(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1282 ปรมาจารย์พิษเหวินเหยียน
หลังจากส่งร่างของเจ้าอสูรทั้งสามลงในไข่ฟักอสูร เหวินผิงก็เริ่มกระบวนการฟักในทันที หวังว่าจะได้รับความประหลาดใจในอีกเจ็ดวันข้างหน้า
ไม่นานนัก เหวินผิงก็ได้รับร่างของจักรพรรดิอสูรแห่งเผ่าอสูรแยกฟ้าที่หวายคงส่งมา เขาจึงโยนมันลงในไข่ฟักอสูรก่อนหน้านี้และเริ่มกระบวนการฟักอีกครั้ง
ในไข่ใบนี้ เขาได้ใส่ร่างของบรรพจารย์อสูรระดับสูงทั้งหมดห้าร่างลงไป ซึ่งสองร่างเป็นบรรพจารย์อสูรที่ปกปักษ์อยู่ในเขตหลวนเฟิงอันศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในนั้นมีสายเลือดระดับ A อีกสองร่างเป็นร่างที่ถีคงเก็บรวบรวมมาได้ และสุดท้ายคือจักรพรรดิอสูรเผ่าอสูรแยกฟ้าที่มีสายเลือดระดับ A
ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าผลลัพธ์จะต้องเป็นบรรพจารย์อสูรระดับสูงที่มีสายเลือดระดับ A อย่างแน่นอน
สำหรับการใช้งาน เหวินผิงวางแผนจะใช้มันในการตรวจตราศาลาจื่อฉี เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของศาลาแห่งนี้ ซึ่งในตอนนี้ศาลาจื่อฉีได้ขยายกิจการไปอย่างกว้างขวาง
แม้ว่าสำนักอมตะจะมีชื่อเสียงเลื่องลือในเวลานี้ แต่ก็ยังมีผู้คนบางส่วนที่ไม่เกรงกลัวความตาย ด้วยของที่อยู่ในศาลาจื่อฉีนั้นล้ำค่าหายากยิ่ง
ในเวลานั้นเอง เฉินเซี่ยส่งเสียงผ่านหินส่งเสียงมา
“ท่านเจ้าสำนัก วันนี้หนังสือพิมพ์อมตะได้เผยแพร่ออกไปแล้ว ข้าคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง และสุดท้ายก็ตัดสินใจระเบิดข่าวเหล่านี้ทั้งหมดในครั้งเดียว!”
“ไม่ทำก็ไม่ทำ แต่ถ้าจะทำก็ต้องให้เกิดแรงกระเพื่อมจนแผ่นดินอาณาจักรโยว่าสะเทือน!”
“หัวข้อหลักในวันนี้ไม่เพียงแค่การล่มสลายของเมืองหลวงอาณาจักรโยว่ และการกระทำของจักรพรรดิอาณาจักรโยว่ที่ร่วงหล่นระหว่างการต่อสู้ในเมืองหลวงเท่านั้น”
“แต่ยังรวมถึงการที่เทียนเหยาเปี้ยนพ่ายแพ้ในสำนักอมตะ รวมถึงการตัดสินใจของบรรพบุรุษอาวุโสสวรรค์ไร้ใจแห่งราชวงศ์อาณาจักรโยว่ในการยอมเสียพื้นที่เพื่อรักษาชีวิต ข่าวทั้งหมดนี้จะสร้างแรงสั่นสะเทือนในทุกขุมกำลังของอีกหกเขตใหญ่นอกเหนือจากเขตแดนกลางอันศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน”
“สิ่งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของสำนักอมตะพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่การเข้าสู่ช่องเขาเฉาเทียน!”
ในหอจิ้นจือ เฉินเซี่ยกำลังดูภาพจากเงามืดที่ส่งกลับมา พร้อมพูดด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่ต่างจากตอนที่เทียนเหยาเปี้ยนล้มลง
เพราะภาพที่ส่งกลับมานั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ตั้งแต่ผู้ต่ำต้อยอย่างทงเสวียนไปจนถึงขุมกำลังหกดาวต่าง ๆ ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างลึกซึ้งเมื่อได้เห็นหนังสือพิมพ์อมตะในวันนี้
การล่มสลายของเมืองหลวงอาณาจักรโยว่ และการพ่ายแพ้ของบรรพบุรุษอาวุโสแห่งอาณาจักรโยว่นั้น ทำให้พวกเขาต่างเริ่มพิจารณาที่จะเปลี่ยนข้าง โดยเฉพาะขุมกำลังในเขตแดนหลงเจ๋อ เขตแดนหนานหาน และเขตแดนสุดขั้วที่ใกล้กับแดนหยวนหยาง เมื่อทราบว่าอาณาจักรโยว่ยอมเสียพื้นที่เพื่อรักษาชีวิต พวกเขาต่างหวาดกลัวจนเริ่มคิดที่จะพึ่งพาสำนักอมตะ
พวกเขาจะยังเชื่อในราชวงศ์แห่งอาณาจักรโยว่าอีกหรือ?
ไม่มีทาง!
พวกเขาย่อมเลือกที่จะเชื่อในสำนักอมตะมากกว่า
เหวินผิงยังคงสงบนิ่งดุจผู้เฝ้าชมเหตุการณ์ “ชื่อเสียงเป็นสิ่งเลื่อนลอย เมื่อเจ้าแข็งแกร่ง มันก็จะตามมาเอง ไม่มีอะไรน่ายินดีนัก หากมีขุมกำลังคิดจะพึ่งพาเรา ก็ไม่ต้องถามข้า สำนักอมตะไม่รับ แต่หอจิ้นจือจะรับหรือไม่ เจ้าก็ดูแลเอง สรุปคือ ให้ช่วยเหลืออ๋องหลงหยางในอาณาจักรโยว่ให้มั่นคงในเวลาอันสั้นที่สุด”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
เฉินเซี่ยพยักหน้า ก่อนจะเก็บความตื่นเต้นที่ไม่อาจระงับไว้ในใจ
เจ้าสำนักมองการณ์ไกลนัก!
นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ข้าจะตื่นเต้นเช่นนี้ไม่ได้
ใจต้องสงบ!
ต้องเรียนรู้ความนิ่งสงบของเจ้าสำนักให้มาก
เหวินผิงไม่รู้ว่าเฉินเซี่ยกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เพราะเขารู้ว่าเฉินเซี่ยเป็นคนมีความทะเยอทะยาน และจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหลงระเริงในความสำเร็จชั่วคราว
แม้จะมีช่วงเวลาที่ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่เฉินเซี่ยก็สามารถคืนสติได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากตัดการติดต่อผ่านหินส่งเสียง เหวินผิงเตรียมไปเยี่ยมบิดามารดาของเขา เพื่อดูความคืบหน้าในการบำเพ็ญเพียร
เขาอยากรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไรบ้าง เขากลัวว่าหากไม่ไปดูด้วยตาตนเอง บิดามารดาของเขาอาจไม่กล้าหรือไม่คิดจะร้องขออะไรจากเขาเลย
ในระหว่างชั่วยามหลังจากตัดการติดต่อ เฉินเซี่ยได้รับการส่งเสียงติดต่อกลับมาทุก ๆ หนึ่งร้อยลมหายใจ
ล้วนเป็นความตั้งใจดีจากขุมกำลังต่าง ๆ โดยไม่มีข้อยกเว้น
มีทั้งการเชิญเฉินเซี่ยไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดใหญ่ และการส่งของขวัญแสดงความยินดี รวมถึงสารพัดรูปแบบอื่น ๆ ที่หลากหลาย
ตอนแรกเฉินเซี่ยยังรู้สึกยินดีอยู่ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของเจ้าสำนักทันที ความลำพองใจและความภูมิใจของเขาก็พลันจางหายไป
“ประกาศคำสั่งข้าเจ้าหอ ขุมกำลังที่ต่ำกว่าหกดาวห้ามพบ และของขวัญจากพวกเขาก็ไม่ต้องรับ หากมีผู้ที่ต้องการเข้าร่วมหอจิ้นจือ ให้พวกเขาแสดงความจริงใจบางอย่างออกมา”
เฉินเซี่ยไม่ได้อธิบายว่าความจริงใจนั้นต้องเป็นอะไร ทิ้งพื้นที่ให้หัวหน้าขุมกำลังหกดาวเหล่านั้นได้ใช้จินตนาการตามสะดวก
ขณะเดียวกัน เหวินผิงเดินทางมาถึงสวนเซียนผู่ และไม่ต้องลึกเข้าไปก็พบบิดามารดา
ดูเหมือนทั้งสองจะรู้ว่าเขาจะมา เพราะในมือถือตัวหนังสือพิมพ์อมตะของวันนี้อยู่แล้ว พอพบหน้าก็ถามทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”
เมื่อได้อ่านหนังสือพิมพ์อมตะวันนี้ บิดาและมารดาของเหวินผิงจึงเข้าใจถึงสถานะปัจจุบันของสำนักอมตะในช่องเขาเฉาเทียน
ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะมายืนในระดับเดียวกับอาณาจักรโยว่และหอปกฟ้าได้แล้ว!
ตั้งแต่เช้าตรู่ บิดาเหวินและมารดาเหวินก็อยากไปถามเหวินผิงว่าต้องการอะไรหรือไม่ แต่เพราะกลัวว่าเขาจะยุ่ง จึงลังเลและไม่กล้าไปรบกวน
เหวินผิงยิ้มเบา ๆ ก่อนพูดอย่างสงบ “ท่านพ่อ ท่านแม่ อย่างที่พวกท่านเห็น อาณาจักรโยว่ไม่ไหวแล้ว”
“นี่…”
เมื่อเทียบกับบิดาเหวิน มารดาเหวินกลับตระหนักถึงความแข็งแกร่งของอาณาจักรโยว่ได้มากกว่า ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้จากปากของลูกชาย นางจึงรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่ง
แค่ไม่นานเท่าใด บุตรของพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดนี้ได้แล้ว
“ดีมาก แต่ทุกสิ่งต้องระมัดระวัง ไม่ว่าอาณาจักรโยว่หรือหอปกฟ้า ล้วนเป็นขุมกำลังที่หยั่งรากลึกในช่องเขาเฉาเทียนมาหลายร้อยปี ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ง่าย ๆ” บิดาเหวินแม้จะภูมิใจและตื่นเต้น แต่ก็ยังเตือนเหวินผิงให้ระวังตัว
มารดาเหวินก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ต้องระวังตัวนะ ต้องรอบคอบ ต้องดูแลตัวเองให้ดี!”
เหวินผิงพยักหน้า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวล ตั้งแต่ทะเลสาบตงหัวถึงแดนหยวนหยาง อันตรายไม่เคยพรากอะไรจากข้าได้ มีแต่ส่งมอบ ‘ความแข็งแกร่ง’ ‘ยิ่งแข็งแกร่ง’ และ ‘แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ’ มาให้เท่านั้น”
เมื่อพูดจบ เหวินผิงไม่ให้โอกาสทั้งสองถามกลับ แต่ยิงคำถามชุดใหญ่เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการของพวกเขา
แม้จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของสำนักอมตะในตอนนี้ มารดาเหวินก็ยังไม่มีความต้องการมากมาย นอกจากสมบัติวิเศษฟ้าดินเพิ่มขึ้น และสมบัติวิเศษฟ้าดินที่มีอายุมากขึ้นเท่านั้น เพื่อนำไปใช้หลอมโอสถชั้นสูงให้กับศิษย์ในสำนักและผู้อาวุโส
เหวินผิงได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา เพราะสิ่งนี้ต้องอาศัยเวลาในการสะสม
โชคดีที่เวลาในสวนเซียนผู่ถูกเร่งขึ้นตลอด จึงสามารถผลิตสมบัติวิเศษฟ้าดินอายุสูงได้ในปริมาณมากในเวลาอันสั้น
ส่วนบิดาเหวิน เขาขอพื้นที่สำหรับทดลองโอสถพิษอีกครั้ง แต่กลับถูกมารดาเหวินตัดบทอย่างโกรธเกรี้ยว
“ตอนนี้สำนักอมตะอยู่ในสถานการณ์อะไร เจ้าจะก่อเรื่องให้ลูกเพิ่มทำไม?” มารดาเหวินต่อว่าอย่างเดือดดาล ตัดความคิดของบิดาเหวินทันที
แต่เหวินผิงกลับไม่ใส่ใจ
อย่าว่าแต่ไม่มีใครรู้ว่าบิดาของเขาเป็นใครเลย แม้ว่าศัตรูจะรู้ ก็ยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้ ด้วยมีเรือนไร้ลักษณ์ปกป้อง พวกเขาอยากไปไหนก็ได้ ไม่มีใครทำอันตรายได้
“ท่านแม่ ไม่เป็นไร ด้วยเรือนไร้ลักษณ์ ความปลอดภัยของท่านพ่อรับประกันได้แน่นอน ท่านพ่อหลอมโอสถพิษย่อมไม่เหมือนกับการบำเพ็ญเพียรเช่นท่านแม่ หากต้องการก้าวสู่จุดสูงสุดในศาสตร์นี้ การทดลองย่อมขาดไม่ได้ จะให้เขาทดลองในสำนักไม่ได้แน่นอน”
“แต่…” มารดาเหวินยังคงลังเล
เหวินผิงกล่าวต่อ “ท่านแม่ หากท่านกังวลมาก ท่านสามารถหลอมโอสถปลอมแปลงรูปลักษณ์และกลิ่นอายให้ท่านพ่อได้”
“ใช่ ๆ โอสถปลอมแปลงรูปลักษณ์!” บิดาเหวินรีบเสริม
จริง ๆ แล้ว เหวินผิงเองก็หวังว่าบิดาจะก้าวสู่จุดสูงสุดในศาสตร์โอสถพิษ
แม้แต่ฉายา เขาก็คิดไว้แล้ว...
ปรมาจารย์พิษ!
.
(จบตอน)