บทที่ 22 การเสริมแกร่ง
ยืนอยู่บนผืนดินที่ไม่คุ้นเคย อาเดียร์ก้มมองร่างแห้งของสามศพที่นอนอยู่บนพื้น
“น่าจะตายมาแล้วอย่างน้อยสามถึงสี่ปี” เขาพึมพำเบาๆ
ในขณะเดียวกัน ชิปในหัวของเขาทำงานอย่างรวดเร็ว วิเคราะห์เวลาการตายและสาเหตุของการเสียชีวิตของศพเหล่านั้น
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหยิบภาพถ่ายขาวดำที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
เขาเช็ดทำความสะอาดภาพถ่ายอย่างระมัดระวัง และเก็บไว้ในตัว
“อย่างน้อยก็ยังมีคนจำใบหน้าของพวกเจ้าได้”
เขาพึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปตามถนนสายยาว
เมืองนี้เต็มไปด้วยความผิดปกติ
ทุกที่ในเมืองถูกปกคลุมด้วย ความเงียบสงัดที่น่าขนลุก ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
ตามปกติ แม้คนในเมืองจะตายไปทั้งหมด แต่ธรรมชาติก็ควรยังมีเสียงจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อยู่บ้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ซึ่งเสียง
แต่ความเงียบที่แตกต่างเช่นนี้ บ่งบอกถึงอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่า
สถานการณ์นี้เเปลกประหลาด
ด้วยความรู้สึกที่ระมัดระวัง อาเดียร์ก้าวเดินอย่างแผ่วเบา เสียงฝีเท้าของเขาแทบไม่ได้ยิน
ในที่สุด เขาก็มาถึงหน้าอาคารสูงแห่งหนึ่ง
มันเป็นอาคารที่เคยดูหรูหราในอดีต สังเกตได้จากโครงสร้างที่ยังเหลืออยู่ และตัวอักษรที่จารึกไว้บนกำแพง
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษาของโลกนี้ แต่จากสิ่งที่เห็น อาเดียร์คาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่า อาคารนี้น่าจะเป็นสถานที่สาธารณะ
ที่หน้าประตูของอาคาร มีซากศพกระจัดกระจายอยู่มากมาย
ร่างมนุษย์ที่เหลือเพียงโครงกระดูกที่น่าสะพรึงกลัว เพราะเนื้อหนังหายไปหมด
ลักษณะของซากศพบ่งบอกว่า ครั้งหนึ่งเคยมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
ผู้คนพยายามวิ่งหนีออกจากอาคารจนซากศพส่วนใหญ่หันหน้าไปทางประตูทางออก
แต่น่าเศร้าที่พวกเขาต้องเผชิญกับบางสิ่งที่น่าสะพรึง ในท้ายที่สุด พวกเขาก็จบชีวิตลงที่หน้าประตู ไม่สามารถหลบหนีไปได้
สายตาของอาเดียร์กวาดมองไปรอบๆ
อาคารหลังนี้เป็นจุดศูนย์กลาง และมีซากศพกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
เสียงแผ่วเบาที่ฟังดูคล้ายเสียงเลื้อยดังมาจากที่ไกลๆ
เสียงนั้นดึงดูดความสนใจของอาเดียร์ทันที
เขาหันไปมองตามทิศทางของเสียง
ด้วยสายตาที่เฉียบคม อาเดียร์สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะไกลได้อย่างชัดเจน
ซากศพที่ยังใหม่ในระยะไกล อาเดียร์สังเกตเห็น ซากศพที่ดูค่อนข้างใหม่ ซึ่งน่าจะเสียชีวิตไปได้ไม่นาน
มันเป็นศพของหญิงสาว แต่ร่างกายถูกกัดกินจนเหลือเพียงเศษเนื้อและกระดูก
บนเศษเนื้อที่ยังเหลืออยู่ มีบางสิ่งกำลัง ขยับไหว ดิ้น ส่งเสียงเบาๆ ออกมา
หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง อาเดียร์เริ่มก้าวเดินเข้าไปหาซากศพนั้นอย่างระมัดระวัง
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ อาเดียร์พบกับ ภาพที่น่าสะอิดสะเอียน
เศษเนื้อเต็มไปด้วยรูเล็กๆ ที่ภายในมี หนอนสีเขียว จำนวนมากกำลังเลื้อยไปมา
“ตรวจพบสิ่งมีชีวิตเป้าหมายมีพิษร้ายแรง ห้ามสัมผัสของเหลวในร่างกายของมันโดยเด็ดขาด!”
เสียงจากชิปดังขึ้นในหัวของอาเดียร์ เป็นการเตือนที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า
ชิปจะคอยตรวจจับสิ่งที่อาจเป็นภัยคุกคามและเตือนเขาเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
ใบหน้าของศพหญิงสาวนั้นเละจนไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
เลือดและเศษกระดูก กะโหลกศีรษะ ผสมกันจนดูน่าสยดสยอง เหลือเพียงเส้นผมยาวบนพื้นและเศษเนื้อบางส่วน ที่พอช่วยบ่งบอกได้ว่าเป็นหญิงสาว
อาเดียร์มองภาพนี้ด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ
เขาหันไปยังอาคารที่เต็มไปด้วยซากศพที่เคยสังเกตเห็นก่อนหน้านี้
โดยหวังว่าจะพบอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน
โลกใบนี้เต็มไปด้วยความลึกลับ เเปลกประหลาด อาเดียร์ไม่อาจทราบได้ว่ามันเคยเผชิญกับอะไรมาก่อนถึงได้กลายเป็นแบบนี้
สิ่งที่เขาต้องการที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาผู้รอดชีวิต เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์โลกนี้ให้มากขึ้น
อาเดียร์เดินเข้าไปในอาคารอย่างระมัดระวัง อาเดียร์กวาดสายตามองไปรอบๆ
รอบๆ ตัวของเขา มี ซากศพจำนวนมาก ที่สวมชุดเครื่องแบบเกรดต่ำแบบเดียวกัน
ดูเหมือนว่าซากศพเหล่านี้น่าจะเป็นพนักงานของสถานที่แห่งนี้
ขณะที่เดินผ่านไป เขาเห็น ป้ายติดหน้าห้องหลายสิบห้อง ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานหรือห้องเก็บของ
อาเดียร์เดินไปยังห้องหนึ่งอย่างระมัดระวัง มือขวาเอื้อมไปจับดาบที่คาดไว้ตรงเอว ก่อนจะดันประตูออกช้าๆ
แกร๊ก!
เสียงเบาๆ ดังขึ้นขณะที่ประตูถูกเปิดออก
สถานการณ์ไม่คาดฝันที่อาเดียร์จินตนาการไว้กลับไม่เกิดขึ้น
ห้องที่เขาเปิดออกนั้น ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ซากศพ
นอกจากฝุ่นที่ปกคลุมอยู่บางๆ ห้องดูสะอาดอย่างน่าประหลาด
อาเดียร์เดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง เสียงฝีเท้าของเขาดังก้องเบาๆ ในห้องที่ปิดสนิท
แกร๊ก!
ทันใดนั้น เสียงร้องเเหลมดังขึ้นพร้อมกับเสียงชักดาบ
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ด้านหลังของเขา ถูกฟันกระเด็นไปชนกำแพง
อาเดียร์หันกลับมาและมองไปข้างหลังเขา ที่สัตว์ประหลาดที่เขาเพิ่งกระแทกออกไป
สิ่งที่เขาเผชิญเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายหนู แต่มีขนาดใหญ่เท่าศีรษะมนุษย์
ดวงตาของมันเป็นสีแดงเลือด ร่างของมันถูกฟันจนเกือบขาดครึ่ง เครื่องในและลำไส้หลุดออกมา
แม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่สัตว์ร้ายนั้นยังคง ดิ้นรนต่อสู้อย่างรุนแรง
“ช่างมีชีวิตที่แข็งแกร่งนัก”
เมื่อเห็นว่าชีวิตตรงหน้าเขายังคงดิ้นรนอยู่ อาเดียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกดาบขึ้นและฟันซ้ำอีกครั้ง
สัตว์ร้ายถูกฟันจนขาดเป็นชิ้นๆ และในที่สุดก็หยุดเคลื่อนไหว
ขณะที่อาเดียร์กำลังจะออกจากห้อง เสียงจากชิปในหัวก็ดังขึ้น
“ตรวจพบพลังงานที่ไม่ทราบแหล่งกำเนิดส่งผลต่อร่างกายของผู้ใช้ สถานะร่างกายดีขึ้นเล็กน้อย”
เมื่อเขาตรวจสอบด้วยความสงสัย พบว่าร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจริง
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเล็กน้อยมากจนเเทบสัมผัสไม่ได้ แต่ด้วยการตรวจจับของชิป อาเดียร์ถึงจะสามารถสังเกตเห็นได้
“นี่มัน...เป็นเพราะสิ่งมีชีวิตนี้หรือเปล่า?”
เขาขมวดคิ้วและมองลงไปที่ร่างของสัตว์ร้ายที่ตายแล้ว ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในใจ
ในขณะที่เขากำลังคิด อาเดียร์มองเข้าไปในระยะไกล ทันใดนั้น เสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตอื่นในห้องก็ดังขึ้น
สัตว์ร้ายตัวอื่นที่ถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงดิ้นรนของสัตว์ตัวแรก เริ่มเคลื่อนตัวเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของมันนั้นเร็วมากและมันก็อยู่ตรงหน้าอาเดียร์ในทันที สัตว์ร้ายพุ่งเข้ามาทางกำแพงด้านข้าง เปิดปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม
อาเดียร์ไม่แม้แต่จะขยับตัว เขายกดาบในมือและฟันออกไปอย่างเฉียบขาด
ฉัวะ!
สัตว์ร้ายถูกฟันขาดเป็นสองส่วนในทันที
ด้วยความระมัดระวัง พิจารณาถึงพลังชีวิตที่น่ากลัวของมัน อาเดียร์เดินเข้าไปใกล้สัตว์ร้ายที่ยังดิ้นรน เขาฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนร่างของมันถูกตัดออกเป็นหลายส่วน
เมื่อมั่นใจว่าสัตว์ร้ายนั้นไม่มีลมหายใจอีกต่อไป เสียงจากชิปในหัวของเขาก็ดังขึ้น
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่คิด”
อาเดียร์พึมพำในใจ หลังจากฟังเสียงแจ้งเตือนจากชิป
ดูเหมือนว่าในโลกนี้ เมื่อสิ่งมีชีวิตถูกสังหาร จะมีพลังงานบางอย่างส่งมาถึงอาเดียร์
พลังงานนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขา แม้ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
จากการวิเคราะห์ของชิป ต้องฆ่าสัตว์ลึกลับเหล่านี้นับพันตัวจึงจะเพิ่มค่าพละกำลังได้เพียง 0.1 หน่วย
แม้ว่าการเพิ่มขึ้นจะน้อยมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ด้วยความสงสัย อาเดียร์จึงออกคำสั่งในใจ
“ชิป วิเคราะห์ต้นตอของพลังนี้ได้หรือไม่?”
“ข้อมูลไม่เพียงพอ ไม่สามารถทำการวิเคราะห์ได้!”
เสียงตอบกลับจากชิปดังขึ้น พร้อมคำปฏิเสธที่ชัดเจน
อาเดียร์ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับคำตอบนี้
แม้ว่าชิปจะมีความสามารถในการวิเคราะห์อันทรงพลัง แต่การวิเคราะห์ต้องอาศัยข้อมูลที่เพียงพอและสนับสนุน
หากไม่มีข้อมูลพื้นฐาน ชิปก็ไม่อาจวิเคราะห์อะไรได้จากความว่างเปล่า