บทที่ 45 ก้าวแรก
บทที่ 45 ก้าวแรก
หลังจากฆ่าราชายักษ์แล้ว หลินเซินก็รู้สึกว่าพลังบูชายัญสวรรค์ในร่างกายลดหลั่นลงอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้ว
“ไม่แปลกใจเลยที่มันเป็นประกายพรสวรรค์ก้าวข้ามขีดจำกัดที่ไม่สมบูรณ์ สังเวยคนไปตั้งเยอะ แต่กลับฆ่าได้แค่ราชายักษ์ตัวเดียว ก็หมดพลัง ไม่สมบูรณ์จริงๆ” หลินเซินไม่กล้าอยู่ต่อ หันหลังผลักไข่กลายพันธุ์ แล้วลงจากเขาทางเดิม
ยักษ์ที่วิ่งมาถึงครึ่งทาง ไม่กล้าไล่ตาม ได้แต่มองดูหลินเซินหายไปหลังยอดเขา
ไข่กลายพันธุ์กลิ้งลงมา หลินเซินวิ่งตามไม่ทัน กลัวว่ามันจะตกแตก
โชคดีที่ไข่กลายพันธุ์ฟองนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด มันกลิ้งเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเชิงเขา ชนเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่ ทำให้ก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ไข่กลายพันธุ์กลับไม่เป็นอะไร
หลินเซินลงมาจากภูเขา ปัดฝุ่นออกจากไข่กลายพันธุ์ ไม่พบรอยแตกใดๆ
“สมกับเป็นระดับคริสตัล” หลินเซินชมในใจ กลิ้งไข่กลายพันธุ์ไปทางเดิม
ยังไม่ทันถึงชายหาด เขาก็เจอเว่ยหวู่ฟู่ในป่าเหล็ก ตอนนี้เว่ยหวู่ฟู่เดินได้แล้ว แต่ดูเหมือนจะยังไม่หายดี ขาดูเหมือนจะยังไม่ค่อยแข็งแรง
“นายมาได้ยังไง?” หลินเซินคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบถาม
“เสียงดัง .. ตามหา .. นาย” เว่ยหวู่ฟู่พูด
หลินเซินโล่งใจ เดาว่าเว่ยหวู่ฟู่คงได้ยินเสียงตอนที่เขาฆ่าราชายักษ์ เลยกังวล ตามเสียงมา
“เดี๋ยวเรากลับไปค่อยคุยกัน” หลินเซินพูดพลางกลิ้งไข่กลายพันธุ์ไปข้างหน้า
เมื่อทั้งสองกลับไปที่กองหิน เทียนซินก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ ผลของการจี้จุดยังอยู่
“ไข่คริสตัล?” เทียนซินเห็นไข่กลายพันธุ์ที่หลินเซินกลิ้งกลับมา ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
สิ่งมีชีวิตคริสตัลไม่ใช่ของหายาก แต่ไข่คริสตัลนั้นหายาก หลินเซินออกไปแป๊บเดียว ก็ได้ไข่คริสตัลกลับมา ไม่รู้ว่าไปเจอที่ไหน
หลินเซินไม่ได้บอกว่านี่คือไข่คริสตัลกลายพันธุ์ เขากลิ้งมันไปไว้ที่มุมหนึ่ง แล้วซ่อนไว้
“สหาย เรื่องที่ฉันพูดไป นายคิดยังไง? ถ้าเราร่วมมือกัน โอกาสที่จะได้กล่องสมบัติของจ้าวพิภพโบราณก็สูง…” เทียนซินพยายามชวนหลินเซินร่วมมือ
ตอนนี้เขาไม่เชื่อแล้วว่าหลินเซินเป็นแค่ระดับเหล็กกล้า เขาคิดว่าร่างกายเหล็กกล้าของหลินเซินเป็นแค่ภาพลวงตา จริงๆ แล้วหลินเซินเป็นระดับคริสตัล และไม่ใช่คริสตัลธรรมดา
“เอาจริงๆ จ้าวพิภพโบราณนี่มันเป็นยังไงกันแน่?” หลินเซินคุยกับเทียนซินเรื่อยเปื่อย
หลังจากนั้น หลินเซินก็ได้รู้เรื่องราวมากมายในจักรวาลจากเทียนซิน ยิ่งฟังก็ยิ่งตกใจ
ก่อนหน้านี้หลินเซินคิดว่าระดับคริสตัลคือระดับสูงสุดแล้ว แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ในจักรวาล ระดับคริสตัลก็ไม่ได้ต่างจากระดับเหล็กกล้าเท่าไหร่
เหล็กกล้า โลหะผสม และคริสตัล ในจักรวาลจะถูกเรียกรวมๆ ว่าสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการ เป็นสิ่งมีชีวิตระดับล่างสุด
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าขั้นตอนการวิวัฒนาการไม่สำคัญ ตามที่เทียนซินบอก ขั้นตอนการวิวัฒนาการนี้สำคัญมาก เป็นขั้นตอนการสร้างรากฐาน ต้องมีรากฐานที่ดี ถึงจะไปได้ไกล และแข็งแกร่งขึ้น
เช่นเผ่าพันธุ์ชาวสวรรค์ เกิดมาก็เป็นระดับคริสตัล มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดทารกระดับเหล็กกล้าหรือโลหะผสม นั่นคือความผิดปกติทางพันธุกรรม
หลินเซินคุยกับเทียนซินตลอด แต่ไม่พูดถึงเรื่องการตามหาศพของจ้าวพิภพโบราณ
เขารู้ดีว่าด้วยพลังแค่นี้ เทียบกับจ้าวพิภพยังไงก็ไม่ไหว ถ้าจ้าวพิภพทิ้งท่าไม้ตายอะไรไว้ ภุงเวลาพอโดนเข้าคงตายไม่รู้ตัว
หลินเซินยังคงยืนยันการตัดสินใจเดิม รอจนกว่าจะใช้เครื่องเทเลพอร์ตได้ แล้วค่อยกลับไป การเอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ตอนนี้พี่สามและพี่สี่หายตัวไป น่าจะมาที่ดาวดวงนี้เหมือนกัน แต่ดาวดวงนี้กว้างใหญ่ การตามหาพวกเขาก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
ถ้าพวกเขาตาย หลินเซินก็ต้องรับผิดชอบสืบทอดตระกูลหลิน เขาไม่สามารถเสี่ยงชีวิตไปทำเรื่องที่ไม่มั่นใจได้
เทียนซินก็ดูออกว่าหลินเซินไม่ได้อยากตามหาศพของจ้าวพิภพโบราณ แค่อยากล้วงข้อมูลจากเขา
แต่ชีวิตของเขาอยู่ในมือหลินเซิน เขาจึงไม่กล้าไม่โวยวาย ได้แต่อดกลั้นจนแทบจะกระอักเลือด
หลินเซินทั้งขู่ทั้งหลอกล่อ จนได้ความลับมากมายจากเทียนซิน
ตามที่เทียนซินบอก การวิวัฒนาการเป็นเพียงก้าวแรกในการออกจากดาว
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตคาร์บอน ต้องพึ่งพาออกซิเจนและสิ่งแวดล้อม ถ้าไม่วิวัฒนาการก็ยากที่จะมีชีวิตรอดบนดาวดวงอื่นในจักรวาล
ดาวดวงนี้แค่แรงโน้มถ่วงสูงกว่า สภาพแวดล้อมก็คล้ายกับที่มนุษย์อาศัยอยู่
ดาวบางดวงมีออกซิเจนเบาบางมาก หรือไม่มีออกซิเจนเลย มนุษย์ที่ไม่ได้วิวัฒนาการจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้
ยังมีสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิสูง อุณหภูมิต่ำ และมีรังสีต่างๆ ที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถไปได้อีก
หลินเซินคุยกับเทียนซินจนกระทั่งนาฬิกาใกล้จะนับถอยหลังเสร็จ เขาก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับจักรวาลมากขึ้น
“นายไม่อยากไปหากล่องสมบัติของจ้าวพิภพโบราณจริงๆ เหรอ? นั่นเป็นสมบัติที่จะทำให้นายก้าวข้ามขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์ได้เลยนะ…” เทียนซินยังคงพยายามชวนหลินเซิน
“ของดีก็จริง แต่ต้องมีชีวิตอยู่ถึงจะได้ใช้ ฉันไม่มีบุญวาสนาขนาดนั้น นายไปหาเองเถอะ” หลินเซินเห็นว่านาฬิกานับถอยหลังเสร็จแล้ว แสดงว่าสามารถเทเลพอร์ตได้อีกครั้ง เขาบอกลาเว่ยหวู่ฟู่ อุ้มไข่กลายพันธุ์ เตรียมเทเลพอร์ตกลับ
“อย่าเพิ่งไป… แก้จี้จุดให้ฉันก่อน…” เทียนซินร้องอย่างร้อนรน
“ถึงเวลามันก็หายเอง” หลินเซินพูดจบก็เปิดใช้งานเครื่องเทเลพอร์ตพร้อมกับเว่ยหวู่ฟู่ แล้วหายไปจากที่นี่
เขาไม่ฆ่าเทียนซิน อย่างแรกคือฆ่ามันยาก ถ้าไม่มีพลังเสริมจากบูชายัญสวรรค์ พลังของเขายังไม่พอที่จะฆ่าเทียนซินที่แข็งแกร่งเทียบเท่าระดับคริสตัลกลายพันธุ์ อย่างที่สองคือหลินเซินมีแผนอื่น เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเทียนซิน
กว่าเทียนซินจะควบคุมร่างกายได้ หลินเซินและเว่ยหวู่ฟู่ก็คงไปไกลแล้ว
ภาพตรงหน้าหลินเซินหมุนวน พอสายตากลับมาเป็นปกติ เขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำมืด มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากแสงสว่างที่เหมือนหน้าต่างอยู่ไกลๆ
“เว่ยหวู่ฟู่…” หลินเซินเรียกหลายครั้งแต่ไม่มีคนตอบ เขาจึงกลิ้งไข่กลายพันธุ์ เดินไปทางแสงนั้น แสงนั้นก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนประตูที่เปิดอยู่
ถึงแม้จะมีแสง และใกล้จะถึงประตูแล้ว แต่รอบๆ ก็ยังมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรข้างนอก
หลินเซินลองเดินผ่านประตูแสงไป ไม่พบอันตรายใดๆ จึงกลิ้งไข่ผ่านประตูไป
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลินเซินพบว่าตัวเองกลับมาที่ภูเขานอกหุบเขา นาฬิกาที่ข้อมือหายไปแล้ว
พอหันกลับไปมอง ก็ไม่เห็นประตูแสง หรือถ้ำมืด มีแค่เนินเขาเล็กๆ อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ภูเขาเล็กๆ แบบนั้น คงไม่มีถ้ำยาวขนาดนั้นหรอก
หลินเซินเห็นเว่ยหวู่ฟู่อยืนอยู่ไม่ไกล แถวนี้ไม่มีใครอื่นอีก
“ดูเหมือนว่าครั้งหน้าถ้าอยากเข้าไป ต้องให้เสวียนเหนี่ยวนำทาง” หลินเซินคุยกับเว่ยหวู่ฟู่สองสามคำ แล้วทั้งสองก็ผลัดกันกลิ้งไข่กลายพันธุ์ไปที่หุบเขา
เมื่อมาถึงเส้นทางบุปผา หลินเซินก็ได้ยินเสียง “แคร็ก” มีรอยแตกปรากฏขึ้นบนไข่กลายพันธุ์