บทที่ 580: การต่อสู้ดุเดือด
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 580: การต่อสู้ดุเดือด
โกจิต้าลอยอยู่กลางอากาศ ขนาบข้างด้วยนักรบหน้ากากดำสองคน
แต่นักรบทั้งสองนี้ต่างจากนักรบหน้ากากทั่วไป พวกเขาดูเหมือนจะมีระดับเป็นผู้นำ
พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้กับโกจิต้าได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
“แปลกจริง… ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นพวกนายที่ไหนมาก่อนนะ?” โกจิต้าหอบหายใจ จ้องมองไปที่คนทั้งสอง ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดก่อตัวขึ้น ราวกับว่าโกคูหรือเบจิต้าที่หลอมรวมเป็นเขานั้น เคยเผชิญหน้ากับนักรบหน้ากากปริศนาคู่นี้มาก่อน แต่พวกเขาจะเป็นใครกัน?
“อ๊า!”
ทันใดนั้น เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของโกฮังค์ก็ดังแว่วมาแต่ไกล
โกจิต้าหันขวับไปมอง ภาพเบื้องหน้าทำให้ใจเขากระตุก โกฮังค์กำลังถูกพูทีนและเกรวี เทพปีศาจสองตน รุมประชิดโจมตีอย่างหนักหน่วง จนแทบจะต้านทานไม่ไหว
เมื่อเห็นดังนั้น ความร้อนใจก็แล่นริ้วผ่านอกโกจิต้า เขากำหมัดแน่น
“ฉันไม่มีเวลาให้พวกแกหรอก! หมัดเจ้าพิภพสิบเท่า!”
เพลิงสีแดงฉานพลุ่งพล่าน โกจิต้าพุ่งทะยานด้วยความเร็วเหนือกว่าเสียง เหล่านักรบหน้ากากทั้งสองไม่อาจต้านทานพลังมหาศาล ถูกกระแทกเข้าอย่างจังจนหน้ากากแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่ใบหน้าที่ปรากฏภายใต้หน้ากากนั้นกลับทำให้โกจิต้าถึงกับชะงักงัน
“บาร์ดัค?”
“ราชาเบจิต้า!”
ในที่สุดโกจิต้าก็เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงดูคุ้นเคยถึงเพียงนี้ นักรบหน้ากากคู่นี้คือบาร์ดัคและราชาเบจิต้าจากเส้นเวลาอื่น!
…
ไม่ใช่แค่โกจิต้าเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่คุ้นเคย โบรลี่เองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
เบื้องหน้าเขาคือคู่ปรับเก่า “โบรลี่แห่งความมืดมิด” แต่คราวนี้ “โบรลี่แห่งความมืดมิด” ไม่ได้คลั่งบ้าเหมือนครั้งก่อน เขากลับดูสุขุมและเรียนรู้ที่จะใช้ทักษะในการต่อสู้ ทำให้โบรลี่รับมือได้ยากยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น “โบรลี่แห่งความมืดมิด” ยังมีผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง ถึงแม้คนผู้นั้นจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แต่โบรลี่ก็จำได้ทันที นั่นคือพารากัส พ่อของเขาเอง
เช่นเดียวกับ “บาร์ดัค” และ “ราชาเบจิต้า” ที่สวมหน้ากาก นี่คือพารากัสร่างหน้ากากจากเส้นเวลาอื่น ที่ถูกโทวะล้างสมอง
ถึงแม้พลังของพารากัสจะไม่มากนัก แต่พละกำลังของเขากลับทวีคูณขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัวหลังจากถูกดินแดนปีศาจล้างสมอง เช่นเดียวกับบาร์ดัคและคนอื่น ๆ ราวกับถูกครอบงำด้วยพลังอำนาจมืดมิดบางอย่าง
ภายใต้การรุมเร้าของพารากัสร่างหน้ากากและโบรลี่แห่งความมืดมิด แม้แต่โบรลี่ก็ยังไม่สามารถปิดฉากการต่อสู้ได้ในเวลาอันสั้น
นอกจากสองคนนี้แล้ว ฟรีเซอร์ จิเรน ท็อปโปะ และคนอื่น ๆ ก็ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกลางสมรภูมิ
แม้คู่ต่อสู้ของพวกเขาจะไม่ใช่เทพปีศาจหรือผู้นำกองทัพหน้ากาก แต่พวกมันก็มีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
คลื่นมนุษย์ระดับพลังขอบเขตพระเจ้าชั้นที่หนึ่งถาโถมเข้าใส่พวกเขาราวกับมหันตภัย แม้เทพปีศาจจะยังไม่ลงมือเอง แต่กระนั้นก็ทำให้ทุกคนต้องรับมือกับการศึกครั้งนี้อย่างยากลำบาก
ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังกองทัพดินแดนปีศาจ โทวะ มิร่า และเดมิกรา ยังคงยืนนิ่ง เฝ้ามองการต่อสู้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พวกเขาคงกำลังรอคอยหลินเฉิน
“โทวะ หลินเฉินที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ไหน เหตุใดข้ายังไม่เห็นแม้แต่เงา” เดมิกราเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้ เดมิกราได้ยินเรื่องราวของหลินเฉินจากโทวะมาบ้าง
โดยเฉพาะเรื่องที่หลินเฉินสังหารเทพปีศาจซัลซ่า ทำให้ความหวาดระแวงก่อตัวขึ้นในใจเดมิกรา
ด้วยความระแวงสงสัยในตัวหลินเฉิน ประกอบกับสถานการณ์ของกองทัพอาณาจักรปีศาจทมิฬที่กำลังได้เปรียบในสนามรบ เดมิกราจึงยังไม่ลงมือ
เช่นเดียวกัน โทวะก็หมายมั่นปั้นมือที่จะใช้โอกาสนี้ล้างแค้นให้กับการตายของมิร่าที่ถูกหลินเฉินสังหาร
แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไป แม้แต่โครโนอาจะเข้าร่วมศึกแล้ว หลินเฉินก็ยังคงไร้ร่องรอย
“หรือว่าหลินเฉินจะขลาดเขลากัน?” เดมิกราได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างฉงนใจ
ข้างกายเขา โทวะก็แสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ไอ้สารเลวนั่น! หรือว่ามันจะใจไม้ไส้ระกำ ทิ้งพวกพ้องให้เผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง!”
“เดมิกรา ในเมื่อหลินเฉินยังไม่โผล่มาให้เห็น งั้นพวกเราไปสังหารคนอื่นเล่น ๆ เพื่อล่อมันออกมาดีกว่า ข้าไม่เชื่อว่ามันจะนิ่งดูดายได้ หากพรรคพวกของมันตกอยู่ในอันตราย”
“ตามใจ” เดมิกราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
โทวะพยักหน้า แล้วหันไปบอกกับมิร่าว่า “มิร่า วันนี้คือวันแห่งการล้างแค้นของเจ้า”
“ของเจ้าด้วยเช่นกัน…” มิร่าพยักหน้ารับ ก่อนกลุ่มควันสีดำจะพวยพุ่งออกมาจากด้านหลังของเขา คล้ายหมึกดำที่แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มร่างทั้งเขาและโทวะไว้ภายในม่านควันอันน่าสะพรึงกลัว
ชั่วครู่ต่อมา ควันสีดำก็สลายหายไปราวกับละลายในอากาศ มิร่าและโทวะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แทนที่ด้วยร่างหนึ่งที่มีใบหน้าของมิร่า แต่กลับมีลักษณะคล้ายซูเปอร์ไซย่าร่าง 4 ต่างกันเพียงเส้นผมสีขาวราวหิมะ
“เจ้าคือ…?” เดมิกราเอ่ยถามอย่างตะลึงงัน ร่างนั้นแผ่รังสีอำมหิตออกมาจนน่าขนลุก
“ข้าคือซูเปอร์มิร่า” เสียงนั้นก้องกังวาน แฝงไว้ด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด
“หึ การฟิวชั่นงั้นเหรอ น่าสนใจ ลองดูสิว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน” เดมิกราแสยะยิ้ม มุมปากยกขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม
โดยไม่เอ่ยวาจาใด ๆ ซูเปอร์มิร่าก็หายวับไปจากสายตาของเดมิกรา ราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา ปรากฏตัวอีกครั้งเบื้องหน้าลาซูลิผู้กำลังต่อสู้กับทหารดินแดนปีศาจอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อเห็นซูเปอร์มิร่าปรากฏกายตรงหน้า ลาซูลิก็ถึงกับนิ่งอึ้งราวกับต้องมนตร์
“ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นภรรยาของหลินเฉิน ลาซูลิ? ถ้าเจ้าตาย หลินเฉินคงเสียใจมากสินะ?”
ลาซูลิสะดุ้งสุดตัวกับวาจาเย็นเยียบของซูเปอร์มิร่า ราวกับถูกน้ำแข็งกรีดเฉือนไปทั่วทั้งร่าง
ในชั่วขณะนั้น พลังงานสีดำมืดก็แผ่พุ่งออกมาจากมือของซูเปอร์มิร่า ปกคลุมทั่วบริเวณราวกับเงื้อมมือมัจจุราช
“ป้าลาซูลิ!”
เสียงร้องอันร้อนรนดังขึ้นพร้อมกันสองเสียง ขณะที่หลินโร่ ร่างฟิวชั่นของหลินลั่วและทาโร่ พุ่งเข้ามาหาซูเปอร์มิร่าด้วยความเร็วสูงราวกับสายฟ้า
แต่หมัดที่พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วกลับถูกซูเปอร์มิร่าคว้าไว้ได้อย่างง่ายดาย ราวกับจับแมลงตัวเล็ก ๆ
“เป็นไปได้ยังไง?” หลินโร่ตกตะลึง แม้จะเป็นหมัดที่ออกไปอย่างเร่งรีบ แต่ก็บรรจุพลังไว้ถึงเจ็ดในสิบส่วน ทว่ากลับถูกสกัดไว้ได้อย่างไร้แรงต้านทาน ราวกับหมัดนั้นไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิง
เกิดอะไรขึ้นกับซูเปอร์มิร่าคนนี้? ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้?
ซูเปอร์มิร่าปรายตามองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าคงเป็นลูกชายของหลินเฉินสินะ ต่อไปเดี่ยวก็ถึงตาเจ้าแล้ว รอคิวไปก่อน!”
ปัง!
ร่างของหลินโร่ปลิวกระเด็นออกไปราวกับใบไม้ร่วง ถูกแรงที่มองไม่เห็นกระแทกจนตัวลอยละลิ่ว
หลังจากจัดการหลินโร่เสร็จสิ้น ซูเปอร์มิร่าก็หันกลับมาจ้องลาซูลิ ความสนใจทั้งหมดถูกเทไปที่เหยื่อรายต่อไป
แสงสีดำปรากฏขึ้นในมือของซูเปอร์มิร่าอีกครั้ง ราวกับเงื้อมมือแห่งความตาย
“ลาซูลิ!”
“ไอ้สารเลว หลีกไป!”
“ป้าลาซูลิ!”
เห็นลาซูลิกำลังตกอยู่ในอันตราย ทุกคนต่างร้องตะโกนออกมา ราวกับจะเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้เอ่ย
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ในวินาทีนั้นเอง ร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าลาซูลิอย่างฉับพลัน ราวกับเทพเจ้าที่จุติลงมา
มือของร่างนั้นยื่นออกไป ดับแสงสีดำในมือของซูเปอร์มิร่าราวกับดับเปลวเทียน
แล้วก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากร่างนั้น
“แกกล้าแตะต้องลาซูลิได้ยังไง! อยากตายอีกรอบงั้นเหรอ!?”
“หลินเฉิน!”
“พ่อ!”
“ฝ่าบาท!”
เสียงของนักรบ Z ก้องกังวานไปทั่วสนามรบ การต่อสู้ในเถาแห่งกาลเวลาหยุดนิ่งลงฉับพลัน
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างนั้น
หลินเฉิน!
หลังจากหายสาบสูญไปหลายวัน ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัว!
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_