บทที่ 23 การพบเจอ
อาเดียร์ยืนอยู่กับที่ ครุ่นคิดอย่างเงียบๆอยู่นาน
เมื่อไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาตัดสินใจเลิกคิด และเดินเข้าไปสำรวจห้องอย่างละเอียด
ห้องนี้ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างมานาน
พื้นเต็มไปด้วยฝุ่นหนา แสดงให้เห็นว่ามันน่าจะถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อยหลายปี
ในห้องนั้น เขาพบชั้นหนังสือบางชั้นที่เต็มไปด้วยหนังสือ
หนังสือแต่ละเล่มมีป้ายที่เขียนด้วยตัวอักษรซึ่งไม่คุ้นเคย
อาเดียร์หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา ปัดฝุ่นออก ก่อนจะเริ่มเปิดดู
“ชิป สร้างภารกิจใหม่ วิเคราะห์ตัวอักษรของโลกนี้”
เสียงตอบกลับดังขึ้นในหัว
“ติ๊ง! ภารกิจหนึ่งถูกสร้างแล้ว”
ขณะที่อาเดียร์เปิดอ่านหนังสือ พลิกหน้ากระดาษในมืออย่างรวดเร็ว ชิปในหัวของเขาก็เริ่มทำการสแกน
บันทึกข้อความทั้งหมด เนื้อหาในหนังสือถูกบันทึกลงในฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และเปรียบเทียบ
ด้วยการวิเคราะห์เชิงลึก เปรียนเทียบข้อความจำนวนมาก และพลังการคำนวณของชิป
หากมีข้อมูลมากพอ ชิปจะสามารถถอดรหัสภาษาของโลกนี้ได้ในที่สุด
ดูเหมือนว่าห้องนี้จะเคยเป็น ห้องสมุด ในอดีต
อาเดียร์ใช้เวลาสำรวจอยู่นาน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เวลาที่คาดว่าจะใช้ในการถอดรหัสภาษาคือ 37 วัน 8 ชั่วโมง...”
หลังจากบันทึกเสร็จสิ้น เสียงชิปแจ้งเตือนดังขึ้น พร้อมระบุเวลานับถอยหลังที่ต้องใช้ในการทำภารกิจให้สำเร็จ
“37 วัน...”
อาเดียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้กังวลมากนัก
เขาส่ายหัวและตัดสินใจเดินขึ้นไปสำรวจชั้นสอง
เมื่อเทียบกับชั้นล่างที่เต็มไปด้วยซากศพ ชั้นสองกลับสะอาดกว่ามาก
แม้ว่าจะมีซากศพอยู่บ้าง แต่จำนวนกลับน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ชั้นสองยังคงมีห้องหลายห้อง
อาเดียร์เดินไปยังห้องหนึ่งและเปิดประตูอย่างระมัดระวัง
ภายในห้องนั้นเงียบสงบ
แต่แทนที่จะพบหนังสือ เขากลับพบว่ามีสิ่งของที่ดูเหมือนจะเป็น ยาหลากหลายชนิด ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ
กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยลอยออกมาจากในห้อง
มันเป็นกลิ่นที่แปลกจนทำให้อาเดียร์หยุดชะงักและมองเข้าไปในห้องด้วยความสงสัย
อาเดียร์เดินเข้าไปในห้อง ดวงตาของเขาสังเกตเห็นแขนข้างหนึ่งที่ถูกตัดขาดซึ่งกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
แขนนั้นวางอยู่บนชั้นวาง ดูเหมือนเป็นของเด็กสาว
แขนข้างนี้ถูกฟันขาดอย่างเรียบเนียน ไม่ปรากฏร่องรอยเลือด แต่กลับซีดขาวอย่างน่าขนลุก
สิ่งที่ทำให้อาเดียร์ต้องหยุดคิด คือ แขนข้างนี้ยังดูใหม่อยู่
“ถูกตัดออกไปเมื่อประมาณสามถึงสี่วันก่อน”
อาเดียร์วิเคราะห์อย่างใจเย็น ดวงตาของเขาสำรวจรอบห้อง ภายในเต็มไปด้วยขวดและอุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการรักษา
เขาเริ่มคิดว่า ห้องนี้น่าจะเป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์และยารักษาโรค
และที่สำคัญ มันบ่งบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีใครบางคนยังเคยอยู่ที่นี่ และในละแวกนี้อาจมีผู้รอดชีวิตอยู่
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ อาเดียร์จึงเริ่มสำรวจห้องอื่น ๆ หวังว่าจะพบร่องรอยเพิ่มเติม
เขาเปิดประตูห้องทีละห้อง และในบางห้องก็พบสิ่งใหม่ ๆ
ในห้องหนึ่ง เขาพบว่ามีแมลงขนาดเล็กอาศัยอยู่ เขาทดลองฆ่ามัน
แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาเคยสัมผัสพลังงานพิเศษที่ช่วยเพิ่มพูนความเเข็งเเกร่งของเขา
ภายใต้การเฝ้าติดตามของชิปในสมอง ไม่มีสัญญาณใด ๆ ของการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
“หรือว่าต้องเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทพิเศษเท่านั้น ที่จะมอบพลังนั้นให้ได้?” อาเดียร์คิดในใจ
ด้วยความสงสัย เขาเดินมาถึงหน้าห้องถัดไป
มันเป็นประตูเหล็กที่ถูกล็อกด้วยกุญแจหลายชั้น มันดูแปลกประหลาด ราวกับว่ามันกลัวว่าอะไรข้างในจะหลุดออกไป
บนประตูปรากฏรอยบุบและรอยขีดข่วนหลายจุด ร่องรอยเหล่านี้ดูเหมือนจะเกิดจากการโจมตีภายในห้อง
แรงกระแทกที่หนักหน่วงจนทำให้ประตูเหล็กแข็งแกร่งนี้เสียรูปได้
ยืนอยู่หน้าประตู อาเดียร์รู้สึกถึงบางสิ่งผิดปกติจากสัญชาตญาณ
จากภายใน มีบางอย่างที่ปล่อยลมหายใจ ออร่าลึกลับออกมา ความรู้สึกอันตรายพลันเกิดขึ้นในใจเขา
อาเดียร์จ้องมองประตูนั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่เปิดประตู
เขาไม่เดินไปสำรวจห้องถัดไปด้วยซ้ำ แต่เลือกที่จะออกจากบริเวณนี้ทันทีด้วยความระมัดระวัง
บริเวณนี้ดูเหมือนจะมีอันตรายที่ไม่รู้จักซ่อนอยู่ อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยว่ามีผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ที่นี่
อาเดียร์จึงตัดสินใจออกจากบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า พบว่าฟ้าเริ่มมืดลงอย่างเห็นได้ชัด
เวลานี้ใกล้ค่ำเต็มที รอบข้างเริ่มมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ
บรรยากาศที่เคยเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยเสียงแมลงร้อง และเสียงคำรามต่ำ ๆ ที่ชวนขนลุก
บริเวณนี้ดูเหมือนจะอันตรายขึ้นในชั่วพริบตา และอาจจะน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลากลางคืนมาถึง
เมื่อคิดเช่นนี้ อาเดียร์ที่กำลังจะก้าวเดินออกไป กลับหยุดนิ่ง
ค่ำคืนนี้ บริเวณนี้ดูเหมือนจะอันตรายเกินไป หากเขาเลือกที่จะออกจากที่นี่ในเวลานี้ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเดินไปยังห้องอีกฝั่งที่ดูมั่นคงกว่า และเตรียมตัวพักอยู่ในนั้นจนถึงรุ่งเช้า
อาเดียร์ปิดประตูเหล็กหนาแน่น แล้วใช้ของหนักกดทับไว้ ก่อนจะเดินไปนั่งเงียบ ๆ ที่มุมห้อง ไม่ส่งเสียงหรือขยับตัวอีก
โลกยามค่ำคืนแตกต่างจากเวลากลางวันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคม อาเดียร์สามารถได้ยินเสียงจากที่ไกลออกไปอย่างชัดเจน
เสียงเหล่านี้เต็มไปด้วยความน่าหวาดกลัว ทั้งเสียงแมลงร้อง เสียงคำรามของสัตว์ป่าที่ดังขึ้นไม่ขาดสายในโลกภายนอก
อาเดียร์จินตนาการได้ว่า โลกภายนอกตอนนี้คงเต็มไปด้วยอันตรายมากกว่าตอนกลางวันอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น เขาลืมตาขึ้นพร้อมลุกขึ้นยืน
จากที่ไกลออกไป มีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้น แทรกมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักหน่วงที่อ่อนแรง
“มีคนอยู่ใกล้ ๆ !” ความคิดนี้พุ่งเข้ามาในหัวของอาเดียร์ ขณะที่มือขวาของเขาเอื้อมไปแตะดาบยาวที่เอว
เขายืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูออก แล้วก้าวออกมาจากห้อง
ในเวลานั้น ฟ้าภายนอกมืดลงอย่างมาก แต่ยังคงมีแสงรำไรเพียงพอให้มองเห็น
ที่ไกลออกไป เขาเห็นร่างสามร่างกำลังวิ่งหนีอย่างลนลาน ท่าทางเหมือนกำลังถูกบางสิ่งไล่ล่า
“วิ่งเร็วเข้า!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากระยะไกล
คนทั้งสามที่วิ่งมาจากที่ไกล เมื่อมองเห็นเงาร่างตรงหน้าตึก พวกเขาชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ
แต่เมื่อเห็นว่าเป็นอาเดียร์ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นโล่งใจ รีบส่งเสียงตะโกนเรียกเขาทันที
พวกเขาต้องการจะส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เป็นการกระทำที่เสียเปล่า
อาเดียร์ไม่สามารถเข้าใจภาษาของโลกนี้ได้เลย จึงไม่รู้ว่าพวกเขาตะโกนพูดอะไรกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นท่าทางตกใจและเร่งรีบของคนทั้งสาม อาเดียร์ก็พอจะเดาได้ถึงความหมายโดยรวม
เขาไม่ได้เลือกที่จะหนี แต่กลับใช้มือขวาดึงดาบยาวออกมาจากฝัก พร้อมกับจ้องมองไปยังสิ่งที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตาลึก
สิ่งที่ปรากฏอยู่ไกลนั้น คือสัตว์ประหลาดลักษณะคล้ายแมลงขนาดใหญ่
มันมีลำตัวคล้ายด้วงที่ปกคลุมด้วยเกราะสีดำมันวาว
แต่สิ่งที่ทำให้ขนลุกมากที่สุดคือกรงเล็บอันแหลมคมและปากอันน่าสะพรึงกลัว
ที่ดูพร้อมจะบดขยี้ทุกสิ่งในเส้นทางของมัน