บทที่ 13 คลิปดังเป็นพลุแตกเลยหรอ?!
บทที่ 13 คลิปดังเป็นพลุแตกเลยหรอ?!
"คุณเฉินครับ พวกเราจะให้ราคาที่คุณพอใจแน่นอน"
"ไม่ต้องรีบหรอกครับ" เฉินจิ่วซือยิ้มแล้วโบกมือ "คุณหลี่เดินทางมาไกลขนาดนี้ สู้พักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจให้ดีๆ แล้วค่อยว่ากัน"
"งั้นก็ขอตามใจคุณแล้วกัน"
ที่เฉินจิ่วซือไม่ได้ตอบตกลงทันที ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
การเจอกันครั้งแรกแล้วจะมาขอซื้อผลผลิตของทั้งหมู่บ้านที่ทำมาตลอดสามปี อีกฝ่ายจะตอบตกลงง่ายๆ ได้ยังไง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ต้องไปตรวจสอบรายละเอียดของกล้วยไม้สกุลหวายพวกนี้ด้วย ในตอนนี้แสงก็เริ่มมืดลงแล้ว วันนี้คงไม่สามารถจัดการอะไรได้แล้ว
ดังนั้นการพักอยู่ที่นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หลี่ชุนเหลยตอบตกลงอย่างเต็มปาก
ดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น
ตอนกลางคืนแบบนี้ เขาก็ไปไหนไม่ได้แล้วด้วย
"นายกะจะให้หมอนี่มาพักบ้านนายเหรอ"
ฝูจือหยินกระซิบข้างหูเฉินจิ่วซือเบาๆ "คนแปลกหน้า ไม่น่าจะเหมาะสมมั้ง"
"ก็ไม่มีที่อื่นให้พักแล้วนี่ แถมบ้านฉันก็มีห้องว่างด้วย"
เฉินจิ่วซือโบกมือ "อีกอย่าง ฉันก็ฝึกมาแล้วนะ คนธรรมดาสามสี่คนยังเข้าใกล้ฉันไม่ได้เลย จะไปกลัวคนวัยกลางคนคนเดียวทำไม"
โหมดเกาะร้างก็เปิดแล้ว
ถ้าหมอนี่ทำเรื่องไม่ดีก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี
ช่างเถอะ!
"ก็ตามใจนายแล้วกัน" ฝูจือหยินกล่าว "แล้วก็อย่าลืมล็อกประตูนะ อย่าทำเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบเปิดประตูทิ้งไว้อีกล่ะ"
พวกเขาสองสามคนคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าฝูจือหยินกลับบ้านตัวเองแล้ว เฉินจิ่วซือก็พาเขาเดินต่อไป จนทำให้หลี่ชุนเหลยเพิ่งรู้สึกตัว
"เมื่อกี้ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนในครอบครัวของคุณเหรอ"
"หือ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ"
"......" หลี่ชุนเหลยพูดไม่ออก
พวกคุณอยู่ด้วยกันแบบนั้น ไม่ใช่ครอบครัวเหรอ
มันดูแปลกๆ แล้วนะ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่พูดอะไรแล้ว เฉินจิ่วซือก็เหลือบมอง แล้วพาเขาไปยังบ้านข้างๆ "คืนนี้คุณพักที่ห้องตะวันออกเฉียงใต้นะ เดี๋ยวผมจะไปหาผ้าห่มให้"
"ส่วนเรื่องอาหาร ก็เป็นของที่หากินได้ทั่วไปบนเกาะ ผมไม่ตกปลา ก็เลยไม่มีอาหารทะเลให้กิน"
"ไม่เป็นไรครับ แค่มีอะไรกินก็พอแล้ว"
หลี่ชุนเหลยรีบโบกมือ
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง
เมื่อนั่งลงที่โต๊ะอาหาร หลี่ชุนเหลยก็ใช้เวลาเรียบเรียงคำพูดอยู่นาน จนในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมา "คุณเฉินยังหนุ่มยังแน่นก็ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว แถมยังตั้งบริษัทของหมู่บ้านขึ้นมาอีก เก่งจริงๆ เลยนะครับ"
"แถวบ้านเราเป็นหมู่บ้านยากจนที่มีชื่อเสียง ใครที่ยังหนุ่มยังแน่นแล้วอยากกลับมาพัฒนาก็สามารถได้รับตำแหน่งได้ง่ายๆ เลยครับ" เฉินจิ่วซือพูดอย่างสบายๆ
"คุณพูดเล่นแล้วครับ" หลี่ชุนเหลยเปลี่ยนเรื่อง "กล้วยไม้สกุลหวาย 1,000 เอเคอร์เนี่ย มีมูลค่าอย่างน้อยก็ 15 ล้านหยวน ถ้าที่นี่เป็นหมู่บ้านยากจน แล้วทั้งประเทศจะมีหมู่บ้านที่ไม่ยากจนอีกกี่แห่งกันล่ะเนี่ย"
"อุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายของเราเพิ่งจะเริ่มได้เก็บเกี่ยวเป็นครั้งแรกในปีนี้ครับ"
"อ๋อ.. อย่างนั้นก็แสดงว่า อุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายนี้ก็เป็นฝีมือของคุณคนเดียวเลยสิครับ"
เฉินจิ่วซือเลิกคิ้วขึ้น "คุณหลี่ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลยเถอะครับ ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ไม่จำเป็นต้องบอกเป็นนัยๆ"
"ไม่ทราบว่าคุณจะยอมขายผลผลิตจาก 900 เอเคอร์ที่อยู่ในมือของคุณให้ผมในราคา 15 ล้านหยวนได้ไหมครับ" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดตรงๆ แล้ว หลี่ชุนเหลยก็ไม่พูดอ้อมค้อม "เฉลี่ยแล้วหนึ่งเอเคอร์ก็ 16,000 หยวน ไม่น่าจะต่ำไปใช่ไหมล่ะครับ"
"ไม่ต่ำครับ" เฉินจิ่วซือพยักหน้าเล็กน้อย "แต่ผมตั้งใจว่าจะหาผู้ผลิตอีกหลายรายมาดูว่าแต่ละบริษัทจะให้ราคาเท่าไหร่กันบ้าง"
ถ้าเป็นกล้วยไม้สกุลหวายจินไฉธรรมดา ราคานี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล หรืออาจจะสูงกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ
แต่กล้วยไม้สกุลหวายของหมู่บ้านเขามีคุณภาพดีเยี่ยม
ราคาที่ถูกเสนอเมื่อครู่มีส่วนต่างราคา 7% จากกล้วยไม้สกุลหวายธรรมดา ถ้าขายในราคานี้จริงก็คงขาดทุนแย่!
แถมราคา 150 หยวนต่อกิโลที่สัญญาไว้กับชาวบ้านก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลี่ชุนเหลยรีบพูดขึ้น "ถ้าไม่พอใจ เราก็ค่อยๆ คุยกันได้ ทำไมต้องเอาคนอื่นเข้ามาด้วยล่ะครับ"
ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ช่างรับมือยากกว่าที่เขาคิดจริงๆ!
ดูเหมือนว่าการที่เขาได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็เพราะว่าเขามีความสามารถจริงๆ ด้วย
"ไม่ครับ ผมแค่อยากจะได้ยินราคาที่มากกว่านี้"
เฉินจิ่วซือพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ราคาที่ผมตั้งไว้ตอนแรกคือ 15,000 หยวนต่อเอเคอร์ แต่พอได้รายงานการตรวจสอบเมื่อสองสามวันก่อน มันก้ทำให้ผมรู้ว่ากล้วยไม้สกุลหวายของผมมีคุณภาพที่ดีที่สุด แต่ราคาที่แตกต่างกันของกล้วยไม้สกุลหวายคุณภาพธรรมดากับคุณภาพดีที่สุดมันต่างกันมากขนาดไหน ผมก็ยังไม่แน่ใจ"
ราคาที่แตกต่างกันของกล้วยไม้สกุลหวายคุณภาพธรรมดากับคุณภาพดีที่สุด... ต่างกันถึง 3 เท่าเลยนะ!
เมื่อหลี่ชุนเหลยได้ยินคำพูดของเฉินจิ่วซือ เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก
ถ้าทำตามที่อีกฝ่ายพูด พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะซื้อถูกขายแพงได้อีกแล้ว
ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง โทรศัพท์มือถือของเฉินจิ่วซือก็ดังขึ้น
"ขอโทษนะครับ ผมขอรับโทรศัพท์ก่อน"
เมื่อเห็นว่าหน้าจอแสดงคำว่า 'เพื่อนซี้' เฉินจิ่วซือก็หันไปพูดประโยคหนึ่ง แล้วก็รับโทรศัพท์ "มีอะไรเหรอ"
เขารู้ว่าเพื่อนซี้ของเขาชอบพิมพ์ข้อความมากกว่าโทรศัพท์
ถ้าโทรมาแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ
"นายได้ดูติ๊กต็อกของนายหรือยัง"
"หือ ยังเลย ฉันเพิ่งทำอาหารเสร็จ ทำไมล่ะคลิปมีปัญหาเหรอ"
เฉินจิ่วซือรู้สึกใจหายวาบ
สมองเริ่มคิดทบทวนอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนที่เขาอัปโหลดก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา
"ไม่มี! ไม่มีปัญหา! ไม่สิ มีปัญหา มีปัญหาใหญ่เลย!"
ฝูจือหยินพูดอย่างตื่นเต้น "มันดังแล้ว คลิปนั่นมันดังแล้ว ภายในบ่ายเดียว แฟนคลับของนายก็เพิ่มขึ้นตั้ง 600,000 คน ยอดวิวของวิดีโอนั่นก็เยอะจนฉันนับไม่ไหวแล้วเนี่ย!"
"รีบเข้าไปดูในระบบหลังบ้านของนายเลยจะได้รู้!"
"ไม่คิดเลยว่าคุณตาจะได้รับความนิยมขนาดนี้!"
"บางที ด้วยคลิปนี้ นายอาจจะมีโอกาสได้แฟนคลับเป็นล้านคนเลยก็ได้นะเนี่ย!"
ข่าวเรื่องที่มีคนได้แฟนคลับเป็นล้านคนจากคลิปเดียวก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
เขาคิดมาตลอดว่าเรื่องพวกนี้มีทีมงานเบื้องหลัง
แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันแบบนี้กับตัวเอง
เฉินจิ่วซือรู้สึกมึนงงไปหมด
เขาคิดว่าต้องรอให้สร้างสวนภูเขาไฟเสร็จก่อนหมู่บ้านหยุนซีถึงจะมีชื่อเสียง
แต่เขาไม่คิดเลยว่าสวนภูเขาไฟก็ยังไม่ได้เริ่มสร้าง แต่คุณตาก็ดันทำให้ดังได้ซะแล้ว!
แฟนคลับ 1 ล้านคน อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ในวงการสื่อโซเชียล
แต่สำหรับหมู่บ้านหยุนซี สำหรับเฉินจิ่วซือ มันมีความหมายมากจริงๆ
ด้วยสิ่งนี้ มันก็จะสามารถทำให้คนรู้จักหมู่บ้านหยุนซี รู้จักกล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟ และสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมของหมู่บ้านได้แล้ว
ในอนาคต เมื่อเกิดสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ขึ้น ก็จะมีคนสนใจทันที
ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
แถมยังสามารถเชิญแฟนคลับมาเยี่ยมชมสิ่งมหัศจรรย์ได้โดยตรงผ่านช่องทางนี้ได้อีกด้วย
เมื่อตั้งสติและส่ายหัวไปมา เฉินจิ่วซือก็สลัดความคิดแปลกๆ ในหัวออกไป
เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
ส่วนหลี่ชุนเหลยที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้างุนงงหลังจากได้ฟังบทสนทนาเมื่อครู่..