ตอนที่ 205 ผมไม่คุ้มเลยสักนิด!
ตอนที่ 205 ผมไม่คุ้มเลยสักนิด!
“ก็อย่างที่นายได้ยินนั่นแหละ!” เอริคปรายตามองเอมิลด้วยท่าทีไม่แยแส
“แก!” เอมิล บลอนสกี้เบิกตาด้วยความโกรธจัด ลมหายใจของเขาฟึดฟัดออกมาจากจมูก พร้อมกับแววตาที่เริ่มเปล่งแสงสีเหลืองวูบวาบ
“เอมิล! เงียบซะ!” นายพลรอสส์ยื่นมือมาขวางเอมิลไว้ ก่อนจะเดินตรงไปที่เอริคและจ้องลึกลงในดวงตาเขา “พวกเขาคือทหารของฉัน! และต่อให้พวกเขากลายเป็นฮัลค์ พวกเขาก็ยังเป็นทหารของฉัน!”
เอริคส่ายหน้าช้า ๆ “ถ้าอย่างนั้น คุณคิดจะพาพวกเขากลับไปที่โลกเหรอ? แล้วให้พวกนักการเมืองค้นพบพวกเขา จับพวกเขาไปขังไว้ในกรงเป็นหนูทดลอง หรือใส่โซ่แล้วส่งไปที่สนามรบ?”
“ฉันไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น!” นายพลรอสส์คำราม พร้อมกับสีผิวที่เริ่มแดงก่ำขึ้น
ทันใดนั้นเอริคก็จงใจเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นให้คนทั้งหมดที่อยู่ในที่นี่ได้ยิน ทำให้เหล่าทหารกว่า 5,000 นายหยุดพูดคุยกัน และหันมาจับจ้องเอริคกันอย่างเงียบ ๆ
“นายพลรอสส์ คุณรู้ดีว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณจะตัดสินใจได้!” คำพูดของเอริคทำให้นายพลรอสส์ ผู้ซึ่งเป็นนักการเมืองที่ช่ำชองต้องตกอยู่ในภวังค์
เอริคพูดถูก ในดาวดวงนี้ไม่ว่าทหารเหล่านี้จะอยู่ในสภาพมนุษย์หรือกลายร่างเป็นฮัลค์ เขายังสามารถควบคุมพวกเขาได้ แต่หากกลับไปที่โลก นายพลรอสส์เป็นเพียงนายพลกองทัพอากาศธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีนักการเมืองคนไหนจะปล่อยให้เขามีอำนาจมากมายขนาดนี้แน่นอน
และในเวลานั้น คนแรกที่จะเล่นงานเขาอาจเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ดีถึงนิสัยของพวกนั้น และหากถึงเวลานั้นเขาจะทำอะไรได้? จะต่อต้าน หรือจะยอมจำนน?
“พวกเขาไม่มีทางทำอะไรเราได้! เรามีพลังของพระเจ้า เราคือกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก!” เอมิล บลอนสกี้กระโจนเข้ามาคว้าคอเสื้อเอริคไว้แน่นและคำรามลั่น
“ผู้ใหญ่กำลังพูดกัน เด็กอย่ายุ่ง!” เอริคพูดโดยไม่แม้แต่จะมองเอมิล เขายื่นมือออกไปผลักเบา ๆ ทำให้เอมิลล้มลงไปกองกับพื้น
“แกกำลังดูถูกฉันเพราะฉันตัวเล็กใช่ไหม!” เอมิลฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออก ร่างกายของเขาเริ่มพองโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สีผิวเปลี่ยนเป็นเหลืองเขียว หนามแหลมงอกออกมาจากหลังและข้อศอกของเขา ตอนนี้อะบอมิเนชันได้เผยโฉมออกมาแล้ว
“โฮกกก!” อะบอมิเนชันคำรามออกมา เสียงคำรามส่งคลื่นพลังมหาศาลพร้อมกับเศษฝุ่นและกรวดกลิ้งเข้าหาเอริค
“น่าสนใจ นายคิดจะสู้กับฉันงั้นเหรอ?” เอริคยิ้มบาง ๆ ก่อนจะยกมือขึ้น ทันใดนั้นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นก็ปัดคลื่นเสียงและพลังงานออกไป จากนั้นเขาก็หายตัวไปในพริบตา
อะบอมิเนชันหันกลับมาแต่ไม่พบเอริค จึงเหวี่ยงหมัดไปด้านหลัง หวังว่าจะโดนคู่ต่อสู้ แต่มันก็ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย
“ฉันอยู่ตรงนี้ ทำไมต้องหันหลังด้วย?” เสียงของเอริคดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้อะบอมิเนชันหันกลับมาอีกครั้งและพบว่าเอริคกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
“แกหลอกฉัน!” อะบอมิเนชันไม่เหมือนบรูซ แบนเนอร์ เขายังคงมีสติและจดจำสิ่งต่างๆ ได้แม้จะกลายร่าง
“ไม่ได้หลอกหรอก แต่นายมันโง่เอง!” เอริคหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมกับชกออกไปเบา ๆ
แต่หมัดที่ดูเหมือนเบาหวิวนี้ของเขากลับทำให้อะบอมิเนชันปลิวไปไกลหลายกิโลเมตร
หลังจากนั้นเอริคก็สะบัดมือราวกับกำลังปัดฝุ่นออก “ท่านนายพล ทหารของคุณนี่ดูไม่ค่อยจะได้เรื่องเลยนะ!”
นายพลรอสส์จ้องมองเอริคอย่างเงียบ ๆ และกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นเสียงคำรามของอะบอมิเนชันก็ดังขึ้นอีกครั้งจากระยะไกล ๆ ตอนนี้เขากำลังวิ่งกลับมา
“เงียบซะ!” เอริคยกมือขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแรงโน้มถ่วงมหาศาลที่ถาโถมใส่อะบอมิเนชัน ทำให้เขาขยับไม่ได้แม้จะคำรามจนคอแตกก็ได้
“เอริค อย่าทำแบบนี้เลย!” บรูซ แบนเนอร์เดินเข้ามาพยายามช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“ถอยไป!” เอริคมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นายจำช่วงเวลาที่ถูกขังในกรงได้ไหม? นายอยากให้เบ็ตตี้และลูกของนายต้องเป็นแบบนั้นหรือเปล่า?”
คำพูดของเอริคทำให้บรูซลังเล แต่สุดท้ายเขายังคงยืนอยู่ข้างหน้าเอริค “ฉันรู้ว่านายฉลาด และมีวิธีมากมาย แต่ถ้านายมีทางช่วยพวกเราได้จริง ๆ นายก็ควรนั่งลงและพูดคุยกันดี ๆ แทนที่จะมาดูถูกพวกเราแบบนี้!”
“ดูถูก? ฮ่า ๆ!” เอริคหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลอยตัวขึ้นเหนือพื้น มองลงมายังทหารกว่า 5,000 นายเบื้องล่างด้วยสายตาเหยียดหยาม “พวกแกมันก็แค่พวกโชคร้ายติดเชื้อไวรัสโดยไม่รู้เรื่อง แล้วก็หลงคิดว่าได้รับพลังจากพระเจ้า เหอะ! น่าขันสิ้นดี! ดูถูก? พวกแกคู่ควรด้วยเหรอ?”
คำพูดของเอริคทำให้เกิดความโกรธเกรี้ยวขึ้นในหมู่ทหาร ก่อนที่ทุกคนจะกลายร่างเป็นฮัลค์และคำรามใส่เขา
ทันใดนั้นลมพายุก็เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อพลังของฮัลค์กว่า 5,000 ตนก่อกวนบรรยากาศของดาวเซนโวเบรี่
เอริคมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงบ ก่อนจะหันไปถามบรูซ แบนเนอร์และนายพลรอสส์ “จะร่วมวงด้วยไหม?”
“เอริค นายไม่ควรทำแบบนี้!” นายพลรอสส์คำรามด้วยความโกรธ ก่อนที่ร่างของเขาจะเปลี่ยนเป็นเรดฮัลค์ ส่วนบรูซ แบนเนอร์ที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนใจ ก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นโฟร์แฮนด์ฮัลค์อย่างช่วยไม่ได้
ขณะที่จักเกอร์นอทที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์รอบตัว เขามองไปรอบ ๆ อย่างงุนงง ก่อนจะคว้าก้อนแร่ทองคำขึ้นมาแล้ววิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ราวกับกลัวว่าการต่อสู้นี้จะทำให้สมบัติของเขาเสียหาย
เมื่อเอริคเห็นฉากนี้ เขาก้แทบจะอาเจียนด้วยความหงุดหงิด เจ้ายักษ์โง่นี่เกือบทำลายบรรยากาศที่เขาอุตส่าห์สร้างขึ้นมา กลับไปต้องหักเงินเดือนให้เข็ด!
“โฮกกก!” ในระยะไกล อะบอมิเนชันใช้ความมุ่งมั่นอันแรงกล้าต้านทานแรงโน้มถ่วงมหาศาลอย่างยากลำบาก และค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
ซึ่งเสียงคำรามนี้ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณให้เหล่าฮัลค์กว่า 5,000 คน ภายใต้การนำของเรดฮัลค์และโฟร์แฮนด์ฮัลค์พุ่งตรงไปยังเอริค
ทำให้สิ่งที่ปรากฏในสายตาก็คือเหล่ายักษ์สีเขียวที่กำลังกรูเข้ามา โดยเอริคถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลแห่งฮัลค์ในพริบตา
“ไม่รู้เหมือนกันว่าเทพสายฟ้าจะรับมือกับการโจมตีแบบนี้ไหวไหม?” การโจมตีราวกับวันสิ้นโลกกำลังใกล้เข้ามา แต่เอริคกลับไม่แสดงความตื่นตระหนก เขาเพียงหมุนตัวมองไปรอบ ๆ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นแล้วดีดนิ้ว
เป๊าะ!
เสียงดีดนิ้วเบา ๆ ดังนั้นขึ้น แต่มันกลับดังกลบเสียงคำรามของฮัลค์ทั้ง 5,000 ตนได้อย่างง่ายดาย และภายในใจกลางของดาวเซนโวเบรี่ก็เกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาชั่วพริบตา
บนท้องฟ้าฮัลค์กว่า 5,000 ตัวที่กระโดดขึ้นไปสูงเหมือนว่าวที่ขาดสาย พากันตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนหมดสติ จากนั้นก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์
หลังจากนั้นเอริคก็ค่อย ๆ ร่อนลงมาอย่างสง่างาม มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าและเอ่ยขึ้นอย่างสบาย ๆ “เป็นยังไงบ้าง? ผลลัพธ์ใช้ได้ไหม? ไม่ทำให้พวกเขาเสียขวัญใช่ไหม?”
นายพลรอสส์ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไร้ร่องรอยบาดเจ็บ แม้แต่พลังแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรงจนถึงขีดสุดก็เหมือนจงใจละเว้นเขาไว้
“ไม่ต้องห่วง หัวใจพวกเขาแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้า!” นายพลรอสส์ตอบด้วยความภาคภูมิใจในตัวทหารของเขา “ครั้งนี้ต้องขอบใจนายจริง ๆ ถ้าไม่มีนายช่วยแบบนี้ พวกเขาคงหลงตัวเองจนลอยไปถึงฟ้าแล้ว”
“เอาเถอะน่า แค่คำขอบคุณของคุณ มันไม่คุ้มที่ผมต้องกลายเป็นตัวร้ายในสายตาของพวกเขาเลย!” เอริคพูดพร้อมแสดงท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
โปรดติดตามตอนต่อไป …