(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1276 ยิ่งบานปลายจนเกินจะควบคุม
เหวินผิงยังคงมองดูต่อไป
หลังจากความโกรธเกรี้ยว สวรรค์ไร้ใจเผยพลังอันเหนือธรรมดา พลังหยวนหยางอันมหาศาลพลันปะทุออกจากร่างของเขา แปรเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นเทพสงครามสูงร้อยจั้ง
เพียงหมัดเดียวก็สามารถผลักศัตรูทั้งสี่ถอยไปได้!
ปัง!
หลังจากชีพจรวิญญาณทั้งห้าสั่นสะเทือน เขาได้ซัดหมัดอีกครั้ง พลังนั้นทะลุผ่านฟากฟ้าเหนือแผ่นดิน ทำให้ทะเลเมฆาพันลี้แตกร้าว ประหนึ่งต้องการจะผ่าช่องเขาเฉาเทียนให้แยกออกจากกัน บุคคลกลุ่มแรกที่รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ อู๋จิ้นเทียนเสวียนและพวก หากพวกเขาไม่หลบได้ทันเวลา เกรงว่าคงไม่ตายก็ต้องหลุดหนังไปชั้นหนึ่ง
เหตุการณ์นี้ทำให้เหวินผิงรู้สึกสะท้านใจอย่างลึกซึ้ง
แข็งแกร่งนัก
เทียบกับเทียนเหยาเปี้ยนและพวกแล้ว พลังของเขาอยู่คนละระดับกันเลยทีเดียว
นี่คือผลลัพธ์ของการกลืนพลังหยวนหยางไปมากเท่าใดกันแน่?
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหวินผิงสงสัยไม่ใช่จำนวนของพลัง แต่คือสิ่งอื่น
หากสามารถสังหารเขาได้ จะได้พลังหยวนหยางออกมามากเพียงใด?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมต้องมากกว่าตอนที่เทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่วร่วงหล่นเสียอีก!
เหวินผิงครุ่นคิดอย่างสนุกสนานในใจ ทันใดนั้นเอง อู๋จิ้นเทียนเสวียนและพวกที่ยังคงตื่นตระหนกได้พุ่งออกมาจากมิติบิดเบือน พร้อมตอบโต้และไม่ลืมกล่าวคำเย้ยหยัน
“สวรรค์ไร้ใจ เจ้าคิดว่าในยามที่เทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่วล้มลง พวกเขาจะสิ้นหวังเพียงใด? หากเจ้าอยู่ที่นั่น พวกเขาคงไม่ต้องตายแบบนั้นแน่”
หนังสือพิมพ์อมตะเคยกล่าวไว้ว่า สวรรค์ไร้ใจพร้อมพวกอีกสองคนได้มุ่งหน้าสู่สำนักอมตะแล้ว การที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวในทันทีแต่แรกย่อมเป็นการยืนยันถึงข้อเท็จจริงนี้
“น่ารำคาญ!”
สวรรค์ไร้ใจตวาดลั่น เขาซัดหมัดอีกครั้ง ไม่เพียงแต่จะทำลายเคล็ดวิชาลมปราณระดับสวรรค์ชั้นสูงของอู๋จิ้นเทียนเสวียนในทันที แต่ยังซัดร่างของอู๋จิ้นเทียนเสวียนจนจมหาย
“เจ้าหอ!”
“เจ้าหอ!”
หู่เจ๋อและอสูรใหญ่ทั้งสองตะโกนด้วยความตกใจ
หลังผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ อู๋จิ้นเทียนเสวียนที่ยังตื่นตระหนกก็ปรากฏตัวขึ้นกลางทะเลเมฆาห่างไปสิบลี้ ทิ้งเพียงคำพูดไว้ก่อนจะมุดกลับเข้ามิติบิดเบือนและหายตัวไป
“เจ้าสวรรค์ไร้หัวคิด เจ้าไม่เก่งกาจอะไรนักหรอก มีแต่กำลังไร้ซึ่งสติ หลายร้อยปีก่อน เจ้ามองข้าหอปกฟ้าไม่ต่างจากเศษฝุ่น จนสูญเสียไปครึ่งหนึ่งของดินแดนช่องเขาเฉาเทียน มาบัดนี้เจ้ากลับดูแคลนสำนักอมตะอีกครั้ง จนต้องเสียครึ่งหนึ่งของเหล่าราชวงศ์หยวนหยาง!”
เมื่อได้ยินคำนี้ สวรรค์ไร้ใจถึงกับคลุ้มคลั่งจนสุดจะระงับ “ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ราชวงศ์อาณาจักรโยว่จะไม่ล่มสลาย! จากวันนี้ไป ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รับผลกรรมด้วยเลือด ข้าจะเป็นผู้บิดหัวของเจ้าและเจ้าสำนักอมตะมาประดับยอดภูเขาบรรพชนด้วยตนเอง!”
เมื่อสิ้นคำ สวรรค์ไร้ใจพุ่งเข้าสู่มิติบิดเบือน ไล่ล่าอู๋จิ้นเทียนเสวียนอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจเหล่าทายาทราชวงศ์จำนวนมากนอกเมืองหลวงแม้แต่น้อย
เจ้าสำนักอมตะยังไม่อาจจัดการได้ในตอนนี้
แต่อู๋จิ้นเทียนเสวียนที่มุดเข้ามิติบิดเบือนไปนั้น ย่อมไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือ!
เมื่อสองคนหนึ่งไล่หนึ่งหนีหายไปในมิติบิดเบือน หู่เจ๋อและอสูรใหญ่อีกสองคนกลับไม่ได้ตามไปช่วยเจ้าหอที่กำลังโดดเดี่ยว แต่เลือกที่จะหันกลับไปสังหารผู้คนรอบนอกเมืองหลวงของอาณาจักรโยว่แทน
ณ สำนักอมตะอันไกลโพ้น เหวินผิงเมื่อได้ยินถึงความโกรธแค้นที่อู๋จิ้นเทียนเสวียนโยนมาให้ก็ถึงกับหมดคำจะพูด
“พวกเจ้าจะสู้กันก็สู้ไปสิ จะลากข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทำไม”
เมื่อสองคนนั้นหายไปในมิติบิดเบือน ภาพตรงหน้าเหวินผิงก็พลันเลือนหายไปเช่นกัน สิ่งที่ยังพอมองเห็นได้คือภาพของเหล่าผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวหยวนหยางแห่งหอปกฟ้า กำลังอาละวาดสังหารอยู่รอบนอกเมืองหลวง
ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์อาณาจักรโยว่หรือผู้ฝึกตนธรรมดา ตั้งแต่ระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตลงไปจนถึงระดับทงเสวียนและเซียนสวรรค์ เหล่าครึ่งก้าวหยวนหยางแห่งหอปกฟ้าไม่มีใครละเว้นแม้แต่คนเดียว
ในชั่วพริบตา ผู้คนมากมายต่างตระหนักว่าพวกเขาไม่มีวันเอาชีวิตรอดจากหายนะครั้งนี้ได้เลย
หนังสือพิมพ์อมตะไม่ได้ล้อเล่น
และรายนามสวรรค์ก็ไม่ได้เป็นเพียงเล่ห์กล
อาณาจักรโยว่ได้สูญเสียบรรพบุรุษอาวุโสถึงสองท่านอย่างแท้จริง การล่มสลายครั้งนี้ทำให้หอปกฟ้ากล้าบุกมาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรโยว่าโดยไม่หวั่นเกรง
“ข้าเพิ่งย้ายมาเมืองหลวงเมื่อสามวันก่อน!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าบำเพ็ญเพียรจนถึงระดับปฐพีไร้ขอบเขตด้วยความยากลำบาก แต่กลับต้องเผชิญหายนะใหญ่หลวงเช่นนี้ ราชวงศ์โยว่ เหตุใดพวกท่านต้องหาเรื่องกับสำนักอมตะด้วยเล่า!”
“ไม่ว่าจะเป็นศาลาจื่อฉีหรือหนังสือพิมพ์อมตะ ล้วนแล้วแต่เป็นโอกาสดีที่จะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ เหตุใดราชวงศ์โยว่จึงไม่อาจยอมรับพวกเขาได้?”
ก่อนสิ้นใจ ผู้คนเปล่งเสียงออกมาหลากหลาย ทั้งโกรธแค้น ทั้งสิ้นหวัง และทั้งไม่เต็มใจ แต่เสียงส่วนใหญ่กลับเป็นเสียงตำหนิ
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าหายนะครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากราชวงศ์โยว่อยอมรับสำนักอมตะ สำนักอมตะก็ไม่มีเหตุผลที่จะทรยศต่ออาณาจักรโยว่ ทุกคนต่างรู้ดีว่าสำนักอมตะสนับสนุนอ๋องหลงหยาง หากอ๋องหลงหยางได้ครองราชย์ อาณาจักรโยว่ในวันข้างหน้าจะยิ่งรุ่งเรืองขึ้นอีก
ท่ามกลางเสียงตำหนิ อ๋องเป้าล่วนและอ๋องเหอเป่ยถูกจั๋วเฟิงเฉินลากตัวออกจากมิติบิดเบือน และถูกประหารต่อหน้าประชาชนจำนวนมากในอาณาจักรโยว่
อ๋องหลงหยางและซือคงจุยซิงที่ได้รับเชิญมายังหอจิ้นจือเห็นภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย โดยเฉพาะอ๋องหลงหยาง ซึ่งเคยต่อสู้กับอ๋องเป้าล่วนและอ๋องเหอเป่ยมายาวนานนับร้อยปี
เขาไม่คาดคิดเลยว่าสองคนนั้นจะจบชีวิตลงเช่นนี้
ซือคงจุยซิงมีความรู้สึกต่างออกไป เขากลับรู้สึกยินดีลึก ๆ เพราะการตายของอ๋องเป้าล่วนและอ๋องเหอเป่ยทำให้ราชวงศ์เหลือเพียงอ๋องหลงหยางผู้เดียว และอ๋องหลงหยางก็คือคนของเขาเอง!
ราวกับสวรรค์รับรู้ถึงความทุกข์ทนของราชวงศ์ สวรรค์ไร้ใจที่ไล่ล่าอู๋จิ้นเทียนเสวียนอยู่นานถึงหนึ่งเค่อโดยไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจกลับมายังเมืองหลวงของอาณาจักรโยว่เพื่อยับยั้งความพินาศที่เกิดขึ้น แต่แม้จะกลับมาได้ทันการณ์ ทายาทราชวงศ์กลับล้มตายไปแล้วกว่าครึ่ง
ส่วนเจ้าหน้าที่ทางการ กองทัพ และผู้ฝึกตนในอาณาจักรโยว่นั้น จำนวนผู้เสียชีวิตก็มากมายจนยากจะนับได้ คาดการณ์อย่างระมัดระวังว่าในช่วงหนึ่งเค่อที่ผ่านมานี้ ประชากรในเมืองหลวงถูกสังหารไปไม่น้อยกว่าครึ่ง
“ตายเสียให้หมด!” ในความโกรธแค้น สวรรค์ไร้ใจระเบิดพลังอีกครั้ง
ปัง!
หลังชีพจรวิญญาณทั้งห้าสั่นสะเทือน เขาซัดหมัดใส่หู่เจ๋อ ยอดฝีมือครึ่งก้าวหยวนหยางแห่งหอปกฟ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด
หู่เจ๋อไร้ซึ่งความสามารถในการหลบหลีกเช่นเดียวกับอู๋จิ้นเทียนเสวียน เพียงแค่คิดจะก้าวเข้าสู่มิติบิดเบือนเพื่อหลบหนี ก็ถูกพลังปราณและพลังหยวนหยางกลืนกินในทันที
เขาสิ้นชีพ ณ ที่นั้น!
“หู่เจ๋อ!” จั๋วเฟิงเฉินร้องเสียงหลง จากนั้นรีบรวมตัวกับอสูรใหญ่อีกสองตน “รวมพลังเข้าโจมตี อย่าได้ออมแรง เราไม่ใช่คู่มือของสวรรค์ไร้ใจ!”
อสูรทั้งสองพยักหน้า การตายของหู่เจ๋อได้พิสูจน์คำพูดของจั๋วเฟิงเฉินแล้วอย่างชัดเจน ดังนั้นพวกเขาไม่อาจออมแรงได้อีกต่อไป
เหวินผิงมองภาพนั้นด้วยความตะลึง “สูญเสียผู้ฝีมือระดับครึ่งก้าวหยวนหยางไปคนหนึ่งแล้ว คนของหอปกฟ้ายังไม่คิดจะถอยอีกหรือ?”
หรือว่าพวกเขากำลังรอน่าหลานมู่หง?
เหวินผิงครุ่นคิดไปพลาง ดูดซับพลังหยวนหยางไปพลาง เขารอคอยการปรากฏตัวของน่าหลานมู่หง ผู้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในรายนามสวรรค์ แต่เวลาผ่านไปหลายชั่วยามแล้วก็ยังไร้เงาของนาง
อู๋จิ้นเทียนเสวียนกลับมาสมทบในการต่อสู้อีกครั้ง การปรากฏตัวของเขาช่วยให้จั๋วเฟิงเฉินและพรรคพวกที่ทำได้เพียงรับการโจมตีอย่างเดียว สามารถหายใจได้สะดวกขึ้นเล็กน้อย
แน่นอน
เพียงแค่หายใจได้สะดวกขึ้นเท่านั้น
จากเดิมที่ไม่อาจโต้กลับได้เลย บัดนี้พวกเขาแทบจะโต้กลับได้อย่างยากลำบาก
“นี่ก็ยังไม่ลงมือ ช่างสงบนิ่งเสียจริง” เหวินผิงพึมพำอย่างสงสัย พลางละความคิดที่จะคาดเดาว่ามีเบื้องหลังใดแอบแฝง
การต่อสู้ดำเนินต่อไปอีกครึ่งชั่วยาม จู่ ๆ เส้นขอบฟ้าก็ปรากฏจุดดำสามจุดเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วและใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
“มาแล้วหรือ?” เหวินผิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในใจ
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่มา กลับพบว่าไม่ใช่หญิงสาวดังที่คาดไว้ หากแต่เป็นชายหนึ่งคนและอสูรอีกสองตน
ผู้ที่นำหน้าถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีทองเปล่งประกาย ส่องสว่างจนแยงสายตา ราวกับดวงอาทิตย์ที่ลุกโชนอยู่กลางฟากฟ้า
เหวินผิงรีบใช้ระบบดึงข้อมูลพื้นฐานของบุคคลผู้นี้ขึ้นมาทันที
[เย่เยว่]
[เพศ: ชาย]
[ฐานขอบเขต: ครึ่งก้าวสู่หยวนหยาง]
[อันดับสามในรายนามสวรรค์ และเป็นหัวหน้าสามเทพพิทักษ์แห่งอาณาจักรโยว่…]
“ที่แท้ก็เจ้านี่เอง”
เหวินผิงเคยสงสัยอยู่ก่อนแล้วว่า เหตุใดในยามที่อาณาจักรโยว่เผชิญภัยพิบัติ กลับไม่มีวี่แววของเย่เยว่ อันดับสามในรายนามสวรรค์
หลังจากพึมพำประโยคหนึ่ง เหวินผิงหันไปมองอสูรทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างเย่เยว่ อสูรแรกคือวัวท้องฟ้าสีคราม อีกตัวคือลูกแมงมุมแดงพันตา จากนิสัยของเขา เหวินผิงอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบระดับสายเลือดของพวกมันก่อน
ไม่น่าแปลกใจ ทั้งสองต่างมีสายเลือดระดับ S สิ่งเดียวที่ทำให้เหวินผิงรู้สึกประหลาดใจก็คือ อสูรทั้งสองกลับเป็นสองขุนพลพิทักษ์แผ่นดินที่ไม่เป็นที่รู้จักและลึกลับที่สุดของอาณาจักรโยว่
ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันไม่มีชื่อในรายนามสวรรค์สิบอันดับแรก
หากฟู่เทียนเสีย เจียงเหอซาน เทียนเหยาเปี้ยน และจื่อเยว่ลั่วทั้งสี่ไม่ได้ตกตายจากน้ำมือของสวรรค์ไร้ใจ เมื่อรวมกับสามเทพพิทักษ์ อาณาจักรโยว่จะมีผู้ฝีมือครึ่งก้าวสู่หยวนหยางถึงแปดคน
ไม่แปลกใจที่แม้แต่หอปกฟ้า ซึ่งมีสุดยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่หยวนหยางเป็นเสาหลัก ก็ยังไม่กล้าอหังการจนเกินไป ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา หอปกฟ้าทำได้เพียงยั่วแหย่เล็กน้อยเท่านั้น
“เรื่องราวยิ่งน่าสนุกขึ้นเรื่อย ๆ” เหวินผิงรับรู้ได้ว่าวันนี้คงไม่อาจจบลงด้วยดี แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะยิ่งบานปลายถึงเพียงนี้
ตอนนี้เหลือเพียงการปรากฏตัวของน่าหลานมู่หงเท่านั้น!
.
(จบตอน)