บทที่ 48 ทฤษฎีพรสวรรค์
บทที่ 48 ทฤษฎีพรสวรรค์
พรสวรรค์เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก ง่ายๆเวลาทำเรื่องเดียวกัน คนไม่มีพรสวรรค์จะรู้สึกว่ามันยาก แต่คนมีพรสวรรค์จะรู้สึกว่าง่าย
ส่วนหลินเซิน เขาสงสัยว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์หรือเปล่า เขาพยายามทำความเข้าใจอย่างหนักแล้ว แต่ก็ยังเรียนรู้สิ่งที่เว่ยหวู่ฟู่สอนไม่ได้
ท่าทางทุกอย่างก็เหมือนกันหมด แต่หลินเซินกลับสัมผัสถึงพลังที่เว่ยหวู่ฟู่พูดถึงไม่ได้
“ไม่รีบ ง่ายๆ ค่อยๆเรียนรู้” เว่ยหวู่ฟู่พยายามสอนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลินเซินอยากจะบอกเว่ยหวู่ฟู่ว่า เขาไม่ได้รีบ แค่เรียนรู้ไม่ได้จริงๆ
“เว่ยหวู่ฟู่ ฉันเข้าใจแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อน เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ นายก็เหนื่อยหน่อยนะ ค่อยๆ สอนฉัน ฉันจะค่อยๆ เรียนรู้ ยังมีเวลาอีกเยอะ” หลินเซินได้รับข่าวว่าฉีชูเหิงและหวังเทียนเอ๋อร์กลับมาที่ฐานแล้ว จึงหยุดฝึกซ้อมชั่วคราว
เรียนมาตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ก็เจ็ดแปดชั่วโมงแล้ว หลินเซินจำท่าทางและทฤษฎีได้หมดแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงใช้ไม่ได้
ฐานเสวียนเหนี่ยวเล็กนิดเดียว ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังได้ หลินเซินให้คนไปสืบ ก็รู้ว่าตระกูลฉีและตระกูลหวังกลับมาแค่เจ็ดคน รวมกับไป๋เสินเฟยก็แปดคน เรียกว่าสูญเสียอย่างหนัก
แต่ได้ยินมาว่าตอนที่พวกเขากลับมา ขนของมาเต็มรถหลายคัน ปิดคลุมมิดชิด ไม่รู้ว่าข้างในเป็นอะไร
หลินเซินเดาว่าหลังจากที่พวกเขาหนีออกมาจากภูเขายักษ์ ก็คงไปที่อื่น ได้ของบางอย่างมา แต่ไม่รู้ว่าได้อะไรมา
ไม่นาน ไป๋เสินเฟยก็มาเยี่ยม หลินเซินให้คนพาเธอไปที่ห้องรับแขก
“พี่ไป๋ การเดินทางครั้งนี้ได้ผลประโยชน์เยอะเลยสิ” หลินเซินพูดพลางรินชาให้ไป๋เสินเฟย
ไป๋เสินเฟยมองหลินเซิน เหมือนอยากจะดูว่าหลินเซินคิดอะไรจากสีหน้าของเขา
“ไม่ได้อะไร เกือบตายที่นั่น” ไป๋เสินเฟยพูดอย่างเรียบเฉย “ได้ยินว่า นายกลับมากับเว่ยหวู่ฟู่?”
หลินเซินพยักหน้า “หลังจากที่ผมหนีไป ผมก็ไปหลบซ่อนตัว เป็นห่วงพวกพี่ เลยไม่ได้ไปไหน รออยู่สามวัน ก็มีแค่เว่ยหวู่ฟู่ออกมา เขาบอกว่าหลังจากเข้าไปในถ้ำนั้น ก็พลัดหลงกับพวกพี่ ไม่รู้ว่าพี่ไป๋เป็นยังไงบ้าง พวกเรารออีกครึ่งวัน ก็ยังไม่เห็นพี่ไป๋ออกมา ผมนึกว่า…”
ไป๋เสินเฟยมองตาหลินเซิน เหมือนอยากจะรู้ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า สักพักเธอก็พูดว่า “เจอปัญหานิดหน่อย ถ้าไม่มีปรมาจารย์มาช่วย คงแย่”
“ปรมาจารย์? ใคร? ฐานเสวียนเหนี่ยวมีใครเก่งกว่าพี่ไป๋อีกเหรอ?” หลินเซินแกล้งทำเป็นประหลาดใจ
“แน่นอนว่าเก่งกว่าฉันมาก” ไป๋เสินเฟยดูไม่ออกว่าหลินเซินคิดอะไร เธอครุ่นคิดแล้วถามว่า “ฉันได้ยินว่าพี่รองของนายเข้าไปในภูเขาหู่ลู่แล้วหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน?”
“พี่ไป๋หมายถึง ปรมาจารย์ที่ช่วยพวกพี่คือพี่รองของผม?” หลินเซินถามด้วยสีหน้าดีใจ
ไป๋เสินเฟยพูดอย่างเรียบเฉย “ฉันไม่เห็นหน้าเขา แค่คาดเดา แต่ฉีชูเหิงกับหวังเทียนเอ๋อร์เดาว่าเป็นพี่สี่ของนาย ฉันว่าไม่น่าใช่ เพราะพี่สี่ของนายไม่เก่งขนาดนั้น”
หลินเซินทำหน้าผิดหวัง “พี่รองหายตัวไปหลายปี พวกเราคิดว่าเขาคงเสียชีวิตแล้ว ถ้าเป็นขาจริงๆ ก็ดีสิ”
“ว่าแต่ พวกพี่ได้อะไรมาบ้าง?” หลินเซินถาม
“ของที่ตระกูลฉีและตระกูลหวังได้มา ยังไม่คุ้มกับที่เสียไป แถมพวกเขายังสงสัยว่า ปรมาจารย์คนนั้นคือพี่สามหรือพี่สี่ของนาย ต่อไปพวกเขาน่าจะไม่กล้าทำอะไรตระกูลหลินอีก”
ไป๋เสินเฟยหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “เรื่องนี้จบแล้ว วันนี้ฉันจะกลับฐานไฮ่เจียว นายอยากไปกับฉันไหม? ฉันจะแนะนำนายเข้าค่ายฝึกที่ฉันอยู่ หรือก็คือ ค่ายฝึกที่พี่หลินเคยอยู่”
หลินเซินลังเล เขาไม่ได้อยากเข้าค่ายฝึก แต่ถ้าไป๋เสินเฟยไป เขาอาจจะไม่ได้เจอเธออีก และอาจจะไม่ได้ประกายของเธอมา
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หลินเซินก็เงยหน้าขึ้นมองไป๋เสินเฟย แล้วถามว่า “พี่ไป๋ ตอนนี้พี่มีแฟนหรือยัง?”
ไป๋เสินเฟยอึ้งไป “นายถามทำไม?”
“ถ้ายังไม่มี พี่ว่าผมเป็นยังไง?” หลินเซินคิดในใจ ถ้าจีบไป๋เสินเฟยติด เขาก็จะได้ทั้งประกาย และแก้ปัญหาการสืบทอดตระกูลหลินด้วย
“นายอยากเป็นแฟนฉัน?” ไป๋เสินเฟยมองหลินเซินด้วยความประหลาดใจ
“ใครๆ ก็อยากมีแฟนสวยๆ แบบพี่ทั้งนั้นแหละ” ถึงแม้หลินเซินจะมองไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่จากน้ำเสียงของเธอ ดูเหมือนว่าจะมีโอกาส ทำให้หลินเซินประหลาดใจ
ถึงหลินเซินจะมองไม่เห็นหน้าตาของไป๋เสินเฟย แต่ดูจากสายตาที่คนอื่นมองเธอ ก็รู้ว่าเธอน่าจะสวย ถ้ามีไป๋เสินเฟยเป็นแฟน ก็ไม่เสียหาย
“แต่น่าเสียดาย ฉันไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า” ไป๋เสินเฟยลุกขึ้นยืน “ถ้านายไม่อยากไป ฉันก็ไม่บังคับ”
ไป๋เสินเฟยคิดว่าหลินเซินไม่อยากไปฐานไฮ่เจียวกับเธอ เลยหาข้ออ้างปฏิเสธ
หลินเซินถอนหายใจ เขารู้ว่าการที่เขาพูดแบบนั้นกะทันหัน ไป๋เสินเฟยคงไม่สนใจเขา ถ้าเป็นเขา เขาก็คงไม่สนใจตัวเองเหมือนกัน
หลินเซินไปส่งไป๋เสินเฟยที่หน้าประตู กำลังจะหันหลังกลับ ไป๋เสินเฟยก็หันกลับมา พูดกับหลินเซินว่า “ถ้านายอยากเป็นแฟนฉันจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“พี่ไป๋มีเงื่อนไขอะไรก็บอกมาได้เลย” หลินเซินพูดอย่างครุ่นคิด
ไป๋เสินเฟยหยิบของบางอย่างออกมา แล้วโยนให้หลินเซิน “ถ้านายเรียนรู้สิ่งนี้ได้ ก็มาหาฉันที่ฐานไฮ่เจียว ถึงตอนนั้น ฉันจะพิจารณาให้นายมีโอกาส”
พูดจบ ไป๋เสินเฟยก็หันหลังเดินจากไป ไม่รอให้หลินเซินพูดอะไรอีก
“พี่ไป๋ ผมถือว่าพี่พูดจริงนะ” หลินเซินรับของที่เธอโยนมา พบว่าเป็นสมุดบันทึก เขาเปิดดู ข้างในเต็มไปด้วยลายมือ
“จริงสิ” เสียงของไป๋เสินเฟยลอยมาไกลๆ ส่วนตัวเธอเดินไปไกลจนมองไม่เห็นแล้ว
“นี่มันวิชาพัฒนาร่าง?” หลินเซินดูอย่างละเอียด พบว่าเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างคุ้นเคย น่าจะเป็นวิชาพัฒนาร่างบางอย่าง แต่เนื่องจากมีแค่เนื้อหา ไม่มีชื่อ จึงไม่รู้ว่าเป็นวิชาอะไร
พลิกไปจนถึงหน้าสุดท้าย ก็มีแค่ส่วนของระดับกลายพันธุ์ไม่มีเนื้อหาส่วนหลัง
“อยู่ๆ ก็ให้วิชาพัฒนาร่างมา ไป๋เสินเฟยต้องการอะไรกันแน่?” หลินเซินไม่เข้าใจความหมายของไป๋เสินเฟย
หลินเซินกลับเข้าไปในบ้าน ศึกษาวิชานี้อย่างละเอียดอีกครั้ง วิชานี้ซับซ้อนกว่าที่เว่ยหวู่ฟู่สอน ไม่น่าจะเป็นวิชาพัฒนาร่างธรรมดาๆ แบบห้าวิชาคลาสสิก
“ดูเหมือนว่าวิชานี้จะค่อนข้างมีระดับสูง ถ้าเรียนรู้ได้ ก็จะแก้ปัญหาเรื่องวิชาพัฒนาร่าง ได้แฟนสวยๆ มาสืบทอดตระกูล และยังได้ประกายมาอีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัว” หลินเซินคิดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น
แต่เขาก็รู้ว่า ถึงเขาจะเรียนรู้วิชานี้ได้ ไป๋เสินเฟยก็อาจจะไม่ยอมเป็นแฟนเขา
หลินเซินไม่เข้าใจว่าไป๋เสินเฟยต้องการอะไร
หลังจากที่ไป๋เสินเฟยออกจากตระกูลหลิน เธอมองไปที่ประตูตระกูลหลินที่อยู่ไกลๆ แล้วพึมพำว่า “ทฤษฎีพรสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึก อัจฉริยะหลายคนยังฝึกไม่ได้ ไม่งั้นฉันคงไม่ติดอยู่ที่ระดับกลายพันธุ์ ไม่รู้ว่าต้องมีพรสวรรค์ระดับไหนถึงจะฝึกแได้ และกลายเป็นกุญแจไขประตูโชคชะตาของฉัน”