ตอนที่แล้วบทที่ 3 ไม่ต้องไปถึงในเมืองแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 สิ่งมหัศจรรย์ทำให้บ้านเมืองล่มจมงั้นเหรอ? ไม่มีทาง!

บทที่ 4 ช่วยนวดให้ฉันหน่อยสิ


บทที่ 4 ช่วยนวดให้ฉันหน่อยสิ

"ฉันรู้วิธีแก้ปัญหากล้วยไม้ของเราแล้ว และของที่ต้องใช้ก็มีอยู่ในหมู่บ้านของเรานี่แหละ เดี๋ยวฉันจะเรียกทุกคนมา แล้วฉันจะทำยาเอง!" เฉินจิ่วซือกล่าวอย่างมั่นใจ

"รู้แล้วหรอ รู้จากไหน นายไปถามใครมาเนี่ย"  ฝูจือหยินรู้ว่าเฉินจิ่วซือคงไม่โกหกเรื่องพวกนี้แน่ เธอจึงรู้สึกประหลาดใจและยินดีในเวลาเดียวกัน

"ในหนังสือมีคำตอบ"

"อะไรนะ!"

"ฉันเห็นจากในหนังสือแล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอน สาเหตุของโรค วิธีการรักษา และวิธีป้องกัน ฉันเข้าใจหมดแล้ว"

เฉินจิ่วซือกล่าว "เดี๋ยวฉันจะเรียกคนที่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายทั้งหมดมา ถ้าเป็นไปได้ด้วยดี มันจะเห็นผลภายในหนึ่งสัปดาห์นี่แหละ"

ไม่นานหลังจากนั้น

ที่ลานของที่ทำการหมู่บ้านหยุนซี

มีคนเพียงหลายสิบคนเท่านั้นที่ทยอยกันมาที่ลาน

เมื่อเห็นจำนวนคน เฉินจิ่วซือก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

เมื่อฝูจือหยินสังเกตเห็นสิ่งนี้เธอก็พูดขึ้นทันที "รอให้มันได้ผลก่อน แล้วคนอื่นๆ จะทำตามเอง เชื่อฉันสิ"

ในหมู่บ้านมีบ้านที่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายประมาณ 200 หลัง

แต่หลังจากได้ยินประกาศของพวกเขา ก็มีคนมาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าหลายคนไม่ได้คาดหวังอะไรอีกแล้ว และไม่อยากที่จะสนใจอีกต่อไป

แน่นอนว่าเฉินจิ่วซือเข้าใจเรื่องนี้ดี "ฉันรู้ แค่มีมาสักสิบหลังก็ถือว่าดีแล้ว..."

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ผู้สูงอายุหลายคนก็เดินเข้ามาจากข้างนอก "จิ่วซือ คุณมีวิธีอะไรก็พูดมาได้เลย พวกเราคนแก่จะคอยสนับสนุนเอง พวกเขาจะต้องทำตามแน่นอน ถึงจะล้มเหลวก็ไม่เป็นไรหรอก"

"หมู่บ้านเราเนี่ย ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังหนุ่มๆ ก็เริ่มลองปลูกพืชหลายอย่างแล้ว มีแค่ลิ้นจี่ที่พอจะปลูกได้ แต่ก็ไม่เคยปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้เลย กล้วยไม้สกุลหวายครั้งนี้จะต้องสำเร็จแน่นอน นี่มันถือว่าทำลายขีดจำกัดของหมู่บ้านเราแล้ว แค่เราเคราะห์ร้ายที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก!"

"พวกเด็กๆ แต่ละคนก็เอาแต่บ่นว่าทำไมทำไม พอมีปัญหาขึ้นมาก็ไม่เอาอะไรเลย แกไม่ต้องไปใส่ใจพวกใจเสาะพวกนั้นหรอก แก้ไม่ได้ก็ช่างมัน หาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า"

คนเหล่านี้ถ้าอยู่ในสมัยก่อนก็คงเป็นพวกผู้ทรงอิทธิพลของหมู่บ้าน

คนในหมู่บ้านเคารพพวกเขามาก

ถ้าพวกเขายอมเปิดปากพูด รับรองว่าคนส่วนใหญ่จะต้องทำตามแน่นอน

ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฉินจิ่วซือก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกๆ

"พวกท่านไม่เชื่อใจผมเหรอเนี่ย ผมมีวิธีแก้จริงๆ นะ"

"เชื่อสิ พวกเรารู้ว่าแกเป็นเด็กที่ขยันแค่ไหน" เมื่อตาเฒ่าแซ่ฝูพูดจบ ผู้สูงอายุคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย

แต่ไม่รู้ทำไม เฉินจิ่วซือรู้สึกว่าผู้สูงอายุเหล่านี้ไม่ได้เชื่อเขาจริงๆ

และไม่ว่าจะพูดอะไร พวกเขาก็จะเห็นด้วยไปหมดจนทำให้เฉินจิ่วซือรู้สึกงุนงงในบางครั้ง..

.. หลังจากรอไปอีกหลายนาที เขาคาดว่าคนที่ต้องการจะมาคงมากันเกือบหมดแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ไม่รอช้าแล้วเดินออกไปข้างนอกทันที

"ช่วงนี้ทุกคนคงรู้สถานการณ์ของกล้วยไม้สกุลหวายในหมู่บ้านแล้ว จริงๆ แล้วมันคือโรคใบไหม้ที่พบได้บ่อยมาก มันเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากเชื้อราซึ่งเป็นโรคที่แพร่ระบาดในกล้วยไม้และมีความสามารถในการแพร่กระจายสูง"

เฉินจิ่วซือกระแอมเล็กน้อยแล้วพูดเสียงดัง "แต่ทุกคนไม่ต้องกังวล ผมหาวิธีป้องกันมันได้แล้ว อย่างเร็วที่สุด ภายในหนึ่งสัปดาห์ กล้วยไม้สกุลหวายทั้งหมดจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม"

เมื่อเขาพูดจบ

ก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้น

"โรคติดต่อเหรอ"

"หนึ่งสัปดาห์งั้นหรอ"

"ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ"

"แก้ยังไงล่ะผู้ใหญ่บ้าน พูดมาเร็วๆ หน่อยสิ!"

"......"

เมื่อได้ยินเฉินจิ่วซือบอกปัญหาที่เกิดขึ้นโดยตรง และบอกว่าอย่างเร็วที่สุดจะใช้เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ในการรักษา ชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ความพยายามตลอดสามปี

เงินลงทุนหลายหมื่นหยวน

สำหรับแต่ละครอบครัวในหมู่บ้านหยุนซีแล้ว พวกมันคือความกดดันและการลงทุนที่ไม่น้อยเลย

แม้แต่คนที่ปลอบใจเฉินจิ่วซือในตอนแรกก็ยังรู้สึกเจ็บปวดในใจ แล้วคนอื่นๆ จะไม่รู้สึกได้อย่างไร

ยิ่งกว่านั้น ถ้ากล้วยไม้สกุลหวายสามารถเก็บเกี่ยวได้ตามปกติ ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ทุกครอบครัวก็จะได้รับเงินเพิ่มขึ้นประมาณ 15,000 หยวนต่อเอเคอร์ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากเลยทีเดียว

ถ้าปลูกหลายเอเคอร์ ก็จะมีเงินเป็นแสน

เงินจำนวนนี้มากพอที่จะปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวได้อย่างมาก

"แน่นอน! โรคใบไหม้พูดง่ายๆ ก็คือ กล้วยไม้สกุลหวายติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่สามารถแพร่กระจายผ่านดิน ปุ๋ย น้ำ ฯลฯ"

เฉินจิ่วซือยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ "เชื้อโรคชนิดนี้จะขยายพันธุ์และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเมื่ออุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 15 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสูง"

"เราแค่ต้องใช้ยาบางชนิด ก็จะสามารถยับยั้งมันได้อย่างง่ายดาย"

หลังจากอธิบายอย่างง่ายๆ แล้ว เขาก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนเข้ามาใกล้

เหล่าผู้สูงอายุหลายคนที่อยู่ข้างหลังมองหน้ากัน

"คำพูดของเขามันดูมั่นใจเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ"

"นั่นสิ แต่ถ้าผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วยังเป็นเหมือนเดิม พวกเราก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว"

จะเห็นผลภายในหนึ่งสัปดาห์งั้นหรอ

คิดยังไงก็เร็วเกินไป

ไม่ควรยืดเวลาเผื่อออกไปหน่อยเหรอ

เรื่องสำคัญขนาดนี้ ยืดเวลาออกไปอีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง

แต่เมื่อกำหนดเวลาไว้ตายตัวขนาดนี้ ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา เฉินจิ่วซือจะอยากพูดอะไร ก็คงไม่มีใครเชื่อเขาแล้ว

ในขณะที่ผู้สูงอายุเหล่านั้นยังงงๆ กันอยู่ เฉินจิ่วซือก็หยิบสารเคมีกำจัดเชื้อรา, น้ำมันกระเทียม, และซิลิโคนอินทรีย์ขึ้นมาผสมกัน

"หลังจากเจือจางส่วนผสมเหล่านี้กับน้ำ 30 ลิตรแล้ว ให้รดลงบนกล้วยไม้ที่เป็นโรคและพืชที่อยู่รอบข้าง 5 แถว ทำแบบนี้สองถึงสามครั้ง พวกมันก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว"

"ส่วนพื้นที่อื่นๆ ให้ฉีดพ่นก็พอ ทำทุกๆ สามวัน ฉีดพ่นติดต่อกันสองสามครั้ง แล้ววิกฤตครั้งนี้ก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี"

“...”

ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินจิ่วซือ ทุกคนต่างก็รู้สึกงงงวย

นอกจากเรื่องการออกเรือหาปลาแล้ว เนื่องจากในเกาะนี้ไม่ได้มีอะไรให้ทำมากนัก ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นเกษตรกรตัวจริง

แน่นอนว่าทักษะการฉีดยาก็ต้องมีอยู่แล้ว

ยาที่พูดถึงก็เป็นยาที่พบเห็นได้ทั่วไป

โดยพื้นฐานแล้วทุกบ้านก็มี

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่ากล้วยไม้สกุลหวายที่ป่วยหนักขนาดนี้ เพียงแค่ใช้ของธรรมดาๆ พวกนี้มาผสมๆ กันก็จะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น!

ถ้าเป็นแบบนี้จริง ไม่กี่วันพวกเขาก็จะแก้ปัญหาได้สำเร็จอย่างง่ายดาย

..แต่ทำไมมันถึงดูเหลือเชื่ออย่างนี้นะ

ปัญหาที่ร้ายแรงขนาดนี้ วิธีแก้กลับง่ายแบบนี้เลยเหรอ

ในขณะที่ทุกคนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงของเฉินจิ่วซือก็ดังขึ้นอีกครั้ง "ใช่แล้ว ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ให้ลดระยะเวลาลงหน่อย ถ้าฉีดพ่นป้องกัน ก็ต้องทำทุกวัน"

หลังจากที่เฉินจิ่วซือถ่ายทอดทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านแล้วเริ่มลงมือทันที

เมื่อเกี่ยวข้องกับแหล่งทำเงิน ทุกคนต่างก็กระตือรือร้นมาก

ส่วนตัวเฉินจิ่วซือเองนั้นไม่ได้ปลูกกล้วยไม้ เขาจึงเดินไปเดินมาในหมู่บ้านเพื่อตรวจสอบว่าทุกคนทำถูกวิธีหรือไม่ ..

.. พริบตาเดียว ค่ำคืนก็มาถึงอีกครั้ง

"เห้อ เหนื่อยแทบตายเลยเนี่ย วันนี้ฉันกับพ่อแม่ต้องทำทั้งวันกว่าจะเสร็จ"

ขณะที่เฉินจิ่วซือที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน ฝูจือหยินก็เดินเข้ามาจากข้างนอกอย่างเป็นปกติ "ทำไมนายไม่มาช่วยฉันบ้างเลยล่ะ"

"ฉันก็ยุ่งเหมือนกันนะ เพิ่งจะได้กลับมาเองเนี่ย"

เฉินจิ่วซือเงยหน้าขึ้นมองด้วยรอยยิ้ม "ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลย คาดว่าสัปดาห์นี้พวกเราคงไม่ได้พักกันแน่ๆ"

เฉินจิ่วซือไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยที่ฝูจือหยินจะเข้ามาในบ้านของเขา

เธอก็มีกุญแจบ้านอยู่แล้ว จะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้

ดังนั้นเมื่อเธอเข้ามาในบ้านเขา ทั้งคู่จึงพูดคุยกันอย่างปกติ

"เมื่อคิดว่าจะมีเงินเข้ากระเป๋าหลายหมื่นหรือหลายแสนในเร็วๆ นี้ ทุกคนก็คงไม่รู้สึกเหนื่อยกันหรอก"

ฝูจือหยินที่เดินเข้ามาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วเอนตัวลงไปทางด้านเฉินจิ่วซือ "นี่ช่วยนวดให้หน่อยสิ ฉันเหนื่อยจะตายแล้ว"

"... เธอไม่เกรงใจเลยนะ กล้าให้ฉันนวดให้งั้นหรอ"

เฉินจิ่วซือหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ไหล่ ฝูจือหยินก็หัวเราะเบาๆ "เห้อ สบายจัง ว่าแต่นายกำลังดูอะไรอยู่เหรอ เหมือนเมื่อคืนนี้ก็เห็นดูอยู่นี่"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด