ตอนที่ 200 มันเป็นเพราะคุณ!
ตอนที่ 200 มันเป็นเพราะคุณ!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ชายคนนี้คือจิมมี่ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยทำลายยานรบต่างดาวหรือเปล่า? ทำไมเขาถึงดูหวาดกลัวแบบนี้?
เขาดูเหมือนจะกลัวเอริค? เอ็มม่ามองเอริคด้วยความสงสัย แต่เอริคก็ยิ้มให้เธอเล็กน้อยและยักไหล่ราวกับไม่มีอะไร
หมายความว่าไงกัน? ยิ่งมองเอ็มม่าก็ยิ่งสับสน
ขณะนั้นเองหญิงสาวผิวเขียวที่พิงจิมมี่อยู่ก่อนหน้านี้ก็ลุกขึ้นยืน โดยที่เธอไม่สนใจพวกเขาทั้งสองคนเลย และเดินมาสวมกอดจิมมี่และจูบเขาอย่างดูดดื่ม
ดวงตาของเอ็มม่าแคบลงทันที ความสนใจทั้งหมดของเธอถูกจับจ้องไปที่หญิงสาวผิวเขียวคนนี้ ตอนแรกเธอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีรูปลักษณ์ผิดแปลกเหมือนจิมมี่ แต่ยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าหญิงสาวผิวเขียวคนนี้พิเศษมากกว่านั้น
พลังจิตของเธอนั้นแตกต่างจากมนุษย์บนโลก มันเป็นพลังที่เอ็มม่าไม่เคยสัมผัสมาก่อน
หญิงสาวผิวเขียวดูเหมือนจะรู้ว่าเอ็มม่ากำลังสังเกตเธอ ทำให้เธอหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนรูปร่างจนกลายเป็นเหมือนเอ็มม่าทุกระเบียบนิ้ว
“มิสทีคงั้นเหรอ? ไม่ใช่ . . . เธอเป็นใครกันแน่?” เอ็มม่าทำท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ ร่างกายของเธอเปลี่ยนเป็นเพชรที่เปล่งประกายเจิดจ้าในแสงแดดอย่างกะทันหัน
หญิงสาวผิวเขียวที่กลายร่างเป็นเอ็มม่ามองการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความสนใจ ก่อนร่างของเธอจะเปลี่ยนเป็นเพชรตาม
“พอแล้ว เลิกเล่นได้แล้ว!” เอริคตบไหล่เอ็มม่าเบา ๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอกลับสู่ร่างปกติ เอ็มม่าลังเลเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนร่างกลับมาเป็นมนุษย์ในที่สุด
ร่างเพชรของเอ็มม่ามีพลังป้องกันสูงมาก แต่ข้อเสียคือในร่างนั้นเธอไม่สามารถใช้พลังจิตได้ ดังนั้นเมื่อกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พลังจิตของเธอก็กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
เมื่อเอ็มม่ากลับมาสู่ร่างเดิม พลังจิตของเธอก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ทำให้ตกใจมากกว่าเดิม หญิงสาวผิวเขียวในร่างเพชรนั้นมีคลื่นพลังจิตที่เหมือนกับเธอทุกประการ
เธอเลียนแบบพลังจิตได้ด้วยเหรอ?!
“เธอเป็นใคร?”
“ฮ่า ๆ เธอคือสครัลล์ หรือคุณจะเรียกเธอว่า ‘เอเลี่ยนนักเลียนแบบ’ ก็ได้” เอริคหัวเราะก่อนอธิบายถึงเผ่าสครัลล์ที่แสนมหัศจรรย์ ส่วนหญิงสาวสครัลล์ก็ถอนใจ และเปลี่ยนร่างกลับเป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิม ก่อนที่เธอจะทำหน้าตาเบื่อหน่ายเหมือนจะตำหนิเอริคที่ทำให้ความสนุกของเธอจบลง
เอริคโบกมือให้ จิมมี่รีบพาแฟนสาวต่างดาวของเขาออกไปทันที
เอ็มม่าเคยได้ยินเรื่องของชาวสครัลล์มาก่อน ตอนที่มีการประชุมพบปะเอเลี่ยนที่ถ่ายทอดสดทั่วโลก เจ้าหญิงชีอาร์เคยแนะนำถึงเผ่าสครัลล์ แต่ตอนนั้นคำอธิบายเกี่ยวกับสครัลล์ค่อนข้างสั้นกว่าที่พูดถึงชีอาร์หรือครี
หลังจากฟังคำอธิบายจากเอริคและเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง หัวของเอ็มม่าก็เต็มไปด้วยคำถาม แต่เธอก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้
“เข้าใจแล้วหรือยัง?” เอริคยืนเอามือไพล่หลัง และยิ้มด้วยท่าทางเหมือนทุกอย่างอยู่ในกำมือของเขา
“นี่ . . . ฉัน . . . ขอโทษ ขอฉันตั้งตัวหน่อย ทุกอย่างนี่เรื่องจริงเหรอ? ฉันหมายถึงทั้งหมดนี่ . . .” เอ็มม่าพูดอย่างสับสน
“ใช่ ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง มาเถอะ ผมจะพาคุณไปดูสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้!” เอริคไม่รอให้เอ็มม่าตั้งตัว เขาจับมือเธอและก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
พริบตาต่อมาเอ็มม่าก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันหมุนอย่างกะทันหัน ก่อนที่เธอจะเห็นดาวเคราะห์สีฟ้าอยู่ตรงหน้า
“?!” เอ็มม่าเอามือปิดปากด้วยความตกใจ
นี่มันอะไรกัน? โลกเหรอ?!
แชะ!
ทันใดนั้นเสียงชัตเตอร์ก็ดึงสติของเอ็มม่ากลับมาอีกครั้ง และเมื่อเธอหันไปดู เธอก็พบว่าเอริคกำลังถือกล้องถ่ายรูปเธออยู่
เอ็มม่าทำหน้าไม่พอใจและเมินเรื่องรูปถ่ายไป ก่อนที่เธอจะชี้นิ้วไปที่โลกแล้วถามว่า “เอริค นี่มันอะไร? เราอยู่ในอวกาศเหรอ?”
“อย่าเกร็งไปเลย แค่สูงจากพื้นโลกประมาณ 300 กิโลเมตรเท่านั้นเอง” เอริคกระซิบข้างหูเอ็มม่าพร้อมโอบเอวเธอเบา ๆ “เป็นไงล่ะ สวยไหม?”
“สวยมาก” เอ็มม่าพิงตัวกับเขาอย่างอ่อนโยน ดวงตาจับจ้องที่โลกเบื้องล่างด้วยความหลงใหล ราวกับคนที่ได้เห็นโลกจากอวกาศเป็นครั้งแรกจนไม่อยากละสายตาแม้เพียงวินาที
“ดาวเคราะห์ดวงนี้ให้กำเนิดมนุษย์ มนุษย์กลายพันธุ์ และอินฮิวแมน ทุกสิ่งที่เหลือเชื่อเริ่มต้นจากที่นี่ และกลับมายังที่นี่อีกครั้ง” ไม่ว่าเอริคจะมองโลกจากอวกาศมากี่ครั้ง เขาก็ยังรู้สึกซาบซึ้งในความยิ่งใหญ่ของมัน
ทั้งสองยืนมองโลกอยู่ในความเงียบสงบ เวลาราวกับหยุดนิ่ง จักรวาลเหมือนถูกตรึงไว้ในเสี้ยววินาทีนี้ เสียงหัวใจของทั้งคู่ดังก้องในความเงียบ ทำให้เอ็มม่าที่ผ่านผู้ชายมามากมาย ถึงกับรู้สึกหน้าแดงร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว
“ฉากนี้มันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ” เอ็มม่าพูดขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการเขินอายของตัวเอง ก่อนที่เธอจะแอบมองเอริคและโล่งใจที่เขาเหมือนไม่ได้สังเกต
เอริคคล้ายเพิ่งได้สติกลับมาเมื่อได้ยินคำพูดของเอ็มม่า เขายิ้มและส่ายหัวเบา ๆ “นี่น่ะเหรอยิ่งใหญ่? ดูนี่สิ!”
พูดจบเอริคก็ใช้นิ้วแตะเบา ๆ ในอากาศราวกับสัมผัสฟองสบู่ใส พร้อมกับแสงตรงหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย
เอ็มม่ามองไปที่แสงที่ดูเหมือนฟองสบู่ตรงหน้า ก่อนที่ดวงตาของเธอจะค่อย ๆ เบิกกว้างรอชมสิ่งมหัศจรรย์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทันใดนั้นฟองสบู่ก็แตกออก และเบื้องหน้าของพวกเขาก็ปรากฏยานรบลำมหึมา มันดูราวกับสัตว์ประหลาดโบราณที่หยุดนิ่งอยู่ในอวกาศ และตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ก็เหมือนกับจุดที่สัตว์ประหลาดนี้กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่
“ยินดีต้อนรับสู่เที่ยวบินเอริคแอร์ไลนส์ครับ คุณเอ็มม่าผู้ทรงเกียรติ เที่ยวบินนี้จะมุ่งหน้าออกจากโลก ส่วนปลายทางยังไม่กำหนด โดยมีพนักงานต้อนรับเพียงคนเดียวคือเอริคผู้พร้อมให้บริการคุณอย่างเต็มที่” เอริคโค้งให้เล็กน้อยก่อนจับมือเธอและพาบินเข้าสู่ยานอวกาศ
เอ็มม่าที่วันนี้อยู่ในโหมดตะลึงมาตลอดวัน เริ่มรู้สึกเหมือนภูมิคุ้มกันต่อความเซอร์ไพรส์ของเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้เธอมองยานลำใหญ่ตรงหน้าอย่างไร้ข้อสงสัยใด ๆ
“ทำไมล่ะ เอริค ทำไมคุณถึงบอกเรื่องพวกนี้กับฉัน? คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปบอกคนอื่นเหรอ?” เอ็มม่าถามพลางกระชับมือเอริคให้หยุดเดิน และใช้สายตาคมกริบจ้องเขาอย่างจริงจัง
เอริคชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณจะทำแบบนั้นเหรอ?”
เอ็มม่านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนส่ายศีรษะเบา ๆ
เอริคยิ้มทันที และมองเข้าไปในดวงตาของเธอ “แล้วคุณคิดว่าทำไมผมถึงบอกเรื่องพวกนี้กับคุณ?”
“เฮลล์ไฟร์คลับเหรอ? ประเทศยูโทเปียเพิ่งก่อตั้งขึ้น คุณก็เลยอยากดึงดูดให้มนุษย์กลายพันธุ์มาเข้าร่วมกับยูโทเปียใช่ไหม? เพราะเฮลล์ไฟร์คลับก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวเลือกหนึ่ง” เอ็มม่าขมวดคิ้วครุ่นคิด ซึ่งยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
เอริคส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนก้าวเข้ามาใกล้จนทั้งคู่แทบจะชิดกัน “ลืมเรื่องยูโทเปียหรือเฮลล์ไฟร์คลับไปได้เลย ผมบอกสิ่งเหล่านี้กับคุณก็เพราะคือคุณยังไงล่ะ”
พูดจบเอริคก็โน้มตัวจูบริมฝีปากของเอ็มม่าอย่างดูดดื่ม
เอ็มม่าตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มและจูบตอบอย่างเร่าร้อน . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป …