ตอนที่แล้วบทที่ 383 โรงเรียนมัธยมหมิงหลาน  ตอนที่ 13 ( สิ้นสุดภารกิจ)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 385 โลกแห่งความจริง (อดีต ตอนที่ 2)

บทที่ 384 โลกแห่งความจริง (อดีต ตอนที่ 1)


บทที่ 384 โลกแห่งความจริง (อดีต ตอนที่ 1)

คะแนนภารกิจที่ได้รับในครั้งนี้ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป สิ่งที่เสิ่นชงหรานสนใจคือโอกาสจับรางวัลสี่ครั้งต่างหาก

แม้จะเป็นภารกิจที่ใช้เวลาไม่นาน และแทบไม่ต้องเดินทางไกล แต่ถ้ามองพลาดจุดสำคัญของภารกิจ ก็คงจะพลาดพลั้งเอาได้

เสิ่นชงหรานรู้สึกว่าโลกนั้นดูประหลาด โดยเฉพาะในวันที่สามที่เธอตื่นขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้ ระหว่างทางเธอจึงแบ่งอุปกรณ์ให้เฟิงอี้เฉินและกู่เถียนเถียน เพราะกลัวว่าตัวเองจะเจอฉาก

"ในความฝัน" อีก และตอนนั้นคงไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่นี่ได้ดีนัก

อีกสิ่งหนึ่งที่เธอสังเกตได้คือ พลังคำสาปที่เธอใช้ในภารกิจ ดูเหมือนจะอ่อนกว่าที่เคยใช้ในโลกแห่งความจริง

เมื่อภารกิจสิ้นสุดลง ระบบก็แจ้งว่าเธอสามารถพักผ่อนได้ครึ่งปี และในช่วงเวลานั้นเธอไม่สามารถเข้าสู่ภารกิจล่วงหน้าได้

เธอเริ่มเข้าใจว่าทำไมอวี้ไป๋ลู่ถึงกระตือรือร้นกับกิจกรรมสะสมคะแนนในช่วงเทศกาลสารทจีนขนาดนั้น เพราะการจะได้เข้าสู่ภารกิจเพียงครั้งเดียวในครึ่งปีช่างยากลำบาก

ถึงอย่างนั้น เสิ่นชงหรานคิดว่าตัวเองคงไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เรื่องของข่งเซี่ยชิงยังคงติดอยู่ในใจอย่างชัดเจน

เช้านี้ เสิ่นชงหรานนอนตื่นสายไปบ้าง ข่งเซี่ยชิงก็เปิดประตูหอพักเข้ามาพร้อมพูดว่า "ฉันกลับมาแล้ว เอาขนมมาฝากทุกคนด้วยนะ!"

ในมือเธอถือถุงและของมากมาย เธอรีบเดินตรงไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อจัดของ "พอดีเลย หรานหราน เธอตื่นแล้ว รีบลงมากินข้าวเร็ว อันนี้ฉันต่อแถวซื้อข้าวอบหม้อดินสูตรฮงมาให้เลยนะ"

ละแวกนี้มีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ใกล้กันหลายแห่ง ร้านอาหารในบริเวณนี้จึงมีมากมายตามไปด้วย

เสิ่นชงหรานยกมือขยี้ตาก่อนปีนลงจากเตียงชั้นบน "ทำไมเธอถึงตื่นเช้าขนาดนี้" แม้วันนี้เธอจะตื่นสาย แต่ก็เพิ่งเก้าโมงกว่า ๆ เท่านั้น โดยปกติแล้วเธอจะตื่นประมาณตีห้าหรือหกโมง

วันนี้เป็นสุดสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม คนที่ออกไปต่อคิวซื้ออาหารข้างนอกย่อมมีมากมาย เพราะหลังจากเก็บตัวอยู่บ้านช่วงปิดเทอม ทุกคนต่างก็คิดถึงอาหารอร่อย ๆ แถวโรงเรียน

ข่งเซี่ยชิงสวมกอดเสิ่นชงหราน "ถ้าจะเกาะขาใหญ่ก็ต้องรู้จักเอาใจหน่อยสิ!" เธอยังคงจำได้ดีว่าเสิ่นชงหรานเคยช่วยเธอไว้ ไม่อย่างนั้นชีวิตของเธออาจจะไม่ได้ปลอดภัยมาจนถึงเปิดเทอมนี้ก็เป็นได้

เสิ่นชงหรานลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู ขณะที่ตู๋ซือหยุ่นที่เพิ่งตื่นนั่งเหม่อลอยอยู่ เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเธอทำหน้ารังเกียจ "พอเถอะย่ะ เช้า ๆ มาเล่นอะไรเลี่ยน ๆ แบบนี้"

คำพูดยังไม่ทันจบ เสียงตะโกนจากข้างล่างก็ดังขึ้น เป็นเสียงนักศึกษาใหม่ที่กำลังฝึกซ้อมรบในค่ายทหาร

เมื่อได้ยินเสียงนั้น ข่งเซี่ยชิงรีบวิ่งไปที่ระเบียง มองลงไปยังนักศึกษาที่กำลังฝึกซ้อมท่ามกลางแดดแรงในเดือนกันยายน

"โอ้โห! รุ่นน้องที่ฉันชอบอยู่ข้างล่างนี่เอง!"

เจิ้งซูอี๋กลอกตาและส่ายศีรษะเบา ๆ “พอเถอะ พอฝึกซ้อมเสร็จ รุ่นน้องที่เธอชอบคงกลายเป็นถ่านดำกันหมด ถ้าเธอกล้าทนกินได้ก็เชิญเลย”

ข่งเซี่ยชิงทำเสียงฮึดฮัด ก่อนจะมองดูอยู่พักหนึ่งแล้วกลับมานั่งกินข้าว

เสิ่นชงหรานนั่งกินข้าวอบหม้อดินในชุดนอน พลางพูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ “อร่อยจริง ๆ นะ ข้าวอบหม้อดินสูตรฮงนี่”

ตู๋ซือหยุ่นกินไปสองสามคำก่อนบ่นอย่างน่าสงสาร “ข้าวเยอะขนาดนี้ กินเสร็จฉันคงอ้วนขึ้นอีกสองกิโลแน่ ๆ เฮ้อ แต่ทำไมมันอร่อยขนาดนี้นะ”

เสิ่นชงหรานหัวเราะจนเกือบสำลัก “งั้นกินเสร็จแล้วลงไปฝึกซ้อมรบข้างล่างสิ รับรองเผาผลาญแคลอรีหมดแน่ ๆ”

ตู๋ซือหยุ่นสวนกลับทันที “ให้เซี่ยชิงลงไปดีกว่า จะได้ดูด้วยว่ามีรุ่นน้องคนไหนถูกใจบ้าง”

ช่วงเวลาครึ่งปีที่เธอได้พักทำให้เสิ่นชงหรานรู้สึกไม่ค่อยเป็นจริงเป็นจังนัก ปีแรกชีวิตของเธอถูกภารกิจครอบงำอย่างหนัก พอเข้าปีที่สองกลับมีเวลาว่างมากขนาดนี้ เธอยังไม่ค่อยชิน

ส่วนกู่เถียนเถียน หลังจบภารกิจครั้งนี้ก็ตัดสินใจพักร้อนยาวทันที เธอจองตั๋วเครื่องบินบินไปต่างประเทศโดยไม่ลังเล

ด้านเวินซวีก็ร่วมงานกับหน่วยงานพิเศษที่ไม่ยอมให้เขาหยุดนิ่ง เขาไม่อยากกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยอีก

มีเพียงเสิ่นชงหรานกับเฟิงอี้เฉินที่ยังคงยุ่งอยู่กับการเรียน ทำให้ดูเหมือนพวกเขาจะว่างที่สุด

ช่วงเย็นวันนั้น เจิ้งซูอี๋กลับมาพร้อมแตงโมลูกใหญ่ที่เธอตั้งใจซื้อมา และลากเสิ่นชงหรานลงไปข้างล่างด้วยกัน ในตอนที่นักศึกษาใหม่ที่เพิ่งกินมื้อเย็นเสร็จถูกเรียกรวมพลอีกครั้ง

พอดีกับที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ นักศึกษารุ่นพี่หลายคนก็มาดูความสนุกเช่นกัน และกลุ่มที่ถือแตงโมมาด้วยไม่ใช่แค่พวกเธอ

ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยศิลปะ หนุ่มหล่อสาวสวยจึงมีอยู่ไม่น้อย ตู๋ซือหยุ่นกับเจิ้งซูอี๋สะดุดตานักศึกษาชายคนหนึ่งทันที เขาสูงและมีหน้าตาดีแบบสดใส ดูเหมือนลูกสุนัขตัวโตที่มีเสน่ห์

เสิ่นชงหรานนั่งยอง ๆ อยู่ข้างเพื่อนร่วมห้อง พลางก้มมองโทรศัพท์ในมือ กู่เถียนเถียนกับเวินซวีต่างก็แชร์เรื่องราวในกลุ่มแชทว่าแต่ละคนกำลังทำอะไร

กู่เถียนเถียนส่งภาพวิวหิมะในต่างประเทศมา เธอไปยังประเทศที่อยู่ในช่วงฤดูหนาว และกำลังสนุกกับการเล่นสกี

เวินซวีเล่าเรื่องผีที่เขาเจอ สำหรับเขาผีพวกนั้นเป็นแค่ผีตัวเล็ก ๆ ที่แทบไม่ถึงขั้นเป็นภารกิจย่อยเสียด้วยซ้ำ ทำได้เพียงแค่หลอกคนไปวัน ๆ

เสิ่นชงหรานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพที่ขอบฟ้าจากมุมที่ไม่มีใครติดเฟรม แล้วส่งเข้าไปในกลุ่ม

[เสิ่นชงหราน: การฝึกซ้อมของนักศึกษาใหม่ที่มหาวิทยาลัย]

[กู่เถียนเถียน: จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าวิวหิมะของฉันสู้หนุ่มหล่อสาวสวยแถวเธอไม่ได้เลย แงงง]

[เสิ่นชงหราน: ที่ต่างประเทศก็มีหนุ่มหล่อเยอะนะ ค่อย ๆ ชมไปเถอะ]

จากนั้น เฟิงอี้เฉินก็ส่งภาพมาอีก

[เฟิงอี้เฉิน: ที่นี่นักศึกษาใหม่ก็ยังฝึกซ้อมกันอยู่]

[กู่เถียนเถียน: โอ้โห แต่ละคนเป็นตัวท็อปทั้งนั้นเลย]

เสิ่นชงหรานเท้าคางมองข้อความในกลุ่ม ก่อนจะมีโทรศัพท์เครื่องหนึ่งยื่นเข้ามาในสายตา เธอเงยหน้าขึ้นมอง พบกับรุ่นน้องหน้าตาหล่อใส “พี่ครับ ขอแอด WeChat ได้ไหมครับ?”

เธอตอบรับอย่างง่ายดาย “ได้สิ” แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนใจรุ่นน้องสักเท่าไร แต่ถ้ารุ่นน้องคนนี้มีแฟนในอนาคตและอยากได้ภาพวาดคู่รัก ก็อาจจะมาติดต่อเธอวาดภาพก็ได้

หลังจากเพิ่มเพื่อนแล้ว เสิ่นชงหรานหันกลับมาก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องอีกสามคนวิ่งกระจายไปขอเพิ่มเพื่อนหนุ่มหล่อสาวสวยกันหมด

เสิ่นชงหรานเองก็ไม่รอช้า เธอหาโอกาสเพิ่มเพื่อนกับรุ่นน้องผู้หญิงหลายคน เพราะคนที่ติดต่อให้เธอวาดภาพส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และแน่นอนว่าเธอยินดีเพิ่มเพื่อนกับคนที่ใช้จ่ายคล่องอย่างสาว ๆ มากกว่า อีกอย่างรุ่นน้องเหล่านี้ยังน่ารักกันมาก

สุดท้ายพวกเธอก็กลับมาที่หอพักพร้อมกับรายชื่อเพื่อนใหม่มากมาย เมื่อกลับมาถึง เสิ่นชงหรานก็ได้รับข้อความจากรุ่นน้องผู้หญิงที่เพิ่งเพิ่มเพื่อนไป ขอจ้างเธอวาดภาพ เมื่อเห็นข้อความนั้นเธอถึงกับยิ้มแก้มปริ

ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังการฝึกซ้อมรบของนักศึกษาใหม่ โรงเรียนก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งในปีที่เธอเข้ามาก็มีงานแบบนี้เช่นกัน

เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยสายศิลปะ นักศึกษาจากทุกชั้นปีและสาขาวิชาต่างสมัครเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้น แต่สำหรับเสิ่นชงหรานที่ทั้งร้องเพลงและเต้นไม่เป็น เธอจึงเลือกเป็นผู้ชมแทน

ตู๋ซือหยุ่นกลับลงชื่อแสดงรายการร้องเพลง และช่วงนี้เธอก็มักซ้อมร้องเพลงในห้องพักเป็นประจำ

คืนงานเลี้ยงต้อนรับมาถึงอย่างรวดเร็ว ทุกคนในมหาวิทยาลัยมารวมตัวกัน

พิธีกรชายหญิงจากสาขาวิชาการดำเนินรายการยืนอยู่บนเวทีเพื่อพูดคุยและเปิดงาน ส่วนตู๋ซือหยุ่นที่ลงชื่อไว้กลับถูกตัดสิทธิ์จากรายการ ทำให้เธอมีเวลามานั่งดูการแสดงร่วมกับเพื่อนอีกสามคน

ตู๋ซือหยุ่นมองเวทีอย่างไม่พอใจนัก “ฉันว่าฉันร้องเพลงดีออก ทำไมถึงถูกตัดสิทธิ์ได้นะ”

เสิ่นชงหรานตบไหล่เธอเบา ๆ “ก็เพราะนี่ไม่ใช่พรสวรรค์ของเธอไง แต่สิ่งที่เธอเก่งจริง ๆ คือการวาดภาพนะ”

ตู๋ซือหยุ่นดูหงอยลงเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะหาที่นั่งเหมาะ ๆ

“พี่ครับ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง

เมื่อหันไปมองก็พบว่าคนที่พูดคือรุ่นน้องหน้าตาน่ารักที่ตู๋ซือหยุ่นกับเจิ้งซูอี๋เคยพูดถึง

เขาชื่อเหราฝง และเสียงเรียกครั้งนี้ก็พุ่งตรงมาที่ตู๋ซือหยุ่น

ตู๋ซือหยุ่นที่เคยดูหงอยไปกลับสดใสขึ้นทันทีเมื่อเห็นเขา “เธอมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ ไหนบอกว่ามีแสดงไม่ใช่เหรอ”

เหราฝงเกาท้ายทอยอย่างขวยเขิน ขณะที่ใบหน้ายังมีร่องรอยการแต่งหน้า “คือผมแค่มาบอกพี่ว่ารายการของผมอยู่ลำดับไหน พี่ต้องดูให้ได้นะครับ”

การใช้เวลาในโลกแห่งความจริงครั้งนี้ยาวนานพอสมควร และนี่ก็เป็นโอกาสเหมาะที่จะเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวัน รวมถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นตอนเสิ่นชงหรานอายุสิบหกปี (ซึ่งอาจดูร้ายแรงมากสำหรับบางคน)

............

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด