บทที่ 12 อย่าเพิ่งใจร้อนสิ!
บทที่ 12 อย่าเพิ่งใจร้อนสิ!
"หืม.. อืมม.. มันก็ดูปกติดีนี่นา"
หลังจากที่ขับรถมาอย่างรวดเร็ว หลี่ชุนเหลยก็มาถึงหมู่บ้านหยุนซีในตอนที่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท
และเมื่อมองดูกล้วยไม้สกุลหวายที่อยู่เต็มภูเขาตรงหน้า หลี่ชุนเหลยก็ไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจหรือโกรธออกมา มันมีเพียงความสงสัยเท่านั้น
วันนี้เขาเจอเรื่องพลิกผันมากเกินไป
เหมือนกับว่าเขามีภูมิคุ้มกันไปบ้างแล้ว
ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรทั้งนั้น
รถจอดข้างทางอย่างรวดเร็ว
เขารีบลงจากรถ แล้ววิ่งไปยังบริเวณที่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายที่เขาเพิ่งเห็น
"อืม เหมือนจะเป็นโรคเน่าดำนะ แต่ว่าทำไม..."
เมื่อสำรวจพื้นที่กล้วยไม้สกุลหวายตรงหน้าอย่างละเอียด หลี่ชุนเหลยก็เบิกตาโพลง
กล้วยไม้สกุลหวายพวกนี้ติดโรคเน่าดำจริงๆ
ในตอนที่ยืนยันได้ เขาก็รู้สึกว่าการเดินทางของเขาครั้งนี้สูญเปล่า
แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกตัว กล้วยไม้สกุลหวายส่วนใหญ่ติดโรคเน่าดำมาแล้ว แต่ก็หายดีแล้ว ส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยก็เป็นเพียงเพราะอาการหนักเกินไป ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย
มีคนที่สามารถจัดการกับโรคเน่าดำของกล้วยไม้สกุลหวายบริมาณมากขนาดนี้ได้ด้วยหรอ แถมยังทำได้อย่างรวดเร็วด้วย
หลี่ชุนเหลยรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขากำลังจะพังทลาย
กล้วยไม้สกุลหวายเป็นพืชที่บอบบางมาก
เพราะรากส่วนใหญ่ของมันอยู่ในอากาศ
โรคที่พืชตระกูลกล้วยไม้อื่นๆ สามารถรักษาหายได้ไม่ยาก แต่กับกล้วยไม้สกุลหวายนั้นมันเป็นถึงโรคร้าย
เท่าที่เขารู้ เมื่อพื้นที่ใดเกิดโรคเน่าดำของกล้วยไม้สกุลหวาย พื้นที่นั้นก็จะไม่มีกล้วยไม้สกุลหวายเหลืออยู่อีกเลยเป็นเวลาหลายปี
จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรอดชีวิต
เหมือนกับต้นที่อยู่ตรงหน้าเขา
แต่ตอนนี้ หมู่บ้านหยุนซีควบคุมมันได้แล้วอย่างเห็นได้ชัด
บริเวณโดยรอบก็เป็นปกติแล้ว
ส่วนต้นที่ดูอาการหนักที่สุดก็กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
และอาจจะหายเป็นปกติทั้งหมดในอีกไม่กี่วัน
หรือว่าพวกเขาค้นพบวิธีการอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้..
"คุณกำลังทำอะไรน่ะ"
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง ทำให้หลี่ชุนเหลยสะดุ้งโหยงจนเกือบจะล้มลงไปนั่งกับพื้น
"คือว่า ผม..."
"คุณมาจากที่อื่นเหรอ ดึกขนาดนี้แล้วมีธุระอะไรที่หมู่บ้านหยุนซีของเราล่ะ"
ฝูจือหยินจ้องมองชายร่างท้วมตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง
มาที่ที่ห่างไกลแบบนี้ในตอนกลางคืน มันต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่ๆ นั่นทำให้เธอระมัดระวังชายตรงหน้ามากเป็นพิเศษ!
"คือผมได้ยินมาว่าที่นี่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายเยอะมาก ผมเลยมาดู... อ๋อใช่ ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจากบริษัทกู่เหอเทรดดิ้งจำกัด บริษัทของเราทำธุรกิจหลักเกี่ยวกับโสมเขากวาง โสมอเมริกา กล้วยไม้สกุลหวาย และยาบำรุงอื่นๆ ที่มีชื่อเสียง"
หลี่ชุนเหลยรีบหยิบนามบัตรออกมา "บริษัทของพวกเรามีขนาดใหญ่มาก ถ้ามีโอกาส หวังว่าจะได้ร่วมมือกับหมู่บ้านของคุณนะครับ"
"เจียงหนาน.. กู่เหอเทรดดิ้ง.. คุ้นๆ เหมือนฉันเคยได้ยินชื่อพวกคุณ"
เฉินจิ่วซือรับนามบัตรมา แล้วครุ่นคิดเล็กน้อย "ได้ยินชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและแปรรูปสมุนไพรชั้นนำของประเทศ"
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้จักตนเอง หลี่ชุนเหลยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที "คือว่า ผมเห็นว่ากล้วยไม้สกุลหวายที่นี่เหมือนจะติดโรคเน่าดำ..."
"ใช่ แต่ตอนนี้ก็แก้ไขได้เกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็คงจะหายเป็นปกติภายในไม่กี่วัน และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไป"
เฉินจิ่วซือที่เข้าใจความกังวลของอีกฝ่ายจึงพูดอย่างมั่นใจออกมา "พวกคุณตรวจสอบได้ตามสบายเลยครับ..."
"เท่าที่ผมรู้ โรคเน่าดำของกล้วยไม้สกุลหวายในตอนนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ไม่ใช่เหรอ"
"ที่อื่นอาจจะแก้ไขไม่ได้ แต่เรามีวิธี"
เฉินจิ่วซือยังคงสีหน้าเรียบเฉย "ข้อเท็จจริงย่อมสำคัญกว่าคำพูด ถ้าคุณไมเชื่อ รอให้ถึงช่วงเก็บเกี่ยวครั้งต่อไปแล้วค่อยมาคุยกับผมก็ได้ กล้วยไม้สกุลหวายของเราคุณภาพดีเยี่ยม ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนซื้อ"
เอาแล้วไง เขาถูกปิดบทสนทนาไปเลย
หลี่ชุนเหลยอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ซึ่งมันก็เหมือนจะเป็นอย่างที่ชายคนนี้พูดจริงๆ
ที่นี่มีกล้วยไม้สกุลหวายถึง 1,000 เอเคอร์
อย่างน้อยก็ต้องมี 100,000 กว่ากิโลกรัมได้เลย
ข้อมูลที่ศูนย์ตรวจสอบส่งมายังบอกอีกว่ากล้วยไม้สกุลหวายที่นี่มีคุณภาพสูง
มันมีส่วนประกอบสำคัญสูงกว่ามาตรฐานตำรับเภสัชแห่งชาติอย่างมาก
ปริมาณก็เยอะ คุณภาพก็สูง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนซื้อจริงๆ ด้วย... ถ้าเขาไม่เห็นว่ามีโรคเน่าดำ เขาก็คงจะรีบเข้ามาแล้ว
แต่โรคเน่าดำนี่มัน...
"พวกเราเชื่อในรายงานการตรวจสอบ ตราบใดที่คุณยืนยันว่ากล้วยไม้สกุลหวายที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่ามันจะเคยติดโรคเน่าดำ หรือว่า... แค่กๆ เอาเป็นว่า พวกเราอยากจะซื้อมันในจำนวนมากครับ"
ถึงแม้ว่าหลี่ชุนเหลยจะรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อไปหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมั่นใจขนาดนี้ แถมยังเหลือเวลาอีกพอสมควรก่อนจะเก็บเกี่ยว เขาก็เลยไม่กังวลอะไรอีก แล้วจึงหันมาถามต่ออีกว่า "ไม่ทราบว่าหมู่บ้านของคุณมีกล้วยไม้สกุลหวายประมาณเท่าไหร่หรอครับ"
"ครั้งนี้น่าจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 150,000 กิโล" เฉินจิ่วซือไม่ได้พูดอะไรมาก
150,000 กิโลงั้นหรอ?!
หลี่ชุนเหลยตาเป็นประกาย
"คุณพอจะพาผมไปพบกับผู้รับผิดชอบของหมู่บ้านได้ไหมครับ หรือไม่ก็เรียกชาวบ้านที่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายมารวมตัวกันก็ได้"
ถึงแม้จะยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามันมีปัญหาจริงหรือเปล่า แต่การลองเจรจาดูแต่เนิ่นๆ น่าจะทำให้เขาสามารถคุมความได้เปรียบในเรื่องราคาได้
เขาไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมีกำแพงที่ไม่มีรอยรั่ว
ใครจะรู้ว่าจะมีแค่เขาคนเดียวที่ได้รับข่าวนี้จริงๆ หรือไม่
ถ้าเขาช้าแล้วโดนคนอื่นแย่งไปหมด เขาคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ
"นายนี่ก็คือคนนั้นนั่นแหละ มีอะไรอยากจะพูดหรอ"
ฝูจือหยินยังคงมองสำรวจอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ดูไม่ไว้ใจนัก เธอรู้สึกว่าคนๆ นี้มีอะไรแอบแฝงอยู่
"คุณ.."
"ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านหยุนซี กล้วยไม้สกุลหวาย 90% ในหมู่บ้านก็ทำสัญญาให้บริษัทหยุนซีวอลคาโน่จำกัดดูแลแล้ว"
เฉินจิ่วซือก็ไม่ได้พูดอะไรมากแล้วเปิดเผยตัวตนออกมา "สรุปก็คือ ถ้าคุณอยากจะซื้อกล้วยไม้สกุลหวายของหมู่บ้านเรา ก็ต้องติดต่อผมนี่แหละ"
"โอ้โห ยังหนุ่มยังแน่นแต่ความสามารถล้นเหลือจริงๆ!"
หลี่ชุนเหลยรีบยื่นมือออกมา "ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ"
"เฉินจิ่วซือ"
"คุณเฉินครับ พวกเราจะให้ราคาที่คุณพอใจแน่นอน"
เขาไม่คิดเลยจริงๆ ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้
แต่ที่สำคัญก็คือ กล้วยไม้สกุลหวายทั้งหมดในหมู่บ้านก็อยู่ในความดูแลของเขา
ถ้าเป็นแบบนี้ การที่จะปรับราคาแล้วโจมตีทีละรายคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่ก็ไม่รู้ว่าหนุ่มคนนี้จะรู้ราคาตลาดหรือเปล่า...
"ไม่ต้องรีบหรอกครับ" เฉินจิ่วซือยิ้มแล้วโบกมือ "คุณหลี่เดินทางมาไกลขนาดนี้ สู้พักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาสำรวจให้ดีๆ แล้วค่อยว่ากัน"
เขาวางแผนว่าจะเชิญผู้ผลิตหลายรายในวงการเข้ามาดูเพื่อดูว่าใครจะให้ราคาที่เหมาะสมกว่ากัน
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตอบตกลงกับชายคนนี้ง่ายๆ
จากรายงานการตรวจสอบกล้วยไม้สกุลหวายของพวกเขา มันสามารถบอกได้ว่ากล้วยไม้สกุลหวายเหล่านี้เป็นของที่ดีที่สุด
ยากที่จะกำหนดราคาตลาดจริงๆ!