บทที่ 596: จุดอ่อนของจอมมารแห่งโลกปีศาจ (ตอนจบ)
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 596: จุดอ่อนของจอมมารแห่งโลกปีศาจ (ตอนจบ)
“หา?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซาตาน หลินเฉินที่ก่อนหน้านี้นิ่งเฉยก็หันกลับมาสบตา
“ซาตาน ว่าอย่างไรนะ?”
ซาตานชี้มือไปยังสนามรบเบื้องหน้า “ผมเพียงแต่รู้สึกว่าเมจิคาบูร่าดูหวั่นเกรงคุณโกจิต้าอยู่นิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า”
หืม?
หลินเฉินหันมองไปยังสนามรบเช่นเดียวกัน
ในยามนั้น เหล่าสมาชิกสายตรวจกาลเวลากำลังรุมล้อมเมจิคาบูร่า
แต่ละคนต่างปลดปล่อยพลังความสามารถอย่างสุดกำลัง ระดมท่าไม้ตายที่ร้ายกาจที่สุดออกมาไม่หยุดหย่อน
จิเรนผู้เข้าสู่สภาวะ "ร่างนำใจกายนำจิต" โบรลี่ และฟรีเซอร์ร่างเงิน รุมกระหน่ำเมจิคาบูร่าอย่างบ้าคลั่ง หมัดหนักหน่วงของทั้งสามถาโถมใส่เขาไม่ยั้ง
ฮิตโตะไม่ได้เข้าร่วมวงล้อม แต่คอยใช้ "พลังแห่งกาลเวลา" จากด้านข้าง คอยพันธนาการการเคลื่อนไหวของเมจิคาบูร่าเอาไว้
โกฮังค์ พิคโกโร่ และคนอื่น ๆ ก็ระดมยิงพลังใส่ราวกับสายฝนเช่นกัน
ด้วยความร่วมมือของทุกคน เมจิคาบูร่าจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ถูกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ ผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นภัยคุกคามต่อเมจิคาบูร่ามากที่สุด กลับเป็นโกจิต้า
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น ๆ เมจิคาบูร่ากลับไม่แสดงท่าทีหวั่นเกรงต่อการโจมตีใด ๆ เลย ตรงกันข้ามกลับยืนหยัดรับมือทุกอย่างอย่างองอาจ
แต่เมื่อโกจิต้าโจมตี เมจิคาบูร่ากลับเผยพิรุธหวั่นเกรงอย่างเห็นได้ชัด หลบฉากการปะทะอยู่ตลอดเวลา
“ทลายฝุ่นดวงดาว!”
โกจิต้าชูดวงหัตถ์ขึ้นข้างหนึ่ง พลังงานสีรุ้งดุจประกายดาวพร่างพราวหลั่งไหลมารวมตัวกันบนฝ่ามือ ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงมันออกไปยังเมจิคาบูร่า
เผชิญหน้ากับลูกพลังงานสีรุ้งเจิดจรัส ดวงตาของเมจิคาบูร่าหรี่ลงเล็กน้อย แม้จะยอมรับการโจมตีจากผู้อื่นได้ แต่ครานี้เขากลับอ้าปากพ่นออร่าออกมาเป็นสายธาร กระแสลมแรงปะทะเข้ากับลูกพลังงานสีรุ้งอย่างรุนแรง
“คลื่นแห่งความมืด!”
“ตู้ม…”
แรงระเบิดทำลายล้างบีบอัดอากาศจนเกิดสุญญากาศ แสงสว่างเจิดจ้าแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง
เมจิคาบูร่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก ก่อนจะระบายโทสะออกมาด้วยการชี้มือยิงพลังใส่ผู้คนรอบข้างอย่างต่อเนื่อง ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาเอาไว้
แต่ทันใดนั้นเอง โกจิต้าก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเมจิคาบูร่าก็หยุดชะงัก หลบฉากไปในทันที
หืม?
เห็นดังนั้น หลินเฉินอดขมวดคิ้วไม่ได้
สถานการณ์ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ซาตานบอกไว้ไม่มีผิด
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมจิคาบูร่าจงใจหลีกเลี่ยงการโจมตีของโกจิต้าอยู่ตลอด แทบจะไม่ปะทะโดยตรงเลย แม้แต่การสัมผัสตัวกันก็ยังน้อยมาก
ที่จริง หากไม่เป็นเช่นนี้ สถานการณ์ในสนามรบคงยากที่จะคาดเดา
อย่างน้อยหลินเฉินก็คิดว่า หากเมจิคาบูร่าใช้พลังที่เคยแสดงให้เห็นตอนสู้กับเขา ใครบางคนคงต้องจบชีวิตลงที่นี่แน่
“ท่านโครโนอา…”
“ฉันก็สังเกตเห็นเหมือนกัน”
หลินเฉินอยากจะเอ่ยถามโครโนอา แต่ดูเหมือนเธอจะรับรู้ถึงความผิดปกตินี้เช่นเดียวกัน
“เมจิคาบูร่าดูหวั่นเกรงโกจิต้ามาก มันจะเป็นเพราะอะไรกันนะ…”
ทันใดนั้น ดวงตาของโครโนอาก็เบิกกว้าง
“รู้แล้ว! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…”
“ท่านโครโนอาเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ อย่าให้พวกผมต้องค้างคาใจอยู่แบบนี้สิ” หลินเฉินเอ่ยถาม สีหน้าบ่งบอกถึงความกระวนกระวายใจ
โครโนอายิ้มบาง ๆ ก่อนเอ่ยว่า “หลินเฉิน ฉันรู้จุดอ่อนของเมจิคาบูร่าแล้ว! มันคือพลังแห่งมิติ!”
“พลังแห่งมิติ?”
หลินเฉินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ราวกับต้องมะงึ้งงัน ก่อนความเข้าใจจะฉายชัดในแววตา
“จริงด้วย พลังแห่งมิติ!”
ที่แท้จุดอ่อนของเมจิคาบูร่าก็คือพลังแห่งมิติที่มันเชี่ยวชาญนั่นเอง!
เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน หลินเฉินก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
ในหมู่สมาชิกสายตรวจกาลเวลา โกจิต้าก็เชี่ยวชาญการใช้พลังแห่งกฎขั้นพื้นฐานเช่นกัน และพลังแห่งมิติคือสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับการที่โกคูเรียนรู้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตา
ก่อนหน้านี้ เมื่อพวกเขามาถึงเพื่อยื่นมือเข้าช่วยเหลือ การโจมตีของโกจิต้าคือสิ่งที่ทำลายกำแพงมิติของเมจิคาบูร่า ซึ่งแม้แต่หลินเฉินก็ยังไม่อาจทำลายลงได้
ก่อนหน้านี้ เมจิคาบูร่าได้ใช้กำแพงมิติเพื่อกักขังหลินเฉินและโครโนอาเอาไว้โดยเฉพาะ และในท้ายที่สุด ความจริงก็ปรากฏ
มันไม่ใช่เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้หลินเฉินและโครโนอาหลบหนี หรือเพียงแค่ใช้กฎแห่งมิติ
มันยังเป็นเกราะกำบังป้องกันไม่ให้เหล่าศัตรูใช้กฎแห่งมิติเล่นงานเขาได้อีกด้วย!
“พอได้แล้ว!”
เมจิคาบูร่าคำรามลั่นด้วยโทสะพลุ่งพล่าน เมื่อเห็นตนถูกโกจิต้าไล่ต้อนจนแทบไร้ทางสู้
“การประหารแห่งความมืดมิด!”
ในเสี้ยววินาที รัศมีสีแดงฉานดุจโลหิตก่อรูปเป็นใยแมงมุมอันแน่นหนา ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบโกจิต้าในรัศมีร้อยเมตร ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นทรงกลมมหึมา
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงอู้อี้ดังขึ้นพร้อมกับที่ห้วงอวกาศแตกละเอียดเป็นเสี่ยง ๆ แรงระเบิดอันร้ายกาจกลืนกินร่างโกจิต้าไปจนมิด
“อ๊าาาา!”
“หลินเฉิน ฉันมีวิธีรับมือกับเมจิคาบูร่า!”
โครโนอาตะโกนก้องขึ้นในทันทีที่เห็นโกจิต้าใกล้สิ้นลม
หลินเฉินหันขวับกลับมามองด้วยความตื่นตะลึง
พลังงานมหาศาลพลุ่งพล่านออกมาจากร่างโครโนอาอย่างกะทันหัน พลังที่แกร่งกล้าเกินหยั่งถึงจนทำให้หลินเฉินนึกถึงทูตสวรรค์สูงสุด
ปรากฏว่าโครโนอาซ่อนพลังอันยิ่งใหญ่ไว้เช่นนี้
ฟู่!
อักขระศักดิ์สิทธิ์รูปสามเหลี่ยมปรากฏขึ้นด้านหลังโครโนอา แสงสว่างเรืองรองแผ่พุ่งออกมา และอักขระที่คล้ายกันก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเธอราวกับตราประทับแห่งสวรรค์
ในชั่วพริบตา โครโนอาผู้มีรูปลักษณ์ราวเด็กน้อยก็แปรเปลี่ยน ร่างกายเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเทพธิดาผู้เลอโฉม งดงามเกินกว่าจะพรรณนา
“ท-ท่านโครโนอา?” ทั้งหลินเฉินและซาตานต่างนิ่งอึ้ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ใครจะคาดคิดว่าเด็กน้อยผู้น่ารักจะกลายเป็นหญิงสาวแสนสวยได้ถึงเพียงนี้
“หลินเฉิน ไม่ต้องแปลกใจไปหรอก” โครโนอายิ้มบาง น้ำเสียงหวานใสดังกังวาน “ร่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงร่างสะสมพลัง นี่ต่างหากคือร่างที่แท้จริงของฉัน”
“เข้าใจแล้วครับ…” หลินเฉินพยักหน้ารับ คลายความสงสัยในใจ
“ไม่มีเวลาแล้ว” โครโนอากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันจะใช้พลังแห่งกาลเวลาเพื่อคลายผนึกมิติของเมจิคาบูร่า ต่อไปนี้ ฟังที่ฉันจะพูดให้ดี…”
ในห้วงอวกาศอันมืดมิด เงาร่างของตัวชี้พุ่งปรากฏขึ้นมากมาย ท่ามกลางเงาร่างเหล่านั้น โครโนอาเริ่มอธิบายวิธีเอาชนะเมจิคาบูร่าให้หลินเฉินฟัง
ในอีกด้านหนึ่ง
“พ่อ!” โกฮังค์ร้องเรียกด้วยความร้อนใจ
“ไปช่วยโกจิต้า!”
นำโดยโกฮังค์ ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันปลดปล่อยพลังโจมตีเมจิคาบูร่า
พลังโจมตีของทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ปะทะเข้ากับเมจิคาบูร่าอย่างรุนแรง การโจมตีเหล่านี้แฝงไว้ด้วยพลังแห่งกฎอันลึกล้ำ เช่น พลังแห่งการทำลายล้าง และพลังแห่งกาลเวลา
ทว่าหากปราศจากพลังแห่งมิติ การโจมตีทั้งหมดก็ดูเหมือนจะไร้ความหมายสำหรับเมจิคาบูร่า!
“ไสหัวไปพวกมด!” เมจิคาบูร่าคำรามลั่น
เมจิคาบูร่าสะบัดขาอย่างรวดเร็ว
พลังมหาศาลแผ่พุ่งออกจากขาของเขา คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวซัดกระหน่ำใส่ทุกคน ส่งร่างของพวกเขากระเด็นออกไปอย่างไร้ทางต้านทาน
ณ ขณะนั้นเมจิคาบูร่าก็สังเกตเห็นโครโนอาผู้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา
เขารู้สึกได้ถึงพลังแห่งกาลเวลาของโครโนอาที่หลั่งไหลเข้าสู่หลินเฉินอย่างต่อเนื่อง
“หืม?”
“โครโนอา เจ้ากำลังถ่ายทอดพลังแห่งกาลเวลาให้มนุษย์ผู้นั้นงั้นเหรอ? คิดจะรวมพลังกันอย่างนั้นเหรอ? แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกัน?”
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_