บทที่ 10 ตอนนี้ยังมีคนชอบมันอยู่อีกเหรอ?
บทที่ 10 ตอนนี้ยังมีคนชอบมันอยู่อีกเหรอ?
เฉินจิ่วซือมั่นใจในเรื่องนี้มาก "ความคิดของฉันก็คือ ให้ถามพวกเขาก่อน ว่าอยากได้เงินเดือนหรืออยากได้ส่วนแบ่ง"
"ถ้าเป็นส่วนแบ่ง รายได้จากออนไลน์จะแบ่งกัน 50/50 แล้วพวกเราก็ต้องหาคนทำสื่อออนไลน์มืออาชีพมา ซึ่งพวกนี้ก็เป็นค่าใช้จ่าย ส่วนเรื่องกระถางต้นไม้เอง จะแบ่งกัน 30/70 โดยที่คนแกะสลักจะได้ 70% พวกเราได้ 30% ไว้เป็นค่าขนส่ง ค่าบริการหลังการขาย ค่าความเสียหาย และอื่นๆ"
"ถ้าเป็นเงินเดือน อืม ให้เป็นค่าแรงรายวัน วันละ 200 หยวน"
"จำเป็นต้องให้สูงขนาดนั้นเลยหรอ"
ฝูจือหยินส่ายหัว "ข้างนอกปลูกต้นไม้ทั้งวันยังได้แค่ 80 หยวน แล้วถ้าช่วยทำงานในไร่ทั้งวันจะได้แค่ 40-50 หยวน"
"แต่นี่นายให้วันละ 200 เลยหรอ"
"ก็มันเป็นงานฝีมือนี่" เฉินจิ่วซือกล่าว
"งานฝีมืออะไรกัน ในหมู่บ้านเราคนที่จะแกะสลักได้ นอกจากพวกบ้าๆ บอๆ อย่างพวกนาย ก็มีแต่พวกคนแก่ที่อายุ 50 ขึ้นไปทั้งนั้นแล้ว ออกทะเลก็ไม่ได้ ทำอะไรที่หมู่บ้านก็ไม่ได้ จะให้มาช่วยแกะสลักอะไรพวกนี้ มันไม่จำเป็นต้อง..."
ยังไม่ทันที่ฝูจือหยินจะพูดจบ เฉินจิ่วซือก็ขัดขึ้นมา "เธออาจจะไม่เข้าใจราคาของกระถางต้นไม้พิเศษพวกนี้หรอก... เอาเป็นว่ากล้วยไม้สกุลหวายที่ปลูกบนหินธรรมดาๆ ขายกันในราคาอย่างน้อยก็ 40 กว่าหยวนแล้ว"
"เหมือนที่เธอพูดเมื่อกี้ ถ้าจะให้คุณตาแกะสลักถึงขั้นซุนหงอคง แล้วปลูกกล้วยไม้สกุลหวายไว้ข้างๆ อย่างน้อยก็ต้องขายได้ 200 หยวนไหม แล้วถ้าแกะสลักออกมาดูดีจริงๆ อาจจะมีคนให้ราคามากกว่า 500 หยวนก็ได้นะใครจะรู้"
"อะไรนะ แพงขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าแพงขนาดนั้นก็คงมีคนซื้อไม่กี่คนหรอกมั้ง" ฝูจือหยินถึงกับงงเมื่อได้ยินราคา
"เยอะแยะน่า" เฉินจิ่วซือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดไปสองสามที "เธอดูไม้นี้สิ แค่ท่อนไม้กับของเล่นพลาสติก ราคา 38 หยวนยังขายได้เป็นหมื่นๆ ชิ้นเลย"
"แต่ของพวกเราคือกระถางต้นไม้พิเศษที่แกะสลักด้วยมือจริงๆ นะ"
"ตราบใดที่เราทำให้มันเป็นที่รู้จักได้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้หรอก"
"นั่นสินะ... งั้น 200 ก็ 200 ฉันจะให้คุณตาคัดเลือกคนเอง เลือกคนที่ฝีมือดีที่สุดมาก่อน แล้วถ้าขายดีจริงๆ ค่อยขยายทีมก็แล้วกัน"
ถึงจะพูดแบบนั้น ฝูจือหยินก็ยังรู้สึกว่าราคามันดูแปลกๆ
เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อใจเฉินจิ่วซือ ตราบใดที่ควบคุมจำนวนคนไว้ได้ ถึงจะขายไม่ได้ก็คงจะไม่ขาดทุนมากนัก... ถ้าอยู่ในขอบเขตที่รับได้ ก็ตามนั้นแล้วกัน!
.. ในเช้าวันต่อมา หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองก็เริ่มลงมือตามแผนทันที..
"..พวกเธอเรียกนี่ว่าซุนหงอคงงั้นหรอ"
ในลานบ้านเก่าที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเฉินจิ่วซือ คุณตาคนหนึ่งมองซุนหงอคงในโทรศัพท์ด้วยความไม่เข้าใจ "คือพวกเธออยากจะให้ฉันแกะสลักให้เป็นแบบนี้เหรอ"
เขายังจำได้ลางๆ อยู่เลย เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ก็ตรงจุดนี้แหละที่เขาเคยแกะสลักพระถังซัมจั๋งและลูกศิษย์ทั้งสี่รวมทั้งม้าให้กับเฉินจิ่วซือและฝูจือหยิน
ดูเหมือนเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป.. ซุนหงอคงก็เปลี่ยนไปด้วยสินะ!
"ไม่ได้จะให้แกะตอนนี้เลยหรอกนะครับ เมื่อไหร่ที่คุณตาว่าง เอ่อ แต่ถ้าคุณตาไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ.."
เฉินจิ่วซือรู้สึกว่าน้ำเสียงของคุณตาดูแปลกๆ จึงรีบพูดขึ้นมา
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบดี ฝูจือหยินก็พูดขึ้นมาทันที "พวกเราอยากจะได้แบบนี้แหละค่ะ คุณตาค่อยๆ ทำความคุ้นเคยไปก่อน ไม่ต้องรีบ ถ้าไม่ไหวจริงๆ พวกเราเปลี่ยนแบบก็ได้ค่ะ"
".. เห้อ จะมีอะไรที่ไม่ไหวกันเล่า ก็แค่แกะสลักลิงตัวหนึ่ง มันง่ายจะตายไป จะให้แกะตอนนี้ก็แกะได้เลย" คุณตาพูดขึ้นมาทันที "50 ปีแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันแกะไม่ได้"
"จริงเหรอ"
"จริงสิ!"
"พวกเราจะถ่ายคลิปไปด้วย"
"ตามสบาย"
"อาจจะมีคนเห็นเยอะมากๆ เลยนะคะ"
"ก็ดีเลยสิ"
"......"
ฉันควรออกไปก่อนไหมนะ.. เฉินจิ่วซือคิด
เมื่อเห็นสองคนตาหลานพูดคุยกันแล้ว เฉินจิ่วซือก็ทำอะไรไม่ถูก
"คุณตาคะ พวกเราไม่ได้ล้อเล่นนะคะ"
หลังจากผ่านไปสักพัก เฉินจิ่วซือก็พูดแทรกขึ้นมา "พวกเราตั้งใจจะเอาหินภูเขาไฟมาแกะสลัก แล้วเอามาใช้ใส่กล้วยไม้สกุลหวาย ทำเป็นไม้กระถาง..."
เมื่ออธิบายต้นสายปลายเหตุเสร็จสรรพ คุณตาก็ส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะ "ตัวการ์ตูนงั้นเรอะ ของคนหนุ่มๆ พวกนี้ฉันไม่เข้าใจหรอก เอาเป็นว่าพวกเธอก็แค่ต้องการให้ตาแก่คนนี้แกะสลักของพวกนี้ แล้วก็เรียกพวกเพื่อนเก่าออกมาทำด้วยกันใช่ไหม"
"ไม่มีปัญหา"
"ต้องยอมรับเลยว่าของพวกนี้ดูแปลกตาดี ฉันก็เคยแกะสลักเจ้าลิงนี่นะ แค่รู้สึกว่ามันดูไม่เหมือนเดิมยังไงไม่รู้"
เมื่อพูดจบเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาเอนหลังลงบนเก้าอี้โยกตามประสาคนแก่แล้วก็ตั้งใจดูคลิปโฆษณาในโทรศัพท์
แม้เขาจะไม่คุ้นเคยกับตัวการ์ตูนหรือตัวละครสมัยใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ามันดูดีมีสไตล์จริงๆ
ยังไม่ทันที่คุณตาจะตอบอะไร ฝูจือหยินที่อยู่ข้างๆ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกวิดีโอ
"ถ่ายช่วงที่คุณตากำลังดูคลิปเพื่อศึกษาการแกะสลัก แล้วก็ถ่ายขั้นตอนการแกะสลัก แล้วก็จบด้วยการโชว์ผลิตภัณฑ์ มันก็น่าจะเป็นคลิปที่สมบูรณ์แล้วไหมนะ"
"เธอรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ"
"ไม่เคยเห็นหมูวิ่งแต่ก็เคยกินหมูไหมล่ะ" ฝูจือหยินจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ พร้อมกับตอบกลับมา "ยังไงก็ตาม ฉันรู้สึกว่าแบบนี้แหละ มันต้องได้ผลแน่ๆ"
"โอเค งั้นเธออยู่กับคุณตาไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปที่ลานที่ทำการหมู่บ้าน จะเคลียร์พื้นที่ทำกิจกรรมก่อน แล้วค่อยไปแกะสลักกันแบบเต็มรูปแบบที่นั่น"
เมื่อเห็นว่าคุณตาคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก เฉินจิ่วซือก็กล่าวลาแล้วเดินจากไป
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง ร่างของซุนหงอคงก็เริ่มปรากฏให้เห็น
ร่างสีดำนั้นมีรูพรุนมากมาย แต่กลับไม่ได้ทำให้ความสง่างามของซุนหงอคงลดน้อยลงไปเลย
ถึงแม้จะเป็นแค่ร่างที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ดูเท่มากแล้ว!
เรื่องของความโดดเด่นอะไรพวกนี้ไม่มีปัญหาเลย
และมือของคุณตานั้นดูนิ่งมาก
เฉินจิ่วซือรู้สึกว่ามันนิ่งกว่ามือของเขาที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเสียอีก
มือนั้นกำลังเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมอยู่ แถมยังทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ดูเหมือนว่าฝูจือหยินจะมองอย่างตะลึงงันแล้วจดจ่ออยู่กับการถ่ายวิดีโอจนไม่ทันสังเกตว่าเฉินจิ่วซือกลับมาแล้ว
เมื่อรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รูปปั้นนี้ก็ยิ่งเหมือนกับต้นฉบับมากยิ่งขึ้น
อย่าว่าแต่ห้าร้อยเลย ตอนนี้เฉินจิ่วซือรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เป็นหมื่นเป็นแสน มันก็จะเป็นการดูถูกรูปปั้นนี้เกินไป
และนี่ก็เป็นแค่เพราะวัสดุที่ใช้เป็นหินภูเขาไฟ
ถ้าเป็นวัสดุอื่นๆ ราคาในใจของเขาก็สามารถพุ่งขึ้นไปได้อีก!
"พวกเราเกือบจะอดตายทั้งๆ ที่มีกองทองอยู่ตรงหน้าแล้วชัดๆ"
จนกระทั่งคุณตาเก็บเครื่องมือทั้งหมดลง เฉินจิ่วซือก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา "ถ้าทุกคนมีฝีมือเหมือนคุณตาแบบนี้ ที่นี่ก็ไม่ใช่กองหินแล้ว แต่เป็นกองทองที่อยู่เต็มไปหมดต่างหาก!"
"เป็นไง ฉันก็บอกแล้วว่าของเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเธอมันก็แกะสลักง่ายดี" คุณตาดูเหมือนจะมีความสุขมาก "รอให้ยัยหนูนี่มีฝีมือมากกว่านี้ก่อนก็จะรู้เองว่าสิ่งที่แกะสลักมันไม่ได้สำคัญว่ามันจะต้องมีรูปร่างแบบไหน เพียงแต่ในหัวมันจะต้องเกิดภาพขึ้นมาก่อนว่าแต่ละส่วนควรจะแกะแบบไหน.."
"..แต่ว่าตอนนี้ยังมีคนอยากจะซื้อของที่แกะสลักจากหินภูเขาไฟอยู่จริงเหรอ"
เฉินจิ่วซือพูดด้วยความมั่นใจ "แน่นอนครับ คุณตาคอยดูได้เลย ด้วยฝีมือแบบนี้ ผมรู้สึกว่ายังไงก็ต้องมีคนชอบผลงานของคุณตาเป็นแสนๆ คนแน่นอน!"
"ฮ่าๆ อย่ามาโม้หน่อยเลย จะมีคนชอบถึงแสนๆ คนได้ยังไง มันต้องจัดงานนิทรรศการตั้งเท่าไหร่กันเชียว ทั้งเมืองของเราก็ยังไม่มีคนเยอะขนาดนั้นสักหน่อย"