ตอนที่แล้วบทที่ 7 ตรงนั้นมีกล้วยไม้สกุลหวายด้วยเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ดูเหมือนว่ามันจะใช้ได้จริง ๆ นะเนี่ย!

บทที่ 8 ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ


บทที่ 8 ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ

เช้าวันต่อมา เวลา 10 โมงเช้า

เฉินจิ่วซือมาที่ศูนย์ตรวจวิเคราะห์ตามเวลานัด

"นี่น้องชาย กล้วยไม้สกุลหวายของคุณภาพดีมากเลย สารออกฤทธิ์สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของตำรับเภสัชแห่งชาติมาก ถือว่าเป็นกล้วยไม้ที่คุณภาพดีที่สุดเลยล่ะ"

ผู้อำนวยการหูแห่งศูนย์ตรวจวิเคราะห์ยิ้มและส่งรายงานให้กับเฉินจิ่วซือ "นี่เป็นกล้วยไม้สกุลหวายที่ปลูกในหมู่บ้านของคุณจริงเหรอ"

"ใช่ครับ เราปลูกบนหินภูเขาไฟเลย"

เฉินจิ่วซือรับรายงานมาแล้วเริ่มอ่านอย่างละเอียด

"เป็นกล้วยไม้สกุลหวายที่ปลูกในหมู่บ้านของคุณจริงๆ สินะ"

ดวงตาของผู้อำนวยการหูเบิกกว้าง "ถ้าเป็นอย่างนั้น หมู่บ้านของคุณก็เหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลย สามารถพิจารณาปลูกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ได้เลยนะเนี่ย"

"ฮ่าๆ ขอบคุณท่านผู้อำนวยการหูที่ชี้แนะ"

เฉินจิ่วซือหัวเราะ "ที่จริงพวกเราก็เริ่มปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่แล้ว ตอนนี้ก็มีประมาณ 1,000 เอเคอร์ และในอนาคตก็จะขยายต่อไปอีกแน่นอน"

ซู้ดดดดด- เสียงสูดหายใจดังขึ้นอย่างแรง

ปลูกไปตั้ง 1,000 เอเคอร์แล้วเหรอ

มีความกล้าหาญขนาดนี้เลยงั้นเหรอ

ผู้อำนวยการหูตกใจมาก

ต้นทุนในการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายก็ไม่ใช่น้อยๆ

ในสถานการณ์ปกติ มันควรจะลองปลูกในแปลงเล็กๆ ดูก่อนไม่ใช่เหรอ

ในพื้นที่ที่ไม่ใช่แหล่งผลิตแบบนี้ การลงทุนจำนวนมากแบบนี้ต้องมีความกล้าหาญมากขนาดไหนกันเนี่ย

ที่สำคัญชาวบ้านเชื่อใจคนที่เสนอแผนนี้ได้ยังไง

ถ้าเดิมพันนี้ผิดพลาดไป ผลที่จะตามมามันก็จะใหญ่หลวงมาก!

ในไม่ช้า ความคิดของผู้อำนวยการหูก็เริ่มแล่น

การปลูกในสภาพแวดล้อมแบบจำลองธรรมชาติ

ถ้าเป็นอย่างนั้น ผลผลิตต่อปีจะต้องมากกว่า 100,000 กิโลกรัมแน่ๆ

และอาจจะถึง 200,000 กิโลกรัมได้เลยด้วย

เฉินจิ่วซือคงจะไม่หลอกเขาในเรื่องนี้

กล้วยไม้สกุลหวายเมื่อครู่นั้นเป็นกล้วยไม้ที่มีอายุสามปีจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น...

ทันใดนั้น ผู้อำนวยการหูก็เริ่มพูดคุยกับเฉินจิ่วซืออย่างเป็นกันเอง

หลังจากที่ส่งเฉินจิ่วซือเสร็จ เขาก็เริ่มค้นหาจากรายชื่อผู้ติดต่อในวีแชททันที

ไม่นานนัก สายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ผู้ติดต่อที่ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปี..

..อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่ได้รับรายงานผลการตรวจวิเคราะห์แล้ว เฉินจิ่วซือก็ตรงไปยังท่าเรือทันที

เรือโดยสารที่เดินทางระหว่างเกาะจงซานและเกาะเฉียงโจวมีเพียงลำเดียว โดยจะกลับเกาะในช่วงเที่ยง ถ้าพลาดลำนี้ไปก็จะกลับไม่ได้แล้ว..

.. และเมื่อเวลาเกือบจะถึงหกโมงเย็น เฉินจิ่วซือก็กลับมาถึงบ้าน

เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็พบว่าฝูจือหยินรอเขาอยู่ที่บ้านแล้ว

และยังเอากับข้าวมาให้เขาด้วย

"เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กินอะไรก่อนเถอะ ฉันขอดูรายงานการวิเคราะห์กล้วยไม้ของเราก่อนนะ"

ฝูจือหยินแย่งเอกสารที่เฉินจิ่วซือถือมา แล้วก็กลับไปเอนหลังพิงเก้าอี้ จากนั้นก็เริ่มอ่านเอกสาร

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงร้องอย่างตกใจก็ดังลั่นบ้าน "ฉันว่าแล้ว กล้วยไม้สกุลหวายของเรามันสุดยอดเลยจริงๆ ด้วย"

"ฉันก็บอกแล้วไง ว่าที่ของเราเหมาะกับการปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย แค่ช่วงหน้าฝนมันอาจจะยุ่งยากหน่อย นอกนั้นก็ไม่มีอะไร"

เฉินจิ่วซือก็ตักข้าวใส่ปากอย่างสบายๆ "เป็นไง ทีนี้เชื่อแล้วใช่ไหมว่าที่ฉันเห็นด้วยกับราคา 150 หยวนน่ะไม่มีปัญหา"

"ว่าแต่ มีคนปลูกกล้วยไม้กี่คนแล้วที่ยอมเซ็นสัญญา"

ก่อนที่เขาจะเอากล้วยไม้ไปตรวจสอบ เขาได้มอบหมายงานนี้ให้ลุงฝูไปแล้ว

ในฐานะที่เป็นนักบัญชีหมู่บ้านมานานหลายปี เขาก็ถือว่ามีอำนาจพอสมควร

และฝูจือหยินผู้เป็นลูกก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี "เกือบทั้งหมดเห็นด้วยแล้ว มีแค่บ้านตระกูลจ้าวและอีกไม่กี่หลังที่ไม่เห็นด้วย พวกเขารู้สึกว่าตัวเองปลูกไปหลายสิบเอเคอร์ แล้วคิดว่าอยากจะเจรจาต่อรองนิดหน่อย"

"นั่นก็หมายความว่าอย่างน้อย 90% เห็นด้วยแล้วใช่ไหม" เฉินจิ่วซือคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ข้อสรุป

"ใช่ ประมาณ 900 กว่าเอเคอร์" ฝูจือหยินครุ่นคิด "ฉันว่า เราควรสร้างโรงงานทำกล้วยไม้สกุลหวายรูปแบบดั้งเดิมดีไหม"

กล้วยไม้สกุลหวายรูปแบบดั้งเดิม หรือที่เรียกว่าว่านจ้างซู ก็คือผลิตภัณฑ์แห้งที่ได้จากการแปรรูปกล้วยไม้สกุลหวายสด

ส่วนใหญ่จะทำโดยการนำกิ่งสดมาพันเป็นวงกลม แล้วนำไปตากแห้ง

ซึ่งจะได้เป็นยาแผนโบราณที่มีชื่อเสียง

ผู้รับซื้อจำนวนมากซื้อกล้วยไม้สกุลหวายของแบบพวกเขาเพื่อที่จะนำไปส่งโรงงานผลิตยาเพื่อทำการแปรรูป

ในตลาด กล้วยไม้สกุลหวายรูปแบบดั้งเดิมคุณภาพดีก็มีราคาหลายร้อยหยวนต่อกิโลกรัม

"ก็ต้องดูราคาที่เจรจาได้ในภายหลังนั่นแหละ ถ้ามันสูงกว่า 150 หยวนไปมาก พวกเราก็จะเก็บส่วนหนึ่งเอาไว้ ไม่ขายทั้งหมด แล้วเอาไปทำกล้วยไม้สกุลหวายรูปแบบดั้งเดิม ไม่ก็เอาไปสกัด หรืออะไรทำนองนั้น"

"เอาไปสกัดหรอ"

"ใช่ เป็นกล้วยไม้สกุลหวายในรูปแบบของเหลวน่ะ ฉันรู้สึกว่ามันน่าจะมีตลาดนะ"

ฝูจือหยินเริ่มสับสน

กล้วยไม้สกุลหวายมันขมมาก

แล้วถ้าเอามาทำเป็นน้ำสกัด ใครจะกินกัน

ใครจะทนได้

หลังจากเงียบไปสักพัก "ยังไงก็ตาม ถ้าแปรรูปแล้วขายได้ มันก็ต้องดีกว่ากิ่งสดอยู่แล้ว"

"กล้วยไม้สกุลหวายสกัดไม่ได้เอาไว้ให้กินเปล่าๆ มันต้องผสมน้ำเข้าใจไหม แล้วมันก็ยังสามารถเอาไปทำเป็นเครื่องดื่มสำเร็จรูปได้ด้วยนะ เธอไม่รู้สึกว่ามันสะดวกสบายมากเหรอ" เฉินจิ่วซือเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงอธิบาย

กล้วยไม้สกุลหวายเป็นยาบำรุง คนส่วนใหญ่เมื่อซื้อไปก็จะเอาไปชงดื่มเป็นชา

ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงไม่ผลิตสินค้าที่ทำให้ผู้คนสามารถดื่มได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นล่ะ

กล้วยไม้สกุลหวายสกัด เครื่องดื่มกล้วยไม้สกุลหวายสำเร็จรูป จะแบบไหนก็น่าสนใจทั้งนั้น

และยังสามารถปรับรสชาติและเพิ่มความน่าสนใจด้วยวิธีอื่นๆ ได้อีกด้วย

"โห ในหัวนายเนี่ยคิดอะไรได้เยอะแยะขนาดนี้เลยหรอ" ในไม่ช้า ฝูจือหยินก็เริ่มเข้าใจ

"ถ้าทำแบบนั้นแล้ว มันก็คงจะมีตลาดมากขึ้นแน่ๆ สินะ เพียงแต่มันอาจจะไม่ค่อยง่ายในการประชาสัมพันธ์เพราะมันเป็นตลาดใหม่ นายคิดว่ายังไงล่ะ"

"ใช่ มันก็ต้องใช้เครื่องมืออื่นๆ เข้ามาช่วยด้วยนั่นแหละ" หลังจากตอบปัด เฉินจิ่วซือก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว "เธอแกะสลักหินภูเขาไฟได้ไหม"

"ห้ะ ได้สิ ทำไมเหรอ"

ฝูจือหยินรู้สึกว่าตัวเองเริ่มตามความคิดของเฉินจิ่วซือไม่ทันแล้ว

ทำไมหัวข้อถึงเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้

เมื่อกี้ยังพูดเรื่องกล้วยไม้สกุลหวายอยู่เลย ตอนนี้กลับมาพูดเรื่องหินภูเขาไฟแล้ว

"เธอคิดดูนะ ถ้าพวกเราแกะสลักหินภูเขาไฟให้เป็นบ้านเล็กๆ คนตัวเล็กๆ แล้วปลูกกล้วยไม้สกุลหวายเล็กๆ บนนั้น มันก็น่าจะเอาไปขายเป็นต้นไม้พร้อมกระถางน่ารักๆ ได้ ของพวกนี้มันจะทำให้เป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้นนะ เธอว่างั้นมั้ย"

รากของกล้วยไม้สกุลหวายจะต้องสัมผัสกับอากาศ มันถึงจะสามารถสังเคราะห์แสงและ "หายใจ" ได้ ดังนั้นหินภูเขาไฟที่มีรูพรุนจำนวนมากจึงเป็นสถานที่ปลูกที่เหมาะสม

ถ้าอย่างนั้น ทำไมบนหินภูเขาไฟที่แกะสลักแล้วจะปลูกไม่ได้ล่ะ

ในความคดของเฉินจิ่วซือ ไม้กระถางที่ดูเป็นนามธรรมและมีเอกลักษณ์แบบนี้มันจะดึงดูดความสนใจในโลกออนไลน์ได้ง่ายอย่างแน่นอน

เดิมทีเขานึกว่าจะต้องรอจนกว่าจะสร้างอุทยานภูเขาไฟเสร็จ ถึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งท่องเที่ยวลาวาในการดึงดูดความสนใจ แล้วจึงค่อยขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

แต่ตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าอาจจะไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้น

ในยุคอินเทอร์เน็ต หากสามารถดึงดูดความสนใจได้ ก็จะสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น

หลังจากนั้นค่อยขยายขนาดก็ยังไม่สาย

"ทำไมล่ะ ไม่ได้เหรอ"

แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฝูจือหยินไม่ค่อยดีนัก เฉินจิ่วซือก็รู้สึกต้องการโน้มน้าวเธอขึ้นอีก "หมู่บ้านของเราก็มีงานแกะสลักหินภูเขาไฟเยอะแยะไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่ลิงที่อยู่บนสะพานนั่นก็เท่จะตายไม่ใช่เหรอไง"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด