี้เขตเป๋ยเจ๋อไม่สามารถปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือใครได้
“เขตเป๋ยเจ๋อ ไม่มีใครแย่งไปได้ ไม่ว่าจะเป็นหอปกฟ้าหรือใครก็ตาม พอเถอะ แยกย้ายกันไปได้แล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำ เช่นคนที่ต้องบำเพ็ญเพียรก็ไปบำเพ็ญเพียรเสีย”
เหวินผิงโบกมือให้ทุกคนแยกย้าย เขาไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่าเขามีค่ายกลป้องกันนภาสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวล
หยุนเลี่ยวและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทำได้เพียงกลับไป แต่สีหน้าของพวกเขาเริ่มผ่อนคลายลง
พวกเขาล้วนเป็นคนในสำนักอมตะดีอยู่แล้ว จึงรู้จักนิสัยของเจ้าสำนักเป็นอย่างดี หากเจ้าสำนักพูดเช่นนี้ แปลว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป หรืออาจเป็นไปได้ว่าเจ้าสำนักไม่เห็นหอปกฟ้าอยู่ในสายตาแล้ว
หลังจากที่หยุนเลี่ยวและคนอื่น ๆ จากไป ใบหน้าของเว่ยเฉิงซิงอวี่กลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เพราะสวรรค์ไร้ใจเข้าร่วมกับหอปกฟ้า
ในฐานะที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์โยว่ และเคยเป็นเจ้าหอปกฟ้า เขาย่อมรู้จักบรรพบุรุษอาวุโสสวรรค์ไร้ใจเป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อเขาบำเพ็ญเพียรเคล็ดวิชาโชคชะตา ความเข้าใจนี้ก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ไร้ใจหรือน่าหลานมู่หง ทั้งคู่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่หลอมรวมพลังหยวนหยางเพียงสิบหรือยี่สิบสายเช่นเดียวกับเทียนเหยาเปี้ยน แต่พวกเขาแข็งแกร่งกว่านั้นมาก
จากการคาดการณ์ของเคล็ดวิชาโชคชะตา สวรรค์ไร้ใจน่าจะหลอมรวมพลังหยวนหยางไม่น้อยกว่า 300 สาย ส่วนของน่าหลานมู่หงนั้นมากกว่านั้น อาจเริ่มต้นที่ 500 สาย ซึ่งเขาอยู่บนจุดสูงสุดของระดับครึ่งก้าวหยวนหยางและอาจขยับไปถึงระดับหยวนหยางในอีกเพียงก้าวเดียว
เมื่อทั้งสองร่วมมือกัน หากไม่มีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยางตัวจริงเข้ามาแทรกแซง ใครจะต้านพวกเขาได้? แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อยากเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับพวกเขา หากไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นกันจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น สวรรค์ไร้ใจยังถือครองอำนาจที่สามารถปกป้องช่องเขาเฉาเทียน และสามารถใช้มันทำลายล้างทั้งศัตรูและตัวเองพร้อมกันได้
ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์ในช่องเขาเฉาเทียนอาจกลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ จากที่อาณาจักรโยว่เคยต่อสู้กับหอปกฟ้า บัดนี้กลายเป็นสำนักอมตะที่ต้องเผชิญหน้ากับหอปกฟ้าแทน