บทที่ 50 จงดับสูญ!
อังก์เอียงหัวเล็กน้อย ยังไม่ได้พูดอะไร ไนเกรสก็ชะโงกหัวมาแล้วถามว่า “เจ้าจะแลกหัวบีทหวานมากมายไปทำอะไร? กินทุกวันไม่กลัวฉี่เรียกมดหรือไง?”
ลูเธอร์ส่ายหน้าสุดแรง “ไม่กลัว ข้าย่อยได้เร็ว ตั้งแต่ข้าทะลวงระดับจอมดาบมา ข้าก็ไม่เคยกินอิ่มเลย หัวบีทหวานเป็นอาหารไม่กี่อย่างที่ทำให้ข้ารู้สึกอิ่มได้”
ไนเกรสพยักหน้า “ก็จริง ที่นี่มันแห้งแล้งเกินไป แม้แต่หญ้ายังไม่มี จะเลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้ เนื้อสักคำยังหาไม่เจอ จะอิ่มได้อย่างไร ดูสิ เจ้านี่ผอมจนแทบจะเหมือนไม้กระบองแล้ว”
“ดูนี่สิ” ลูเธอร์ไม่สนใจคำเย้ยหยันของไนเกรส เขาหยิบหัวบีทหวานขึ้นมากัดคำหนึ่ง เคี้ยวแล้วกลืน จากนั้นเร่งพลังต่อสู้เพื่อย่อยอาหาร แล้วเขาก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาในท่ากำลังรวบรวมพลัง
พลังต่อสู้บนร่างของลูเธอร์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ออร่าพลังต่อสู้ดูหนาแน่นจนแทบจับต้องได้ เมื่อถึงจุดสูงสุด ลูเธอร์กำมือแน่นทันที จากนั้นมีดาบพลังงานรูปร่างกระบอกโผล่ขึ้นระหว่างมือทั้งสองของเขา
ไนเกรสเบิกตาโต “ดาบพลังงาน? เจ้าทะลวงระดับแล้วหรือ? เจ้าไม่ใช่จอมดาบขั้นต้นหรอกหรือ ทำไมถึงปลดปล่อยพลังต่อสู้เป็นดาบได้?”
นักดาบระดับสูงสามารถปลดปล่อยพลังต่อสู้เป็นออร่าได้ ส่วนจอมดาบขั้นต้นสามารถปลดปล่อยออร่าออกนอกตัว แต่การสร้างดาบพลังงานนั้นต้องถึงระดับจอมดาบขั้นสูงเท่านั้น
ลูเธอร์ส่ายหน้า “ไม่หรอก แต่พอกินหัวบีทหวานแล้ว ข้าก็รู้สึกเต็มไปด้วยพลัง และสามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งขึ้นได้ชั่วคราว”
ลูเธอร์สะบัดดาบพลังงานไม่กี่ครั้ง ก่อนจะเหวี่ยงออกไป ดาบพุ่งไปปักเข้ากับผนังหินอย่างลึกจนถึงด้าม และสั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะสลายไป
“หัวบีทหวานมีผลเช่นนี้ได้ด้วยหรือ? เป็นไปไม่ได้” ไนเกรสไม่เชื่อ เขาเคยเจอจอมดาบมามาก แต่ไม่เคยได้ยินว่ากินหัวบีทหวานแล้วพลังจะระเบิดขึ้นมา
“ข้าเองก็ไม่เชื่อ ข้าเคยซื้อหัวบีทหวานจากที่อื่นมากิน แต่กลับไม่มีผลอะไรเลย มีเพียงหัวบีทของท่านอังก์เท่านั้นที่ทำให้ข้าระเบิดพลังได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไนเกรสจึงหันไปมองอังก์ แล้วเขาก็เห็นอังก์กำลังยกมือขึ้นในท่าทางคล้ายกับตอนที่ลูเธอร์สร้างดาบพลังงาน
“เจ้าใช้พลังต่อสู้ไม่เป็นนี่…” ไนเกรสยื่นหัวไปใกล้ พลางเตรียมจะเย้ยหยัน แต่ทันใดนั้น มีเข็มแหลมสีดำพุ่งออกมาจากมือของอังก์เกือบจะทิ่มตาของเขา
“ไม่นับ เจ้านี่มันอาวุธจิตวิญญาณ ไม่ใช่พลังต่อสู้” ไนเกรสบ่นด้วยความไม่พอใจ
อังก์ไม่สนใจ เขายังคงปรับอาวุธจิตวิญญาณของเขา ในอดีต เขามักสร้างเคียวแห่งยมทูตที่มีเคียวเป็นฐาน แต่เมื่อเห็นลูเธอร์สร้างดาบพลังงานโดยไม่ใช้อาวุธจริง เขาก็อยากลองทำสิ่งเดียวกันกับอาวุธจิตวิญญาณ
จริง ๆแล้ว เคียวอาจใช้งานได้ดี แต่ด้ามมันสั้นเกินไป แม้เขาจะยืดใบมีดได้ แต่การเพิ่มความยาวของด้ามกลับทำได้ยาก
หลังจากปรับอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเคียวขนาดสองเมตรที่มีใบกว้างเท่ากับแผ่นประตูก็ปรากฏขึ้นในมือของอังก์
“ดูดีจริง ๆ” ลูเธอร์พูดอย่างอิจฉา โครงกระดูกดุดันที่ถือเคียวใหญ่ในมือ ดวงตาเปล่งประกายด้วยเปลวไฟสีน้ำเงิน ราวกับยมทูตที่พร้อมเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณช่างน่าเกรงขาม
“วางไว้ในสนามรบคงทำให้คนกลัวจนหัวหดแน่ ๆ”
แต่ทันทีที่พูดจบ อังก์ก็กระโดดลงในแปลงผัก เขาเหยียบโคลนพร้อมกับถือเคียวกลับหัวและวิ่งตัดผ่านแปลง ใบเคียวเฉียดพื้นไปมาจนทำให้ใบหัวบีทหวานถูกตัดเรียบลงกับพื้น
จากนั้นเขากระโดดไปยังแปลงถัดไปและทำเช่นเดียวกันอีกครั้ง แปลงหัวบีทหวานถูกเก็บกวาดอย่างเรียบร้อยในเวลาไม่กี่นาที ความยาวด้ามเคียวทำให้เขาไม่ต้องก้มตัวอีกต่อไป แค่ยืนวิ่งก็เพียงพอ
เมื่อกลับมา อังก์สะบัดโคลนออกจากเท้าและกล่าวด้วยความพอใจว่า “ใช้งานดีมาก”
ไนเกรสและลูเธอร์มองดูด้วยสีหน้าหม่นหมอง
ลูเธอร์ดูเหมือนจะชินกับนิสัยของอังก์ที่ยึดมาตรฐานการทำไร่เป็นสำคัญ เขาส่ายหน้าและเดินเข้าไปในแปลงผักพร้อมกล่าวว่า “ท่านอังก์ ถ้าจะลองอาวุธใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องตัดหัวบีทหวานทิ้งเสียสิ มันเปลืองเปล่า ข้าเอาใบพวกนี้ไปกินแทนก็แล้วกัน ข้าจะยอมทนกินผักสักสองวัน ข้าเกลียดการเสียของที่สุด”
แต่ก่อนที่เขาจะหยิบใบหัวบีทหวานขึ้นมา กีบเท้าของมิโนทอร์เพศเมียตัวใหญ่ก็ก้าวเข้ามาขวางระหว่างเขากับใบหัวบีทหวาน จากนั้นเธอก็มองลูเธอร์ด้วยสายตาข่มขู่เหมือนจับโจร พร้อมพูดว่า “ของข้า!”
ลูเธอร์หรี่ตาลงพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาคิดในใจว่า “แค่ใบหัวบีทหวาน ท่านอังก์ยังไม่ว่าอะไร มิโนทอร์ตัวนี้จะมาขวางข้าผู้เป็นถึงจอมดาบได้อย่างไร?”
พลังต่อสู้เริ่มลุกโชนขึ้นในร่างของลูเธอร์ เขาเตรียมจะเบียดมิโนทอร์หญิงใหญ่เพื่อเก็บใบหัวบีทหวานกรอบอร่อยกลับไปทำซุปผักแก้เลี่ยนในตอนเย็น
แต่ก่อนที่เขาจะได้เบียดตัวเข้าไป สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น มิโนทอร์หญิงใหญ่หยิบไม้กวาดที่วางอยู่บนพื้น จุ่มลงในถังใส่ปุ๋ย แล้วเหวี่ยงมันไปทางลูเธอร์
“คว่าบาดา!” ลูเธอร์กระโจนหลบอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าตอนต่อสู้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ เขาหายวับไปเหมือนไม่มีตัวตน
มิโนทอร์หญิงใหญ่ตบไม้กวาดลงกับพื้น ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่แยแส จากนั้นก็เดินเก็บใบหัวบีทหวานอย่างร่าเริง ใบหัวบีทหวานเหล่านี้เป็นของที่อังก์ยกให้เธอนำไปขายในเมือง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
จนกระทั่งมิโนทอร์หญิงใหญ่เก็บใบผักเสร็จและเดินจากไป ลูเธอร์จึงค่อย ๆ โผล่หัวกลับมา พร้อมพูดแก้เก้อว่า “ข้าไม่ถือสาหาความกับเธอหรอก”
ไนเกรสหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถามว่า “แล้วสองนักบวชหญิงนี้มาได้อย่างไร? อัศวินโล่หนักพวกนี้อีกล่ะ? เจ้าจัดการคนของวิหารแห่งแสงไปแล้วหรือ?”
“ข้าดักโจมตีพวกเขาหลายครั้ง ฆ่าพวกเขาไปบางส่วน และไล่พวกเขาออกจากเมืองน้ำแข็ง ตอนนี้พวกเขาไม่กล้ากลับเข้ามาอีก กล้าตั้งค่ายอยู่แต่ในพื้นที่โล่ง แต่ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่ยอมแพ้ คงเตรียมส่งคนมาเพิ่ม ข้ามาหาท่านอังก์ในครั้งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ ให้แสงศักดิ์สิทธิ์ของท่านสาดแสงลงทำลายค่ายของพวกเขา จะได้เปิดทางให้ข้าเข้าไปฆ่าพวกเขาเสีย ส่วนนักบวชหญิงสองคนนี้ ข้าจับตัวมาเพื่อถวายให้ท่านอังก์ใช้งาน”
“ให้โครงกระดูกรับนักบวชหญิงเป็นผู้ติดตามเนี่ยนะ? เจ้านี่อยากให้เขากระดูกพังหรือไง” ไนเกรสพูดพลางหัวเราะทั้งน้ำตา
ทุกคนต่างเข้าใจผิด คิดว่าอังก์เป็นผู้เฝ้ามองหรือจักรพรรดิในเงา แต่ไนเกรสรู้ดีว่าอังก์เป็นเพียงโครงกระดูกโชคดีที่ได้รับพลังจากดวงจิตเครือข่ายและความเชื่อของสิ่งมีชีวิตอมตะ ทำให้เขาเป็นเหมือนเทพปลอม ๆ แต่พลังของเขาก็มีขีดจำกัด
การมีนักบวชหญิงอยู่ใกล้ตัวเขา อาจเป็นปัญหาใหญ่ หากพวกเธอระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาเผาเขา
ความคิดนั้นยังไม่ทันจบลง ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น นักบวชหญิงที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นพลันเคลื่อนไหวขึ้นมา เอวเพรียวบางของเธอดูเหมือนติดสปริง แม้มือของเธอจะถูกมัดไว้ด้านหลัง
เธอก็พลิกตัวลุกขึ้นยืนได้อย่างว่องไว ดวงตาทั้งสองจ้องมองอังก์ด้วยความโกรธพร้อมตะโกนว่า “จงดับสูญ! พวกนอกรีต!”
ร่างของนักบวชหญิงเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา แสงนั้นรวมตัวกันเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังอังก์
วัจนะแห่งนักบุญ: จงดับสูญ!
คำของพระเจ้าเป็นกฎ ทุกการกระทำคือแบบแผน ทุกความคิดคือการสถิต
วัจนะแห่งนักบุญ เป็นเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้การจำกัดด้วยระดับพลัง ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความศรัทธาและความมั่นคงในใจของผู้ใช้ หากศรัทธามากพอ พลังนั้นสามารถทำลายผู้แข็งแกร่งเกินตัวได้
แต่สิ่งที่ทำให้นักบวชหญิงตกตะลึงคือ โครงกระดูกนอกรีตเบื้องหน้ากลับใช้มือเปล่าจับแสงแห่งนักบุญนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย