บทที่ 6 ทุกคนจะได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้า
บทที่ 6 ทุกคนจะได้รับผลประโยชน์กันถ้วนหน้า
"ฮ่าๆๆ ผู้ใหญ่บ้าน เมื่อคืนนี้พวกจุดด่างดำบนกล้วยไม้ส่วนใหญ่หายไปแล้ว แม้แต่บริเวณที่เป็นหนักก็ยังเห็นได้ชัดว่าฟื้นตัวแล้วด้วย ยาของคุณมันใช้ได้ผลจริงๆ!"
"ใช่ๆ เห็นผลทันตาเห็นเลย!"
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันไปมาสักพัก เฉินจิ่วซือก็เข้าใจสถานการณ์จากสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายนั้น
"แสดงว่าสถานการณ์ก็เป็นไปตามที่ฉันคาดไว้สินะ.. เอาล่ะ ช่วงนี้ทุกคนต้องตั้งใจทำงานให้หนักขึ้นนะ ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด กล้วยไม้สกุลหวายของพวกเราก็จะเริ่มทำเงินได้แล้ว!"
เฉินจิ่วซือพูดด้วยรอยยิ้ม "กล้วยไม้สกุลหวายที่มีอายุสามปีจะมีลักษณะเป็นวุ้นเหนียวข้น และมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด รับรองว่าจะขายได้ราคาดีแน่นอน"
"ฮ่าๆ แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกฉันจะตั้งใจทำงานอยู่แล้ว ใครจะเอาเงินของตัวเองไปล้อเล่นกันล่ะ พวกเราแค่มาบอกข่าวดีให้แกรู้เท่านั้นแหละ"
"เมื่อก่อนมีหลายคนที่ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันอยากจะดูสิว่าใครจะยังไม่เชื่ออีก!"
"ก็เพราะมัวเสียเวลาไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่แหละ ผลผลิตเลยต่ำกว่าบ้านของฉัน คอยดูนะฉันจะหัวเราะพวกนั้นให้ขาดใจตายเลยฮ่าๆๆ"
"......"
เฉินจิ่วซือมองดูทุกคนแล้วก็รู้สึกขำปนเศร้า
ดูเหมือนว่าช่วงสองวันที่ผ่านมาพวกเขาคงจะถูกเยาะเย้ยถากถางมาไม่น้อย
ตอนนี้พวกเขาเลยอยากจะเยาะเย้ยกลับบ้าง
แต่สิ่งที่สำคัญคือกล้วยไม้ของทุกคน!
ความพยายามตลอดสามปีที่คิดว่าจะสูญเปล่าไปแล้ว จู่ๆ ก็กลับมาได้ ใครจะระงับความตื่นเต้นเอาไว้ได้กัน?!
หลังจากใช้เวลาอยู่พักใหญ่ เฉินจิ่วซือก็ส่งทุกคนกลับไป
หลังจากทำอาหารเช้าง่ายๆ เสร็จ เขาก็ตรงไปยังที่ทำการหมู่บ้านทันที
ไม่นานนัก สมาชิกสภาก็มากันครบ
ทุกคนต่างสงสัย
ไม่รู้ว่าทำไมเฉินจิ่วซือถึงเรียกประชุมสภาในเวลานี้
ตอนที่กล้วยไม้สกุลหวายเพิ่งมีปัญหาเรียกประชุมยังพอว่า
แต่ตอนนี้ปัญหาได้รับการแก้ไขไปแล้ว แล้วเขาจะเรียกประชุมอีกทำไมกัน
"เอ่อ ผู้ใหญ่บ้าน ที่คุณเรียกประชุมสภานี่มีเรื่องอะไรเหรอ" เหมือนจะสังเกตเห็นสัญญาณจากคนรอบข้าง พ่อของฝูจือหยินจึงถามขึ้น
"น้าฝู ทุกท่านครับ ที่ผมเรียกทุกคนมาวันนี้ก็เพื่อจะจัดตั้งสหกรณ์ชุมชน เพื่อใช้ทำหน้าที่รวบรวม จัดการ และจำหน่ายกล้วยไม้สกุลหวายของหมู่บ้านเรา และอีกด้านหนึ่งก็จัดตั้งบริษัทที่คอยจัดการ ลงทุน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะของหมู่บ้าน"
เฉินจิ่วซือไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วเข้าเรื่องโดยตรง
เมื่อเขาพูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น
สหกรณ์ชุมชนงั้นหรอ บริษัทงั้นหรอ
ทำไมถึงได้กะทันหันอย่างนี้
ทุกคนต่างก็ไม่ทันตั้งตัว
"ผู้ใหญ่บ้าน เรื่องนี้มันดูรีบร้อนเกินไปไหม"
รองผู้ใหญ่บ้าน จ้าวหงเย่ มองเฉินจิ่วซืออย่างลึกซึ้งพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย "ตอนนี้เงินทุนของหมู่บ้านแทบทั้งหมดมาจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลให้มา ก็แค่พอประทังชีวิตของหมู่บ้านไปวันๆ หลังจากเอาเงินนี้ไปให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสมันก็แทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว"
"เราไม่มีเงินไปทำอะไรแบบนั้นหรอก"
หลังจากที่พ่อแม่ของเฉินจิ่วซือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เขาก็เป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านมาโดยตลอด
จนกระทั่งถึงการเลือกตั้งครั้งก่อนหน้านี้ที่เฉินจิ่วซือกลับมา
เขาแพ้ไปแค่ไม่กี่เสียงเท่านั้น
จนเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อเห็นว่ากล้วยไม้สกุลหวายเหมือนจะเน่าตาย เขาก็ตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ
และการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ใกล้เข้ามาแล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าในเวลาแค่ไม่กี่วัน เฉินจิ่วซือก็พลิกสถานการณ์ได้
อุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายฟื้นตัวแล้ว
และตอนนี้เขายังคิดที่จะจัดตั้งสหกรณ์ชุมชนอีก
ถ้ามันเป็นไปอย่างราบรื่น โครงสร้างของหมู่บ้านทั้งหมดก็จะเปลี่ยนแปลงไป
และเขาก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยในชีวิต
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้คนจำนวนมากก็เห็นด้วย ในสภาหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ก็มีกลุ่มต่างๆ เหมือนกัน
"การจัดตั้งสหกรณ์ชุมชนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"
เฉินจิ่วซือพูดอย่างไม่ลังเล "ตอนนี้หมู่บ้านของเราปลูกกล้วยไม้สกุลหวายประมาณ 1,000 เอเคอร์ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป แม้จะไม่มีการขยายพื้นที่ปลูก ผลผลิตต่อปีก็จะอยู่ที่ประมาณ 150,000 กิโลกรัม"
"นี่ไม่ใช่จำนวนที่น้อยๆ เลย"
"ถ้าไม่รวมกันเป็นปึกแผ่น พ่อค้าคนกลางก็จะกดราคาของเรา แล้วก็จะทำให้พวกเราเสียประโยชน์กันทุกคน"
"เมื่อเทียบกับผลกำไรในด้านนี้ ต้นทุนในการก่อตั้งสหกรณ์และบริษัทมันเทียบกันไม่ได้เลย"
"ในทางกลับกัน บริษัทนี้ก็จะกลับมาช่วยเหลือหมู่บ้านในเร็ววัน และจากนี้ไปพวกเราก็จะหลุดพ้นจากปัญหาการไม่มีรายได้ส่วนรวมเสียที"
โดยที่ไม่ได้ขยายพื้นที่ปลูก ตอนนี้ก็สามารถผลิตได้ 150,000 กิโลกรัมต่อปีเลยงั้นหรอ
ถ้าตามราคาตลาดแล้ว อย่างน้อยมันก็คงมีมูลค่าหลายสิบล้าน
แม้ว่าจะเป็นแค่คนกลาง ก็คงได้ไม่น้อยเหมือนกัน
พวกที่ลังเลอยู่ก็เริ่มเอนเอียงไปทางเฉินจิ่วซือ
เพราะการจัดตั้งสหกรณ์นี้มีแต่ประโยชน์ต่อพวกเขาและต่อหมู่บ้าน
"นอกจากนี้ ผมคิดว่าพวกเราสามารถลองวางแผนสำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมได้"
เมื่อเห็นว่าคนที่สนับสนุนเขามีเกินครึ่งแล้ว เฉินจิ่วซือก็พูดต่อ "ตัวอย่างเช่น พวกเราควรพยายามที่จะเจาะลึกในอุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายให้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการเพาะพันธุ์กล้า การพัฒนาเทคนิคการเพาะปลูก การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และการสร้างแบรนด์"
ตอนนี้ต้นทุนของกล้ากล้วยไม้สกุลหวายที่หมู่บ้านปลูกอยู่ที่ประมาณ 3.5 หยวนต่อต้น
แต่ถ้าเพาะพันธุ์กล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟได้สำเร็จ ก็จะสามารถลดต้นทุนลงได้เหลือ 1.5 หยวน
แค่จุดนี้ก็ส่งผลการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้ว
และเหตุการณ์โรคใบไหม้ในครั้งนี้ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของเทคนิคการเพาะปลูก
ในฐานะที่เป็นอุตสาหกรรมที่ทำเงินได้มากที่สุดในหมู่บ้านเท่าที่เคยมีมา พวกเขาย่อมต้องหาวิธีที่จะปกป้องมันอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และการสร้างแบรนด์ ก็เป็นแนวทางที่จะทำให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นได้
เกาะจงซานมีดินที่พิเศษ เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของกล้วยไม้สกุลหวาย ในทางทฤษฎีแล้วกล้วยไม้สกุลหวายที่ปลูกที่นี่จะมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงกว่าแหล่งผลิตอื่นๆ มาก
และสามารถยื่นขอเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ได้
แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นได้ และไม่มีแบรนด์ของตัวเอง พวกเขาก็ยังคงต้องถูกผู้รับซื้อยารายใหญ่กดราคาอยู่ดี
เมื่อได้ฟังคำอธิบาย คนที่ไม่เห็นด้วยในตอนแรกก็ค่อยๆ ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้
ต้นทุนลดลงอย่างมาก ความเสี่ยงลดลงอย่างมาก กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก...
มีแต่ได้กับได้!
แม้แต่จ้าวหงเย่ก็ยังต้องยอมรับว่าเฉินจิ่วซือกำลังคิดที่จะทำเค้กให้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่มาแย่งส่วนแบ่งเค้กเดิมของเขา
แต่เรื่องนี้มันมีผลกระทบมากกว่านั้น!
"เมื่อจัดตั้งสหกรณ์หมู่บ้านขึ้นมาแล้ว พวกเราก็อาจจะไม่ได้เงินอุดหนุนสำหรับหมู่บ้านยากจนแล้วนะ" จ้าวหงเย่รีบเปลี่ยนเรื่อง "พวกคุณก็ต้องเข้าใจความเสี่ยงในเรื่องนี้ด้วย!"
ในท้องถิ่นให้การสนับสนุนหมู่บ้านยากจนในปริมาณหนึ่ง
โดยจะมีการให้เงินอุดหนุนจำนวนหนึ่งตามจำนวนประชากร
ซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
และในหมู่บ้านเองก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่พึ่งพาเงินส่วนนี้ในการดำรงชีวิต
แม้การจัดตั้งสหกรณ์ชุมชนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคัดเลือกหมู่บ้านยากจนโดยตรง แต่การที่สหกรณ์ชุมชนสามารถทำยอดขายได้หลายสิบล้าน.. มันจะส่งผลกระทบต่อการคัดเลือกอย่างแน่นอน
และเงินอุดหนุนก็จะไปอยู่ที่อื่น
ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก
"นี่คือเส้นทางที่พวกเราต้องผ่านไปเพื่อเป็นนายของตัวเอง"
เฉินจิ่วซือพูดอย่างหนักแน่น "ถ้าเราสำเร็จ เงินอุดหนุนพวกนั้นมันจะไปสำคัญอะไรล่ะ"
"พวกคุณอยากจะพึ่งเงินอุดหนุนไปตลอดชีวิตเหรอไง!"
"อุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวายของเราถือว่าเป็นหนึ่งเดียว"
"อีกไม่นาน เมื่อคนนึกถึงกล้วยไม้สกุลหวาย พวกเขาก็จะนึกถึง 'กล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟ' ที่ดีที่สุด แล้วก็จะเลือกซื้อของพวกเรา"
"และก็จะมีคนอีกมากมายที่จะนึกถึงแหล่งผลิต 'กล้วยไม้สกุลหวายภูเขาไฟ' หมู่บ้านหยุนซี! เมื่อถึงตอนนั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอื่นๆ ของเราก็มีโอกาสที่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง"
"อุตสาหกรรมกล้วยไม้สกุลหวาย ภูเขาไฟ ทิวทัศน์ของเกาะ ที่พัก ร้านอาหาร... ทุกคนจะได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า!"