85 - การพนัน
ในช่วงเวลาสอบ เวลามักผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสามวันแล้ว เวลานี้ใกล้เที่ยง เมืองหวายหนิงทั้งเมืองอาบไปด้วยแสงแดดอันอบอุ่น ถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คน เสียงอึกทึกครึกโครม
ที่ไกลออกไป มีเด็กหนุ่มผู้เรียบง่ายคนหนึ่งถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคน สีหน้าเต็มไปด้วยความจนปัญญาขณะมุ่งหน้าไปยังศาลาว่าการ
"เร็วเข้า จื้อเอ๋อร์ ถ้าช้า เราคงไม่มีที่ยืนดี ๆ แน่"
"ใช่แล้ว ๆ พวกเรายังรอดูเจ้าสอบติดรายชื่ออีกครั้งอยู่เลย"
"ครั้งนี้ เจ้าหมูอ้วนมีความมั่นใจหรือไม่..."
ท่านลุงใหญ่ จูโซ่วเหริน พร้อมด้วยคนอื่น ๆ ในกลุ่มพูดเย้าแหย่จูผิงอันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดินไป พวกเขาไม่เว้นจังหวะให้จูผิงอันตอบเลย ใครคนหนึ่งพูดเสร็จ อีกคนก็รับต่อราวกับถาโถมไม่หยุด
"ข้า..." จูผิงอันยังไม่ทันพูดคำที่สองก็ถูกขัดจังหวะ
"จื้ออ๋อร์ อย่ากังวลไป แม้รอบนี้จะไม่ติดก็ไม่เป็นไร อย่างไรเจ้าก็เคยติดรายชื่อรอบแรกมาแล้ว ถือเป็นเกียรติยศกลับบ้านเกิด"
"ฮ่า ๆ ๆ จริง ๆ เลย..."
กลุ่มนักเรียนาและบัณฑิตจากหมู่บ้านเดียวกันต่างพากันดึงจูผิงอันไปข้างหน้า ขณะพูดแซวอย่างครึกครื้น
จูผิงอันได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ เมื่อมองท่านลุงใหญ่และกลุ่มคนรอบตัว รู้สึกว่าทำไมถึงเหมือน "จักรพรรดิยังไม่รีบร้อน แต่ขันทีรีบร้อนแทน" อีกแล้ว และครั้งนี้ดูเหมือนจะวุ่นวายยิ่งกว่าครั้งแรก เพราะอย่างน้อยครั้งก่อนตอนเดินทางมาที่นี่ไม่ได้วุ่นวายขนาดนี้
ศาลาว่าการยังไม่ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบรอบที่สอง แต่ฝูงชนก็มากันแน่นขนัดจนแทบจะไม่มีที่ยืน ดูเหมือนว่าคนมาดูกันมากกว่าครั้งแรกเสียอีก
"ดูสิ จื้อเอ๋อร์ เพราะเจ้าโลภกินเสียเวลา พวกเราถึงต้องมายืนอยู่ข้างนอกอีกแล้ว"
"ข้าขอเห็นด้วย ต่อให้ไม่มีความมั่นใจ ก็ไม่ควรละทิ้งตัวเองถึงขนาดนี้"
"การประกาศรายชื่อแค่ครั้งเดียว จะกลัวจนตัวสั่นไม่กล้ามาดูเชียวหรือ"
นักเรียนในกลุ่มที่เข้าร่วมการสอบรอบนี้ต่างกระวนกระวายอยากดูรายชื่อ เมื่อได้ยินคนบ่นว่าจูผิงอันโลภกินจนมาช้า ก็รีบเออออตามทันที
"อย่าโทษ ๆ หลานข้าเลย ข้าขอโทษพวกท่านแทนเขาก็แล้วกัน"
ท่านลุงใหญ่ ก้าวออกมาเหมือนผู้ใหญ่ใจดีที่คอยปกป้องหลาน ยืดอกรับความผิดทั้งหมดแทนจูผิงอัน
"พี่ใหญ่จูช่างเป็นคนใจกว้างแท้..." คนรอบข้างมองจูโซ่วเหรินด้วยสายตาชื่นชม
จูผิงอันได้แต่พูดไม่ออก เช้าวันนี้เขาเพิ่งเดินกลับมาจากริมแม่น้ำหลังดูข้อสอบ นึกอยากกินของว่าง แต่เมื่อหาไม่เจอ จึงสั่งกับข้าวราคาถูกกับหมูตุ๋นถั่วเหลืองมาชามเล็ก ๆ กับข้าวต้มในโรงเตี๊ยม แต่ยังไม่ทันได้กิน ท่านลุงใหญ่และคนอื่น ๆ ก็เร่งพาเขามาดูประกาศ ทั้งที่ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนประกาศรายชื่อ
ตอนนี้คนพวกนี้ช่างทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
คนที่เคยเปิดบ่อนพนันในครั้งก่อนกลับมาเปิดอีกครั้ง คราวนี้เขียนถึงจูผิงอันในสมุดบันทึกว่า "เด็กหนุ่มอายุเพียง 13 ปี จากหมู่บ้านเซี่ยเหอ เคยแต่งกลอนระหว่างทางที่ศาลาพักแห่งหนึ่ง กลอนที่ว่า 'ครั้งหนึ่งโดนงูกัด ทุกแห่งล้วนได้ยินเสียงนกร้องให้' และปัจจุบันพักอยู่ในห้องเก็บฟืนเก่า ๆ ของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ชอบกินและนอนหลับ" พร้อมทั้งเปิดพนันว่าจูผิงอันจะสอบติดรายชื่อหลักหรือรายชื่อรอง หรือสอบตก
เมื่อจูโซ่วเหรินอ่านถึงตรงนี้ ดวงตาก็เป็นประกาย ล้วงเศษเงินในแขนเสื้อออกมาหนึ่งตำลึง วางเดิมพันว่าจูผิงอันจะสอบตก
บรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมทางต่างพูดแซวและทำตาม บ้างวางเงินทองลงพนันว่าจูผิงอันจะสอบตก ไม่มากก็น้อย แต่ไม่มีต่ำกว่าร้อยเหรียญทองแดง
บรรยากาศคึกคักจนทำให้ผู้คนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์เดิมต่างพากันวางเดิมพันตาม ว่าจูผิงอันจะสอบตก เพราะคิดว่า "จะมีอะไรเล่า คนที่โดนงูกัดและนกร้องให้ ถูกโชคช่วยครั้งหนึ่งแล้ว จะมีครั้งที่สองอีกหรือ"
เจ้าของบ่อนพนันเห็นดังนั้นจึงลดอัตราต่อรองของการสอบตกลงถึงสามเท่า ก่อนจะหยุดไม่รับเงินพนันเพิ่ม
"จื้อเอ๋อร์ มาร่วมเดิมพันสิ ฮ่า ๆ อย่างน้อยถ้าสอบตกก็ยังได้เงินปลอบใจกลับมา ดีมาก ดีมาก"
จูผิงอันหัวเราะเบา ๆ เดินเข้าไปดูบ่อนอย่างสนใจ แต่เจ้าของบ่อนรีบหยุดทันทีเพราะกลัวว่าถ้าจูผิงอันลงเดิมพันว่าสอบตก เขาจะเสียเงินจนหมดตัว
“โอ้ ช่างน่าเสียดาย ข้ายังคิดจะเดิมพันว่าข้าจะสอบติดในรายชื่ออยู่เลย”
จูผิงอันพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
เมื่อได้ยินว่าจูผิงอันจะลงเงินเดิมพันว่าจะสอบติด รายชื่อหลักเจ้าของบ่อนพนันถึงกับยิ้มออกมา ในที่สุดก็มีคนลงเดิมพันว่าติดสักที แบบนี้เขาจะไม่ต้องเสียเงินเยอะเกินไป
“แม้จะต้องปิดรับ แต่ใครเล่าจะตัดใจจากโชคชะตาที่ทำให้เราได้พบกันอีกครั้ง? งั้นครั้งนี้ข้าขอยกเว้นให้ก็แล้วกัน” เจ้าของบ่อนเรียกจูผิงอันไว้ ท่าทางสนิทสนม
“ขอบคุณมาก สามตำลึง ลงเดิมพันที่ รายชื่อหลัก จูผิงอันวางเงินลงเบา ๆ พร้อมยกมือขอบคุณ
“เฮ้อ เจ้าหมูอ้วน เจ้าให้ท่านลุงใหญ่พูดอะไรดีล่ะ...” ท่านลุงใหญ่เมื่อเห็นจูผิงอันวางเงินสามตำลึงเพื่อเดิมพันว่าจะสอบติด รายชื่อหลัก ก็ได้แต่ส่ายหัว พร้อมพูดอย่างท้อแท้ว่าบ้านนี้ช่างไร้วาสนา
คนอื่น ๆ เองก็หัวเราะเยาะจูผิงอันที่ทำเหมือนว่าเก่งนัก
ทันใดนั้น เสียงฆ้องก็ดังขึ้น เจ้าหน้าที่ผู้ประกาศรายชื่อเดินเข้ามาพร้อมรายชื่อในมือ โดยมีข้าราชการคุ้มกัน
ผู้คนต่างส่งเสียงอึกทึก จับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่ราวกับจะเร่งให้เขาติดประกาศเร็ว ๆ
ไม่นานนัก รายชื่อก็ถูกติดขึ้น ทันทีที่ประกาศถูกเผยออกมา ผู้คนที่มาดูก็แสดงอารมณ์หลากหลาย ทั้งดีใจและเศร้าเสียใจ บางคนถึงกับร้องไห้จนฟูมฟาย
“ไม่มีชื่อที่นั่ง ‘ติงฉิว’ จริง ๆ...” ชาวบ้านที่ร่วมทางกันมาจ้องรายชื่ออยู่นาน ก่อนจะเผยรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ เงินห้าตำลึงเข้ากระเป๋าข้าแล้ว!” นักเรียนที่ลงเงินห้าตำลึงว่าจูผิงอันจะสอบตกยิ้มอย่างพอใจ เพราะด้วยอัตราต่อรองหนึ่งต่อหนึ่ง เขาได้เงินห้าตำลึงเต็ม ๆ
“ชู่ว ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งดีใจไป รายชื่ออันดับหนึ่งยังไม่ได้ประกาศ”
ในช่วงเวลาสำคัญ ท่านลุงใหญ่ก็ยังคงรักษาความสงบ เตือนทุกคนอย่าเพิ่งดีใจเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยเหมือนครั้งก่อน
“ข้า...”
จูผิงอันทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันพูด ก็ถูกขัดขึ้น
“จื้อเอ๋อร์ อย่าเสียใจไป รอรายชื่ออันดับหนึ่งก่อนเถอะ” มีคนหนึ่งยิ้มอย่างดีใจและพูดปลอบจูผิงอัน
จูผิงอันได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ
ไม่นานนัก เสียงฆ้องดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นเจ้าหน้าที่คนใหม่ที่นำรายชื่อมา
ท่านลุงใหญ่และคนอื่น ๆ รีบพิจารณารายชื่ออย่างถี่ถ้วน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็มีคนหนึ่งที่ยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ พร้อมพูดออกมาด้วยเสียงสั่นว่า
“เห็นไหม ไม่มีชื่อที่นั่ง ‘ติงฉิว’...”
ทันทีที่พูดจบ เสียงเชียร์และเสียงหัวเราะก็ดังก้องไปทั่ว
ท่านลุงใหญ่ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
เมื่อไม่มีชื่อที่นั่ง ‘ติงฉิว’ ในรายชื่อรองและไม่มีใน รายชื่อหลัก แถมชื่ออันดับหนึ่งก็ไม่ใช่ที่นั่ง ‘ติงฉิว’ นั่นหมายความว่าจูผิงอันสอบตก
สอบตก...
ข้าสวดอธิษฐานในวัด รอคอยมาเนิ่นนาน และในที่สุด วันนี้ก็มาถึง
ท่านลุงใหญ่และนักเรียนหลายคนแทบจะร้องไห้ด้วยความสุข แม้ว่าในกลุ่มเดียวกันจะมีสามคนที่สอบตกเช่นกัน แต่เมื่อจูผิงอันสอบตก พวกเขาก็ยังได้เงินเดิมพันมา ส่วนจูผิงอัน ไม่เพียงแค่สอบตก แต่ยังเสียเงินจนหมดตัว
“จื้อเอ๋อร์ อย่าเสียใจไป อย่างน้อยเจ้าก็มีประสบการณ์แล้ว”
“ใช่แล้ว อันเอ๋อร์ ไม่ต้องร้องไห้ ค่าเดินทางกลับบ้านข้าจะออกให้เอง”
“เจ้าหมูอ้วนไม่ต้องร้อง ท่านลุงใหญ่อยู่ที่นี่แล้ว”
ท่านลุงใหญ่และคนอื่น ๆ ล้อมรอบจูผิงอัน พร้อมกับพูดปลอบใจ ทั้งให้กำลังใจและยื่นมือช่วยเหลือ
คำพูดเหล่านั้นสรุปได้ว่า “อย่าร้องไห้ ยืนหยัดขึ้นมาใหม่!”
แต่สิ่งที่ฟังดูดีในคำพูด กลับขัดกับรอยยิ้มบนหน้าพวกเขา
ในขณะนั้น ท่านลุงใหญ่และคนอื่น ๆ รู้สึกดีใจที่ได้ทำให้จูผิงอันดูด้อยกว่า
แต่ในจังหวะที่ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองอยู่นั้น ก็มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้น
“เอ่อ...ข้าขอพูดหน่อย...ในการสอบครั้งนี้ หมายเลขที่นั่งของข้าคือ เจียโจว...”
เจียโจว?!
เดี๋ยวนะ...
แย่แล้ว!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นคำว่า เจียโจว ในรายชื่อ สะดุดตาอย่างมาก ราวกับฝ่ามือสองข้างที่ฟาดเข้ามาอย่างแรง
ได้ยินเสียงหัวใจแตกสลาย...
ทุกคนกุมอกด้วยความตกใจ มองไปที่จูผิงอันซึ่งอยู่ตรงกลางวง
ทั้งเสียใจ ทั้งอับอาย! ไม่นะ! ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้ว่าหมายเลขที่นั่งเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว!