บทที่ 568: การต่อสู้ครั้งแรกกับซารามะ ความต่างระหว่างมนุษย์กับเทพ
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 568: การต่อสู้ครั้งแรกกับซารามะ ความต่างระหว่างมนุษย์กับเทพ
การโจมตีของซารามะนั้นเชื่องช้า ดูราวกับไม่ได้ใส่ใจนัก
เขาเพียงยิงลำแสงพลังงานออกจากดวงตา
การโจมตีเช่นนี้ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เช่นฟรีเซอร์และพิคโกโร่
ทว่าภายในการโจมตีที่ดูธรรมดาสามัญนี้ กลับแฝงไว้ด้วยพลังที่น่าตื่นตะลึง
เมื่อคลื่นพลังงานสีทองอร่ามพุ่งผ่าน มิติระหว่างคนทั้งสองก็แตกออกเป็นชั้น ๆ ราวกับกระจกที่ร้าวราน
น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อคลื่นพลังงานเข้าใกล้ หลินเฉินก็ตระหนักได้ว่ามิติรอบกายเขาดูเหมือนจะแข็งตัวดุจน้ำแข็ง ทำให้เขาไม่สามารถขยับหลบได้แม้แต่น้อย
ขนทั่วร่างของหลินเฉินลุกชัน สัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน หัวใจเต้นระรัวราวกับกลองรบ
วิชา "ร่างตามใจ กายตามจิต" ของเขาทำงานโดยอัตโนมัติ และหลินเฉินก็พบจุดอ่อนในมิติที่แข็งเป็นน้ำแข็งรอบตัวเขาทันที ราวกับประกายแสงสว่างวาบขึ้นในความมืดมิด
พลังภายในปะทุออกมาอย่างรุนแรง
แคร็ก
เสียงมิติแตกสลายดังแผ่วเบา
ในที่สุดหลินเฉินขยับตัวได้
แต่ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้นเอง คมเขี้ยวของซารามะก็จ่อคอหอยเขาเสียแล้ว
คลื่นพลังงานสีทองโถมเข้าใส่ มิติรอบกายหลินเฉินแข็งตัวขึ้นอีกครา ราวกับถูกพันธนาการด้วยน้ำแข็งใสมองไม่เห็น
พลังกฎเกณฑ์อันมหาศาลแทรกผ่านเข้ามาขัดขวางพลังแห่งมิติที่ห่อหุ้มร่างหลินเฉิน แม้จะยังไม่สามารถกักขังเขาไว้ได้อย่างสิ้นเชิง แต่หลินเฉินก็ตระหนักได้ในทันทีว่าวิชาเคลื่อนย้ายมิติทั้งหมดล้วนไร้ความหมายในชั่วขณะนี้
เมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้ ก็คงมีเพียงเผชิญหน้าเท่านั้น
หลินเฉินประสานมือเป็นรูปดอกบัว รวบรวมพลังทั้งหมดที่มีอยู่ออกมา
“พลังคลื่นเต่า!”
พลังงานสีฟ้าก่อตัวเป็นวงวนอยู่กลางฝ่ามือ ส่องประกายเรืองรอง
ไม่...แค่นี้ยังไม่เพียงพอ!
หลินเฉินรู้ว่าพลังเพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ เขาจึงผสานพลังทำลายล้างสีม่วงดำเข้ากับวิชาของตน
เมื่อเติมพลังทำลายล้างลงไป พลังคลื่นเต่าสีฟ้าสดใสพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ ราวกับห้วงแห่งความว่างเปล่า พร้อมกับออร่าแห่งการทำลายล้างที่แผ่ออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
ปัง!
พลังทั้งสองปะทะกัน เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
คลื่นกระแทกมหาศาลแผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทางจากจุดปะทะ ราวกับมังกรพิโรธที่ตื่นจากหลับใหล
คลื่นกระแทกหลายระลอกพุ่งเข้าใส่โกฮังค์และคนอื่น ๆ พลังทำลายล้างบีบรัดให้พวกเขาต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกันตนเอง
อย่างไรก็ตาม ฟรีเซอร์ยังคงแฝงไว้ด้วยแววตาเหยียดหยัน ประหนึ่งไม่เชื่อว่าคลื่นกระแทกจะส่งผลกระทบใด ๆ ต่อตน เขาจึงยืนกอดอกนิ่งเฉย ไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
ไม่นานนัก คลื่นกระแทกก็ซัดเข้าใส่ทุกคนอย่างรุนแรง แม้จะมีโล่พลังงานคุ้มกันปั่นป่วนวูบไหว แต่โกฮังค์และคนอื่น ๆ ก็ยังเซถลาไปมา ราวกับถูกพายุคลั่งซัดกระหน่ำ
ส่วนฟรีเซอร์ผู้ประมาทและพยายามทำเท่ห์ ก็ถูกซัดกระเด็นหายลับตาไปในพริบตา
“เป็นไปยังไงได้!!!”
ไม่มีใครสนใจฟรีเซอร์ผู้ประมาท ทุกสายตาจับจ้องไปที่หลินเฉิน
หลินเฉินที่รับการโจมตีของซารามะได้อย่างหวุดหวิด แต่สีหน้ากลับไม่ผ่องใสขึ้น แถมยังตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม
พลังของศัตรูตรงหน้าเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากนัก
นี่เป็นเพียงร่างแยกของซารามะจริงเหรอ?
แล้วพลังที่แท้จริงของซารามะจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
“โอ้ รับการโจมตีของข้าได้ เจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้าง ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่เทพปีศาจทั้งสามก็มิอาจต้านทานเจ้าได้”
ซารามะสะบัดแขน ลงแตะพื้นเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าหาหลินเฉิน
“แม้แต่เทพปีศาจก็เป็นเพียงมดปลวกในสายตาข้า! และเจ้าก็ไม่ต่างกัน!” เสียงของซารามะดังก้องกังวานราวกับฟ้าผ่า ท่ามกลางความเงียบงัน
สิ้นคำประกาศ ร่างของซารามะก็พุ่งทะยานออกไปดุจลูกธนูที่พุ่งหลุดจากแล่ง
ในชั่วพริบตาเดียว ร่างนั้นก็มาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลินเฉิน รวดเร็วจนแทบมิอาจมองตามได้
“เร็วมาก!” เสียงอุทานดังขึ้นพร้อม ๆ กันจากเหล่าผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะพิคโกโร่ที่เบิกตากว้าง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตะลึง
รูปลักษณ์ของซารามะละม้ายคล้ายชาวดาวนาเม็ก เครื่องแต่งกายของเขายิ่งตอกย้ำภาพนั้นให้ชัดเจนขึ้น จนพิคโกโร่นึกถึงพระเจ้าองค์เก่าบนโลกที่เขาเคยพบพาน
ทว่า พลังอำนาจที่ซารามะแผ่ออกมานั้นกลับเหนือล้ำกว่าชาวดาวนาเม็กคนใดที่เขาเคยประสบพบเจอมาทั้งหมด
ขณะที่ซารามะพุ่งเข้าประชิดตัว คิ้วของหลินเฉินก็กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง คู่ต่อสู้ตรงหน้ารวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจจับร่องรอยการเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย
“ร่างตามใจ กายตามจิต!”
เผชิญหน้าเทพมังกร หลินเฉินไม่กล้าประมาท รีบปลดปล่อยขั้นพลังสูงสุดออกมาในทันที
เส้นผมของหลินเฉินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มดุจโลหิตสด ๆ
ออร่าสีแดงฉานแผ่ซ่านปกคลุมทั่วร่างราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน
ภายใต้ออร่าเรืองรองนี้ หลินเฉินสามารถจับการเคลื่อนไหวอันว่องไวของซารามะได้อย่างแม่นยำ เขาจึงตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมออกมา
“ร่างนำใจกายนำจิตสังหาร!” หลินเฉินคำรามก้อง
ก่อนหมัดของซารามะจะสัมผัสผิวกาย หลินเฉินก็ชิงออกท่าสวนกลับ พลังสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปะทะกันกลางอากาศ!
ปัง!
แสงสว่างวาบขึ้นชั่วขณะ ซารามะเซถอยหลังไปหลายก้าว
แม้จะถูกโจมตีอย่างรุนแรง แต่ซารามะหาได้แสดงความโกรธเกรี้ยวไม่ กลับมีแววประหลาดใจฉายชัดในดวงตา
“ร่างตามใจ กายตามจิต... ร่างนำใจกายนำจิตสังหาร? เจ้าหนุ่มรู้จักกระบวนท่าล้ำลึกทั้งสองนี่เชียวรึ?!”
“หึ! น่าสนใจไม่น้อย” ซารามะเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอ แววตาเป็นประกายวิบวับด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาหลินเฉินอีกครั้ง รวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ
เมื่อเห็นดังนั้น หลินเฉินหาได้หวั่นเกรงไม่ เขากลับพุ่งเข้าใส่ซารามะเช่นกัน บรรยากาศรอบข้างตึงเครียดขึ้นในทันที
ร่างตามใจ กายตามจิต และ ร่างนำใจกายนำจิตสังหาร ปะทะกันอีกครา ก่อให้เกิดคลื่นพลังกระแทกออกไปรอบด้าน
โครม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ หลินเฉินกระเด็นออกไปหลายตลบ ร่างกายกลิ้งไปกับพื้น ก่อนจะหยุดนิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?!”
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า หลินเฉินพ่ายแพ้ในการต่อสู้ระยะประชิดอย่างงั้นหรือ?
หลินเฉินผู้ใช้ทั้ง “ร่างตามใจ กายตามจิต” และ “ร่างนำใจกายนำจิตสังหาร” ถูกซารามะซัดกระเด็นไปได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้!
“ร่างตามใจ กายตามจิต” โดดเด่นด้วยอัตราการโจมตีเข้าเป้าหมายถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังไม่ต้องกล่าวถึง “ร่างนำใจกายนำจิตสังหาร” ของหลินเฉินที่สามารถทำนายและตอบโต้การโจมตีของศัตรูล่วงหน้าได้!
ด้วยสองทักษะนี้ หลินเฉินสามารถรับมือกับ “ร่างนำใจกายนำจิตสมบูรณ์” ได้อย่างง่ายดาย แล้วเหตุใดเขาจึงถูกซารามะต้านทานกลับมาได้เล่า?
ท่ามกลางความฉงนงงสงสัยของฝูงชน พวกเขาก็พลันสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ
“ดูสิ ซารามะ…!”
“เป็นไปได้ยังไง!”
“ทำไม?! ทำไมแม้แต่ซารามะก็ยังรู้จักร่างตามใจกายตามจิต!”
ขณะนั้น ร่างของซารามะถูกห่อหุ้มด้วยออร่าเพลิงสีแดงฉาน ราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน พวยพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ภายใต้เปลวเพลิงสีเลือด ร่างสีเขียวเดิมของซารามะราวกับถูกย้อมด้วยสีโลหิตสด ๆ น่าหวาดหวั่น
ในระยะไกล หลินเฉินกัดฟันแน่น พยายามพยุงตัวขึ้นจากพื้นอย่างยากลำบาก
เมื่อเห็นสภาพของซารามะเบื้องหน้า เขาก็ตกตะลึงพรึงเพริดไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
คนอื่นอาจไม่แน่ใจ แต่หลินเฉินรู้ได้ในทันทีว่าสภาพของซารามะในตอนนี้คือร่างตามใจกายตามจิตอย่างไม่ต้องสงสัย!
ออร่าสีเลือดที่แผ่พุ่งออกมานั้นคือเครื่องยืนยันที่ชัดเจน!
แต่ทำไม…
เหตุใดซารามะจึงรู้จัก “ร่างตามใจ กายตามจิต” ด้วยเล่า?
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเฉินก็เบิกกว้าง ราวกับนึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวบางอย่างในอดีตอันแสนไกล
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่หลินเฉินกำลังเผชิญกับอุปสรรคในการฝึกฝน “ร่างนำใจกายนำจิต” เนื่องจากข้อจำกัดทางร่างกาย ผู้เฒ่าไคเคยเอ่ยถึงวิชาหนึ่งในโลกที่เป็นดั่งคู่ปรับโดยธรรมชาติของ “ร่างนำใจกายนำจิต”
วิชานั้นมีนามว่า “ร่างตามใจ กายตามจิต” ผู้คิดค้นวิชานี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะรับมือกับ “ร่างนำใจกายนำจิต” โดยเฉพาะ
คนผู้นั้น...
ขณะที่หลินเฉินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงเย็นเยียบและเต็มไปด้วยเล่ห์กลของซารามะก็ดังขึ้น
“แปลกงั้นเหรอ? แปลกอย่างไร? ‘ร่างตามใจ กายตามจิต’ นี่ ข้าสร้างขึ้นมาเพื่อปราบ ‘ทูตสวรรค์สูงสุด’ !”
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปตาม ๆ กัน
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_