บทที่ 2 หลานสาวนำโชคของครอบครัวหลี่
หลี่เหล่าซือหันไปมองตามมือภรรยา ก่อนจะทิ้งรถเข็นแล้ววิ่งออกไปทันที เถาหงอิงอุ้มลูกสาวลงจากรถ พร้อมกับขนย้ายกระสอบอาหารสองใบลงมาด้วย
สมาชิกครอบครัวหลี่คนอื่นๆ ต่างตกใจ รีบวิ่งเข้ามาช่วย ย่าหลี่คว้าหลานสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าบึ้งตึงพลางโวยวายเสียงดัง
“ไอ้ลูกคนที่สี่เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ถ้าทําหลานสาวข้าเจ็บ ข้าเอาเจ้าตายแน่!”
สุดท้ายหลี่เหล่าซือกลับแบกแม่แพะตัวหนึ่งกลับมาบนบ่า เขายิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ ทั้งที่ไหล่เปียกโชกไปด้วยน้ำนมแพะ ทุกคนต่างพากันตะลึงด้วยความยินดี
“โอ้โห! ของดีจากไหนนี่? พระเจ้าช่างเมตตา เป็นแพะนมแท้ๆ!”
“ดีเหลือเกิน! อย่างนี้น้องสาวเราก็มีนมดื่มแล้ว!”
ย่าหลี่ถึงกับจูบหลานสาวฟอด สองฟอดบนหน้าผากพลางกล่าวด้วยความปลื้มใจ
“ลูกเอ๋ย เจ้าเป็นลูกสาวของสวรรค์แท้ๆ โชคดีเหลือเกินเหมือนสวรรค์ส่งนมมาให้เจ้าโดยเฉพาะ!”
หลี่เจียอินทำปากยื่นอย่างภาคภูมิใจ พลางเป่าฟองน้ำลายออกมาในลักษณะของเด็กน้อย
นี่มันอาหารที่ฉันเตรียมไว้ให้ตัวเองแท้ๆ!
เจียอันกับเจียซีที่ซนตามประสาเด็กอายุแปดเก้าปีก็แอบเข้ามาลูบแก้มน้องสาวอย่างอดใจไม่ไหว แน่นอนว่าถูกย่าหลี่ฟาดมือกลับไปทันที
“อย่ามาทำตัวซน !”
“ย่า พวกเราแค่จะลูบน้องขอรับโชคหน่อย บางทีอาจจะเจอแพะอีกตัวก็ได้นะ”
“ไปๆ พวกเจ้าคิดว่าแพะนี่เป็นผักกาดหรือไง อยากได้ก็ถอนเอาได้เลยหรือไง!”
ย่าหลี่หัวเราะพลางดุไป ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุข สะใภ้รอง อู๋ชุ่ยฮวา กลับกลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ
“แม่ นมแพะสู้นมแม่แท้ๆ ไม่ได้หรอก เราฆ่าแพะตัวนี้ทำซุปให้เถาหงอิงดื่มจะดีกว่า จะได้มีน้ำนมให้หลานมากขึ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนถึงกับหน้าเสีย ย่าหลี่ไม่รอช้า ฟาดกล้องยาสูบในมือใส่อู๋ชุ่ยฮวาจนเธอกระโดดด้วยความเจ็บ
“นังคนไร้ประโยชน์ นอกจากเรื่องกินแล้ว เจ้ารู้อะไรอีกบ้าง! เดินทางมาตลอดทางเจ้าเป็นคนเดียวที่ขี้เกียจที่สุด แล้วตอนนี้ยังกล้าจะเอาแพะของหลานไปฆ่าอีก! เจ้าจะขึ้นสวรรค์หรือไง!”
อู๋ชุ่ยฮวาที่เกรงกลัวย่าหลี่ที่สุดไม่กล้าเถียง ได้แต่รีบวิ่งหนีไป หลี่เหล่าเออร์ สามีของเธอรีบเข้ามาขอโทษแทนภรรยา
“แม่ นางพูดไปโดยไม่คิด แม่อย่าไปถือสาเลย แพะตัวนี้เอาไว้ให้หลานสาวดื่มนม ไม่มีใครในบ้านกล้าทำอะไรแพะตัวนี้แน่นอน แม่วางใจเถอะ”
หลี่เจียอินเห็นว่าทุกคนลืมไปแล้วว่าเธอยังหิวอยู่ จึงรีบส่งเสียงร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ดวงตาโตกลมที่มีขนตายาวพริ้มไหวทำให้ย่าหลี่รีบเปลี่ยนสีหน้า
“โอ๋ โอ๋ หลานสาวนำโชคของย่าหิวแล้วใช่ไหม? ย่าจะต้มนนมแพะให้เดี๋ยวนี้เลย!”
ไม่นานนัก ครอบครัวหลี่ก็หยุดขบวนเพื่อใช้ร่มเงาของต้นไม้ตั้งเตาต้มนมแพะ
พวกเขาต้มไว้มากพอที่จะเก็บใส่ฟักน้ำเต้าขนาดใหญ่ เผื่อจะดื่มตอนหิวระหว่างเดินทาง
ส่วนเจียอันกับเด็กชายคนอื่นๆ ทนไม่ไหววิ่งเล่นกันรอบๆ อย่างสนุกสนาน
หลี่เจียอินนอนในอ้อมแขนย่าดื่มนมแพะหอมหวาน ดวงตาใสราวกับลูกแก้วของเธอกลอกมองไปรอบๆ
ในพุ่มหญ้าหน้าตรงเจียอันมีไข่อยู่สิบกว่าใบ และหลังต้นไม้ไม่ไกล มีแม่ไก่ขาเป๋ซ่อนตัวอยู่
ไม่นานนัก ขบวนครอบครัวหลี่ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง
เจียอันกระโดดตัวลอย พลางชูไข่สองฟองในมือขึ้นแล้วส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
“ย่า! ย่า! นี่ไข่! ข้าพบไข่!”
หลี่เหล่าเออร์รีบวิ่งไปดู เมื่อเห็นไข่ในรังมากกว่าสิบฟอง เขาถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออก
ยังไม่ทันได้บอกข่าวกับครอบครัว เจียซีก็เดินตามเสียงแม่ไก่ร้องไปเจอแม่ไก่ขาเป๋ น้องชายตัวน้อยยกแม่ไก่ขึ้นพร้อมร้องลั่น
“ลุง! นี่ไก่!”
“ไอ้เด็กโง่ จะรออะไรอยู่ รีบกลับมาเร็วเข้า!” ย่าหลี่โบกกล้องยาสูบเป็นสัญญาณให้พวกเขารีบกลับ
แต่เพราะเด็กๆ ส่งเสียงดังไปหน่อย คนที่กำลังหลบหนีผ่านมาจึงมองมาที่ครอบครัวหลี่ด้วยความสนใจ
ทรัพย์สมบัติย่อมไม่ควรเปิดเผย ยิ่งตอนนี้ยิ่งอันตราย
หลี่เหล่าซือหยิบขวานเล็กใต้รถเข็นขึ้นมา จ้องมองกลุ่มคนที่เข้ามาล้อมด้วยแววตาเคร่งเครียด
ไม่นาน คนพวกนั้นที่ดูไม่ประสงค์ดีนักก็เริ่มถอยออกไป หลังจากเห็นสายตาดุดันของหลี่เหล่าซือ
เจียอันและเจียซีที่หวาดกลัวรีบวิ่งกลับมาหาครอบครัว แต่ยังไม่ลืมอวดผลงาน
“ย่า ดูสิ! ไก่กับไข่ที่พวกเราพบ! เราโชคดีเพราะได้แตะน้องสาวใช่ไหม!”
ครอบครัวหลี่หัวเราะขำ คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ย่าหลี่เริ่มสงสัยในใจ
ครั้งแรกบังเอิญ ครั้งที่สองก็ยังบังเอิญ แล้วถ้าครั้งที่สามล่ะ?
นางแอบจับมือน้อยของหลานสาวที่กำลังหลับสนิท ขนตาสั่นระริกด้วยความสุขจนนางอดหลงใหลไม่ได้
ย่าหลี่สั่งสะใภ้คนที่สามว่า
“ต้มไข่ให้เถาหงอิงกินเสริมกำลัง แล้วรอให้แม่ไก่ตั้งตัวก่อน เย็นนี้ค่อยเอามาทำซุป”
หลังจากสั่งการเสร็จ นางก็อ้างว่าจะไปสำรวจป่า
ในป่าที่แทบจะไร้ต้นไม้สีเขียว ย่าหลี่มองไปรอบๆ ด้วยความผิดหวัง แต่ขณะที่กำลังจะเดินกลับ นางกลับเห็นต้นมันเทศโผล่ขึ้นมาไม่ไกล
นางวิ่งไปถอนต้นมันเทศออกมา ได้มันเทศสองหัวขนาดเท่ากำปั้น นางถึงกับน้ำตาคลอด้วยความดีใจ
นางวิ่งกลับมาเหมือนคนเสียสติ คว้าหลานสาวมากอดไว้แน่นก่อนจะปล่อยโฮออกมา
“ฮืออออ… ฮือ ๆ ... บรรพบุรุษกำลังคุ้มครองเรา เทวดาก็เปิดตา สวรรค์มีแต่พระโพธิสัตว์คอยช่วย! ฮือ ๆ ... ตระกูลหลี่ของพวกเราโชคดีจริงๆ โชคดีมาก!”
คนในครอบครัวหลี่ต่างตกใจเมื่อเห็นท่าทางของย่าหลี่และรีบพูดปลอบ
“แม่ เป็นอะไรไป?”
“ใช่ แม่ ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็จะดูแลแม่อย่างดี”
มีเพียงเจียอินที่แทบหายใจไม่ออกเพราะโดนย่ากอดแน่นจนจะขาดใจเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะเธอแอบย้ายต้นมันเทศออกจากมิติของเธอแล้วเอามาปลูกไว้ในป่าไกลจากที่พัก เธอเหนื่อยจนมึนหัวไปหมด
การที่เด็กทารกเพิ่งเกิดได้ไม่ถึงวันต้องมาวิตกเรื่องความอยู่รอดของครอบครัวแบบนี้มันไม่ง่ายเลย
แต่เธอต้องทำให้พวกเขาเชื่อว่าเธอคือ “โชคดี” ที่แท้จริง และต้องฝังความเชื่อนี้ลงไปในใจของคนในครอบครัวหลี่ให้มั่น
เพราะมันจะช่วยให้เธอใช้มิติได้สะดวกขึ้น และช่วยครอบครัวแก้ปัญหาเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่มในอนาคต...
“เจ้าสี่! เฝ้าของไว้ ส่วนเจ้ารองกับเจ้าสามเอากระจาดที่มีฝาปิดตามแม่มา!”
ย่าหลี่เช็ดน้ำตาออก แล้วหอมแก้มหลานรักอีกครั้ง ก่อนจะสั่งการและพาคนไปขุดมันเทศ
เจียอินจึงได้หลับสนิทเสียที ในช่วงเวลานั้นเธอถูกปลุกขึ้นมากินนมแพะอีกสองรอบ และพอตื่นเต็มตาอีกที ฟ้าก็มืดแล้ว
เธอถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของย่าหลี่ ข้างหน้ามีแสงไฟจากกองไฟใหญ่ ใกล้ๆ มีเด็กชายคนหนึ่งนั่งยองๆ มองด้วยน้ำลายไหล
เมื่อย่าหลี่เห็นหลานตื่น ก็รีบพลิกตัวช่วยเธอปัสสาวะ พร้อมรอยยิ้มแย้ม
“หลานรักของย่าตื่นแล้ว เดี๋ยวกินนมกันนะ”
เจียอันมองย่าหลี่อย่างอ้อนวอน “ย่า เมื่อไหร่พวกเราจะได้กินมันเผากัน?”
“กินๆ ๆ จะกินอย่างเดียว!” ย่าหลี่ถลึงตาใส่หลานชายแล้วเอ็ดเสียงต่ำ
“จำไว้ให้ดีนะ ของดีพวกนี้ที่มีในบ้านเราได้ก็เพราะบารมีของน้องสาวเจ้า! ถ้ากล้ารังแกน้องละก็ ย่าจะตีขาเจ้าให้หัก!”
เด็กชายทั้งสองพยักหน้าหงึกหงัก และย่าหลี่หันไปมองกองไฟอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไป พร้อมกับลดเสียงให้เบาลงอีก
“คนอื่นเขายังหิวกันแทบตาย แต่พวกเรายังมีไข่ให้กิน มีนมแพะให้ดื่ม มีไก่ต้ม มีมันเผา ยังดีกว่าตอนอยู่บ้านเสียอีก
แต่พวกเจ้าจงจำไว้ให้ดี อย่าปากโป้ง! ของดีต้องเก็บไว้กินในหม้อ เข้าใจไหม?”