บทที่ 9 ดูเหมือนว่ามันจะใช้ได้จริง ๆ นะเนี่ย!
บทที่ 9 ดูเหมือนว่ามันจะใช้ได้จริง ๆ นะเนี่ย!
"เธอคิดดูนะ ถ้าพวกเราแกะสลักหินภูเขาไฟให้เป็นบ้านเล็กๆ คนตัวเล็กๆ แล้วปลูกกล้วยไม้สกุลหวายเล็กๆ บนนั้น มันก็น่าจะเอาไปขายเป็นต้นไม้พร้อมกระถางน่ารักๆ ได้ ของพวกนี้มันจะทำให้เป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้นนะ เธอว่างั้นมั้ย.."
"..ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ"
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฝูจือหยินไม่ค่อยดีนัก เฉินจิ่วซือก็รู้สึกต้องการโน้มน้าวเธอขึ้นอีก "หมู่บ้านของเราก็มีงานแกะสลักหินภูเขาไฟเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่ลิงที่อยู่บนสะพานนั่นก็เท่จะตายไม่ใช่เหรอไง"
"......ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอก" ฝูจือหยินพูดอย่างจนปัญญา "ฉันแค่อยากจะบอกว่า ถ้ามีไอเดียดีๆ แบบนี้ ทำไมถึงไม่พูดออกมาในช่วงสามปีที่ผ่านมาล่ะ"
"เธอรู้ไหมว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา พวกเราพลาดเงินไปเท่าไหร่"
หมู่บ้านหยุนซีขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้นหิน
มีแต่หินภูเขาไฟอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟสีดำ
สร้างบ้าน สร้างถนน ทั้งหมดก็ใช้หินจากที่นี่
เมื่อต้องการจะปรับปรุงที่ดิน ก็จะเอาหินภูเขาไฟมากองไว้ข้างๆ ที่ดิน ก่อเป็นกำแพงสูง แล้วก็ได้ที่ดินที่ว่างเปล่ามาเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น
เรียกว่าได้ที่ดินแค่คืบ แต่ต้องก่อกองหินให้สูงเป็นภูเขา
หินภูเขาไฟมีเยอะจนหลายครั้งก็ต้องขนออกไปขายนอกเกาะ
แต่เกือบทุกหมู่บ้านบนเกาะก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ทำให้มีการแข่งขันกันสูงมาก
หินเลยขายไม่ออก
ด้วยเหตุนี้ การหาทางออกใหม่จึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ
ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู คนในหมู่บ้านหยุนซีจำนวนมากก็เริ่มแกะสลักหินภูเขาไฟเพื่อหารายได้
หินภูเขาไฟนั้นมีรูพรุนและมีสีดำ มันแปลกใหม่ไม่เหมือนหินปกติ
แต่ก็อย่างที่ว่า.. ผู้คนก็แค่ซื้อมันเพราะความแปลกใหม่เท่านั้น ไม่นานตลาดก็ซบเซา
จนกลายเป็นสินค้าที่แทบจะถูกลืมไปในที่สุด
ในหมู่บ้านมีคนที่มีฝีมือด้านนี้อยู่ไม่น้อย แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังแกะสลักอยู่เป็นประจำ
ดังนั้น คำพูดของเฉินจิ่วซือเมื่อครู่นี้จึงเหมือนการเปิดประตูบานใหม่
การแกะสลักหินภูเขาไฟมันแปลกใหม่ก็จริง แต่มันก็ไม่ได้สวยเมื่อเทียบกับหินชนิดอื่นๆ
ส่วนกล้วยไม้สกุลหวาย มันเลี้ยงยาก มันต้องการกระถางหรือที่ปลูกที่เหมาะสมเท่านั้น
ฟังยังไงทั้งสองก็เป็นสิ่งที่ดูยุ่งยากทั้งนั้น.. แต่ถ้าเอาสองสิ่งนี้มารวมกันล่ะ
ความยากในการเลี้ยงก็จะลดลงไปมาก แค่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นก็พอ
ถ้าเอาหินภูเขาไฟที่แกะสลักแล้วมาปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย แล้วใส่ตะไคร่น้ำหรือของตกแต่งเข้าไปด้วยมันก็จะดูดีขึ้นมาก
และก็จะได้รับการยอมรับมากขึ้นในครั้งเดียว
โดยที่กล้วยไม้สกุลหวายก็เจริญเติบโตไปพร้อมกับพืชจำพวกตะไคร่น้ำ ซึ่งก็จะไม่ดูขัดหูขัดตา
แถมยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นหนึ่งเดียวในโลก ถ้าเอาไปลงในอินเทอร์เน็ต มันจะต้องดึงดูดผู้คนได้มากมายแน่นอน!
ส่วนเรื่องต้นอ่อนของกล้วยไม้สกุลหวาย พวกเขาจะเพาะเองหรือซื้อมาจากข้างนอกก็ได้ทั้งนั้น
ต้นทุนอยู่ที่ 3.5 หยวน
หินไม่ต้องเสียเงิน + ต้นอ่อนกล้วยไม้สกุลหวาย 3.5 หยวน + ค่าแรงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์จะเท่ากับการขายได้ในราคาหลายร้อยหยวนอย่างแน่นอน
ไอเดียดีๆ แบบนี้ลอยอยู่ตรงหน้าพวกเขามาหลายปีแล้ว แต่พวกเขากลับไม่เคยทำอะไรเลย
มันช่างน่าเจ็บใจจริงๆ!
มันเหมือนกับนั่งอยู่บนกองทองแล้วกำลังจะอดตายนี่เอง
และอีกอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่ว่าการไลฟ์สดกำลังเป็นที่นิยมหรอกเหรอ พวกเขาสามารถไลฟ์สดการแกะสลักได้ด้วยนี่!
ทุกวงการก็มีการไลฟ์สดกันทั้งนั้น
จะได้มากบ้างน้อยบ้างก็ถือเป็นรายได้
"เอ่อ ฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันนั่นแหละ"
เฉินจิ่วซือเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้ "พรุ่งนี้พวกเราจะเคลียร์ห้องกิจกรรมในที่ทำการหมู่บ้าน แล้วก็หาคนที่ยังแกะสลักได้ในหมู่บ้านมาช่วย คนที่ต้องการจะแกะสลักจริงๆ น่ะนะ"
"พวกเราสามารถกำหนดราคาที่แตกต่างกันได้ตามขนาดและความยากในการแกะสลัก"
"ในระหว่างที่แกะสลักก็สามารถไลฟ์สดได้ บางทีอาจจะขายออกไปได้โดยตรงจากไลฟ์สดก็ได้" ฝูจือหยินเสริมขึ้นมา "ถ้ามีคนสนใจจริงๆ พวกเราก็สามารถใช้ช่องทางนี้ในการขายผลิตภัณฑ์กล้วยไม้สกุลหวายได้ด้วย"
"ไลฟ์สดเหรอ ฉันกำลังคิดว่าจะทำคลิปวิดีโอสั้นๆ อยู่ ไลฟ์สดการแกะสลักมันดูเหมือนจะช้าไปหน่อย"
"ก็ทำควบคู่กันไปเลยสิ"
"ก็จริงแหะ ไลฟ์สด แล้วก็ทำคลิปวิดีโอสั้นๆ ตัดต่อ แล้วก็ยังสามารถรับงานสั่งทำพิเศษได้ด้วย" เฉินจิ่วซือพยักหน้าเล็กน้อย
ฝูจือหยินตบโต๊ะดังฉาด "ฉันนึกถึงเนื้อหาหนึ่งขึ้นมาได้ ให้คุณตาแกะสลักเป็นตัวละครจากเกมหรืออนิเมะดีมั้ย พวกตัวการ์ตูนอะไรแบบนี้ มันน่าจะดึงดูดคนได้มากกว่านะ"
"คุณตาเหรอ"
"ใช่ คุณตาของฉันไง นายก็เคยเห็นตอนแกแกะสลักนี่นา"
"ไม่ใช่ ฉันหมายถึง คุณตา แล้วก็เกมกับอนิเมะ แล้วคุณตาแกจะรู้จักอะไรแบบนั้นเหรอ" เฉินจิ่วซือรู้สึกว่าสมองของเขาเริ่มทำงานไม่ทันแล้ว
ตัวเขาเองถึงแม้จะเคยดูอนิเมะมาบ้าง แต่ก็ไม่กล้าบอกว่าตัวเองรู้จักโลกของพวกนี้มากนัก
แล้วนับประสาอะไรกับคุณตา
จะให้คุณตาวัย 70 กว่ามาแกะสลักตัวการ์ตูนจากโลกสองมิติ
มันฟังดูแปลกๆ นะ
"ก็ไม่เห็นต้องรู้เลย พวกเราก็แค่หาตัวละครมาให้ท่านดูเป็นแบบก็พอแล้ว" ฝูจือหยินมองเฉินจิ่วซือด้วยสายตาที่เหมือนกับมองคนโง่ "มันจะต่างอะไรกับการแกะสลักคน แกะสลักผี แกะสลักสัตว์ล่ะ"
"ช่วงนี้ Black Myth: Wukong ดังไม่ใช่เหรอ ให้แกเริ่มแกะสลักจากซุนหงอคงก็ดีนะ"
ตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่องฟู คุณตาของเธอก็แกะสลักหินมาโดยตลอด
เขาเป็นคนแรกๆ ในหมู่บ้านที่เริ่มแกะสลักหิน
เรียกได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากที่สุดก็คือการที่ผลงานแกะสลักของเขาสามารถเปลี่ยนหินที่ไร้ค่าและไม่มีใครสนใจ ให้กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าได้
แต่ในปัจจุบันนี้ อย่าว่าแต่การแกะสลักจากหินภูเขาไฟเลย แม้แต่การแกะสลักจากสิ่งอื่นๆ ที่ละเอียดกว่าก็ยังไม่แน่ว่าจะมีคนชอบมากเท่าไหร่
ฝูจือหยินมักจะเห็นคุณตาถอนหายใจเมื่อมองผลงานของตัวเองอยู่เสมอ
ถ้าหากสามารถใช้เรื่องนี้ทำให้งานแกะสลักของคุณตาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา ทำให้ผู้คนชื่นชอบมากขึ้น คุณตาก็จะต้องมีความสุขและยอมช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นการแกะสลักสัตว์หรือแกะสลักตัวละครจากโลกสองมิติ สำหรับแกแล้วมันก็ไม่ได้แตกต่างกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่มีคนชื่นชอบผลงานของแกต่างหาก
"อืม... ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้... ให้ฉันไปเองดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราไปดูคุณตา แล้วถามความเห็นของแก ถ้าแกเห็นว่าไม่มีปัญหา ก็ให้แกลองทำความคุ้นเคยกับตัวละครต่างๆ ดู"
เฉินจิ่วซือคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ยังไงซะตอนนี้ก็ทำสตูดิโอแกะสลักหินภูเขาไฟสำหรับกระถางกล้วยไม้สกุลหวายไปก่อน"
"แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาที่สำคัญกว่านั้นอีกนะ เธอว่า พวกเราจะแบ่งเงินกันยังไง"
"หือ ยังไม่รู้เลยว่าจะขายออกหรือเปล่า นายจะรีบคิดเรื่องแบ่งเงินไปทำไม" ฝูจือหยินถามอย่างสงสัย
"ก็พอถ้าได้เงินแล้ว แล้วค่อยมาคิดเรื่องแบ่งเงินมันจะทำให้ทะเลาะกันได้ง่ายน่ะสิ"
เฉินจิ่วซือมั่นใจในเรื่องนี้มาก "ความคิดของฉันก็คือ ให้ถามพวกเขาก่อน ว่าอยากได้เงินเดือนหรืออยากได้ส่วนแบ่ง"
"ถ้าเป็นส่วนแบ่ง รายได้จากออนไลน์จะแบ่งกัน 50/50 แล้วพวกเราก็ต้องหาคนทำสื่อออนไลน์มืออาชีพมา ซึ่งพวกนี้ก็เป็นค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องกระถางต้นไม้เอง จะแบ่งกัน 30/70 โดยที่คนแกะสลักจะได้ 70% พวกเราได้ 30% ไว้เป็นค่าขนส่ง ค่าบริการหลังการขาย ค่าความเสียหาย และอื่นๆ"
"ถ้าเป็นเงินเดือน อืม ให้เป็นค่าแรงรายวัน วันละ 200 หยวน"
ตอนนี้เงินทุนก็มีจำกัด
อุตสาหกรรมก็ยังไม่ได้ขยาย
บางทีอาจจะทำได้แค่ไม่กี่วันแล้วก็ต้องปิด
ถ้าจะให้เป็นเงินเดือนตอนนี้เฉินจิ่วซือรู้สึกว่ามันยังไม่เหมาะสม
การให้เงินเป็นรายวันไปก่อนในช่วงแรกอาจจะเหมาะสมกว่า