บทที่ 11 หรือว่ามีคนอยากจะหลอกฉันมาผ่าตัดเอาไตกันนะ
บทที่ 11 หรือว่ามีคนอยากจะหลอกฉันมาผ่าตัดเอาไตกันนะ
"ตอนนี้ยังมีคนอยากจะซื้อของที่แกะสลักจากหินภูเขาไฟอยู่จริงเหรอ"
เฉินจิ่วซือพูดด้วยความมั่นใจ "แน่นอนครับ คุณตาคอยดูได้เลย ด้วยฝีมือแบบนี้ ผมรู้สึกว่ายังไงก็ต้องมีคนชอบผลงานของคุณตาเป็นแสนๆ คนแน่นอน!"
"ฮ่าๆ อย่ามาโม้หน่อยเลย จะมีคนชอบถึงแสนๆ คนได้ยังไง มันต้องจัดงานนิทรรศการตั้งเท่าไหร่กันเชียว ทั้งเมืองของเราก็ยังไม่มีคนเยอะขนาดนั้นสักหน่อย"
"คุณตา ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ใครๆ ก็สามารถอัปโหลดรูปภาพและคลิปวิดีโอได้ทางอินเทอร์เน็ต อย่างที่จื่อหยินเพิ่งถ่ายไปเมื่อกี้ พอเอาไปลงเน็ต ใครๆ ก็สามารถเห็นฝีมือของคุณตาได้แล้ว"
เฉินจิ่วซือคิดดูแล้วพูดต่อไปว่า "คุณตาเคยเห็นคนในหมู่บ้านดูคลิปในมือถือบ้างไหมครับ"
หลังจากอธิบายอยู่นาน คุณตาก็เหมือนจะเข้าใจ "นี่เธอกำลังบอกว่า ทุกวันมีคนมากกว่า 700 ล้านคนดูติ๊กต็อกอะไรนั่นอยู่งั้นหรอ แล้วที่พวกเธอถ่ายไปเมื่อกี้ก็จะเอาไปลงในนั้นได้ด้วยเหรอ"
เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ก็ยากที่จะยอมรับสิ่งใหม่ๆ
คุณตาฝูเป็นคนแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่คนแบบนั้นเสียทีเดียว
การเข้าใจแพลตฟอร์มใหม่ๆ นั้นยาก แต่หลังจากที่เข้าใจแล้ว เขาก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
"แล้วทำไมพวกเธอไม่บอกกันแต่แรกล่ะ ถ้าฉันรู้แบบนี้ ฉันคงต้องดูรายละเอียดให้ดีกว่านี้ก่อนที่จะแกะสลัก มันน่าจะมีรายละเอียดหลายอย่างที่ยังไม่ดีเท่าไหร่น่ะสิ"
คุณตาทำหน้าไม่พอใจ "ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้ก็บอก... ช่างมันเถอะ งั้นเรามาแกะใหม่กันเลยดีกว่า!"
ยังห่วงภาพลักษณ์อยู่เหมือนกันนะเนี่ย
เฉินจิ่วซือพูดไม่ออกเลย
"คุณตา อันนี้มันก็ดีมากแล้วค่ะ" ฝูจือหยินกล่าว "อีกอย่าง มันก็ไม่ได้มีแค่นี้สักหน่อย ถ้าคุณตาชอบ ต่อให้โครงการกระถางต้นไม้แกะสลักของพวกเรามันล้มเหลว ฉันก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณตาให้คุณตาแกะสลักแบบนี้ได้เรื่อยๆ เลย"
"แต่ตอนนี้คุณตาบอกชื่อคนที่ฝีมือดีๆ ให้พวกเราหน่อยได้ไหมคะ ช่วงบ่ายพวกเราจะไปเยี่ยมพวกเขา ดูว่าพวกเขาอยากจะแกะสลักกันด้วยหรือเปล่า"
ตอนนี้เฉินจิ่วซือกลับมาแล้ว
แสดงว่าสถานที่สำหรับทำงานก็พร้อมแล้ว
ต่อไปก็แค่ตามหาคนเหล่านั้น
และด้านแพลตฟอร์มติ๊กต็อกเองก็มีเครื่องมือตัดต่อคลิปโดยเฉพาะ
ซึ่งตั้งแต่ที่ AI เริ่มเป็นที่แพร่หลาย เครื่องมือตัดต่อนี้ก็ฉลาดขึ้นมาก
ในระหว่างที่รออาหารเที่ยง เฉินจิ่วซือก็เปิดเครื่องมือตัดต่อนี้ แล้วตัดต่อคลิปที่ฝูจือหยินถ่ายมาแบบง่ายๆ แล้วก็อัปโหลดขึ้นไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพลังของข้อมูลจริงๆ หรือเป็นเพราะคลิปที่เปี่ยมไปด้วยทักษะทางด้านศิลปะระดับสูงนี้มันโดดเด่นท่ามกลางคลิปสั้นมากมายที่เต็มไปด้วยมุกตลก อาหาร และการเต้น หรืออาจจะเป็นเพราะการเกาะกระแส Black Myth: Wukong ก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเพราะอะไร สรุปก็คือหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็เริ่มมีคนกดไลก์และแสดงความคิดเห็น
จากนั้น คลิปนี้ก็ถูกเปิดดูและส่งต่อเป็นจำนวนมาก
เหมือนกับว่าคนดูเบื่อกับอะไรที่เคยเห็นเป็นประจำแล้ว เลยอยากจะลองดูอะไรใหม่ๆ บ้าง
และแล้วยอดวิวของคลิปนี้ก็เหมือนกับลูกบอลหิมะที่กลิ้งลงมาเรื่อยๆ จากยอดเขา มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ของดี! สวยมาก"
"เหมือนหงอคงจะกระโดดออกมาจากหินได้เลยนะเนี่ย"
"วูคงแบบแบล็คของจริง!"
"ปักหมุด! คุณลุงสุดยอด!"
"อันนี้ขายไหม"
"สุดยอดช่างฝีมือ สุดยอดไปเลย!"
"หินภูเขาไฟที่เป็นรูแบบนั้นยังแกะสลักได้ด้วยเหรอเนี่ย"
"มีใครรู้สึกว่าขั้นตอนการแกะสลักมันดูเพลินเหมือนฉันไหม!"
"นี่เป็นคลิปเดียวที่ฉันดูแล้วไม่รู้สึกรำคาญเลย!"
"......"
ความคิดเห็นมากมายทำให้การโปรโมทด้วยข้อมูลขนาดใหญ่เริ่มทำงาน
คลิปวิดีโอที่คุณตาฝูแกะสลักซุนหงอคงดำได้แพร่กระจายไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
มันถึงขั้นดึงดูดบัญชีการตลาดและบัญชีสื่อต่างๆ เข้ามาแชร์ต่อเลยทีเดียว
เฉินจิ่วซือที่ไม่รู้ตัวว่าคลิปนั้นได้ดังไปแล้ว หลังจากที่เขากินอาหารเที่ยงเสร็จ เขาก็หยิบรายชื่อแล้วออกไปเยี่ยมทีละคน
เมื่อเผชิญหน้ากับการเชิญของเฉินจิ่วซือ เกือบทุกคนก็ตกลง
พวกคุณลุงที่มีอายุ 60-70 ปีขึ้นไป หรือแม้แต่คุณตาที่มีอายุ 80 แล้ว ในตอนนี้พวกเขามักจะอยู่บ้านเฉยๆ โดยที่ไม่มีอะไรทำ กล้วยไม้สกุลหวายก็แทบจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว การฉีดพ่นยาก็ใช้เวลาแค่ไม่นาน เวลาที่เหลือก็ถูกใช้ไปกับการนั่งตากแดด หรือเล่นหมากรุกเพื่อแก้เบื่อเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อได้ยินคำเชิญของเฉินจิ่วซือว่ามีอะไรให้พวกเขาทำ แถมยังมีเงินให้ด้วย พวกเขาจะมีเหตุผลอะไรให้ลังเลอีกล่ะ
ดังนั้นทุกคนก็เลยสนใจจะลงเรือลำนี้มาด้วยกัน
หลายคนถึงขั้นบอกว่าไม่ต้องให้เงินก็ได้ด้วยซ้ำ
เรื่องส่วนแบ่งหรือค่าแรงรายวันอะไรแบบนั้น พวกเขาไม่ได้สนใจ
ทุกคนบอกว่าเต็มใจที่จะทำ
เรื่องการเชิญชวนในครั้งนี้ราบรื่นจนเฉินจิ่วซือรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อไปเลย ..
.. และในขณะเดียวกัน
บนเรือโดยสารจากในอำเภอไปยังเกาะจงซาน
"ที่นี่ปลูกกล้วยไม้สกุลหวายได้จริงเหรอ?"
หลี่ชุนเหลยรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหลอก
กล้วยไม้สกุลหวายถูกจัดอยู่ในรายชื่อพืชป่าคุ้มครองระดับสอง ก็เพราะความหายากของมัน
มันมีเฉพาะในบางพื้นที่ของมณฑลเจียงหนาน ไฉอวิ๋น และปาหมินเท่านั้น
พื้นที่เหล่านั้นล้วนอยู่ในเขตกึ่งร้อนชื้น มีอากาศอบอุ่นชื้น และมีร่มเงา
มันไม่เข้ากับเกาะจงซานนี้เลยสักนิด
อีกอย่าง กล้วยไม้สกุลหวายที่เขาเคยเห็นส่วนใหญ่จะขึ้นในพื้นที่ที่มีความสูงมากกว่า 500 เมตรขึ้นไป แต่เขาได้ยินมาว่าจุดสูงสุดของเกาะจงซานมีความสูงแค่ 220 เมตรเท่านั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
"หรือว่ามีคนอยากจะหลอกฉันมาผ่าตัดเอาไตกันนะ"
เขาเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยสำหรับการเดินทางจากเจียงหนานมายังเกาะห่างไกลแห่งนี้เพียงเพราะแค่โทรศัพท์สายเดียว
เกาะเล็กๆ ที่ห่างไกลจากอำเภอถึงสามชั่วโมงทางเรือ คงจะไม่ใช่ที่ที่ต้องใช้คนมาสังเวยหรอกนะ
ยิ่งหลี่ชุนเหลยมองดูทะเลรอบๆ ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าบนเรือมีคนเยอะเป็นร้อยสองร้อยคน เขาก็คงจะกระโดดลงทะเลไปแล้ว
พร้อมด้วยความรู้สึกประหลาดใจแบบนี้ หลี่ชุนเหลยก็มาถึงเกาะจงซานอย่างมึนงง
แต่เมื่อได้สอบถามดู
ปรากฏว่าหมู่บ้านหยุนซีก็มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน
ทุกคนรู้ว่าที่นั่นมีการปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย
แถมยังมีพื้นที่ปลูกไม่น้อยเลยด้วย
ในขณะที่หลี่ชุนเหลยกำลังโล่งใจ เขาก็ได้ยินคนพูดขึ้นว่า "แต่พวกเขาก็ซวยจริงๆ เลยนะ ได้ยินมาว่ากล้วยไม้สกุลหวายอะไรนั่นกำลังจะได้เก็บเกี่ยวแล้ว แต่กลับติดโรคอะไรก็ไม่รู้ เหมือนว่ามันจะเสียหายทั้งหมดเลย ถ้าจะให้ว่านะ ไปจับปลาตามเดิมจะดีกว่า เกาะของเราน่ะไม่เหมาะที่จะปลูกอะไรหรอก"
หือ..
ติดโรคอะไรกัน
เสียหายหมดเลยงั้นหรอ
ล้อเล่นหรือเปล่า
เมื่อเขาได้รับข่าวก็รีบเดินทางมาทันที
ทั้งหมดก็แค่ไม่กี่สิบชั่วโมงเท่านั้นเองนะ
ทำไมเมื่อไม่กี่สิบชั่วโมงก่อน กล้วยไม้สกุลหวายยังเป็นคุณภาพดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับจะเสียหายหมดแล้วล่ะ
นั่นมันกล้วยไม้สกุลหวายจำนวนมหาศาลเลยนะ!
เขาเดินทางมาเสียเที่ยวจริงๆ หรอเนี่ย
"ไม่ได้ๆ ฉันต้องรีบไปดูให้เร็วที่สุด บางทีอาจจะยังพอแก้ไขได้"
กว่าจะยืนยันได้ว่าหมู่บ้านนี้มีกล้วยไม้สกุลหวายจริงๆ แถมยังมีเป็นจำนวนมากด้วย ถ้ามาถึงขนาดนี้แล้วต้องเสียเที่ยว เขาคงต้องอกแตกตายแน่ๆ
ดังนั้นเขาจึงหารถอย่างรวดเร็วแล้วเดินทางไปยังหมู่บ้านหยุนซีทันที