บทที่ 23 รวยแล้ว!
บทที่ 23 รวยแล้ว!
ไม่นานมานี้เอง การแข่งขันฟุตบอลระหว่างอาร์เจนตินากับโครเอเชียก็เริ่มขึ้น อาร์เจนตินาดูจะเหนือกว่าเห็นได้ชัด สุดท้ายก็เอาชนะไปอย่างสบาย ๆ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!”
เมสซี่ลื่นไถลเข่าลงไปกับพื้นสนาม
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!” เกาหยางกลิ้งไปมาบนพื้นห้องนั่งเล่น
“ชนะแล้ว! โอ้โห! หลินเสวียน เรารวยแล้วเว้ย!!” เกาหยางลุกขึ้นยืนด้วยท่าพลิกตัว แล้วจับมือหลินเสวียนแน่น “หลินเสวียนเพื่อนรัก! อนาคตที่สดใสของเราขึ้นอยู่กับแกแล้ว!”
หลินเสวียนสะบัดมือเกาหยางออก “เมื่อกี้แกยังบอกว่าความฝันของฉันไม่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่อนาคตที่แท้จริงเลยนี่นา?”
“เอ่อ…” เกาหยางเกาหัว มองไปที่สลากกินแบ่งจำนวนมากบนโต๊ะกลาง “ฉันคงต้องมีข้อมูลจากการทดลองเพิ่มเติม แล้วค่อยสรุปผล ฉะนั้น นัดรองชนะเลิศพรุ่งนี้ ฝรั่งเศสกับโมร็อกโก ใครจะชนะ? บอกฉันเร็ว!”
หลินเสวียนนึกถึงประโยคที่เห็นในฝัน…
【อาร์เจนตินาเอาชนะฝรั่งเศสด้วยการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์ไปครอง。】
“ถ้าฝรั่งเศสเข้ารอบชิงและไปเตะกับอาร์เจนตินา งั้นพรุ่งนี้ฝรั่งเศสต้องชนะสิ แกยังจะพนันอีกเหรอ? พอแล้ว ๆ ได้มาก็หยุดเถอะ”
เกาหยางหัวเราะร่า เก็บสลากกินแบ่งที่กระจัดกระจายบนโต๊ะ “แกอย่าห่วงเลย ฉันมีสติ พรุ่งนี้ฉันจะมาบ้านแกดูบอลอีกนะ!”
“อย่ามาเลย…ฉันจะนอนแล้ว”
“โอ้โห! ยังไงก็ต้องตื่นอีกทีตอน 00:42 อยู่แล้วนี่นา พอตื่นแล้วก็อย่าไปนอนต่อเลย! เราลองพิสูจน์กันดีกว่าว่าฝันของแกแม่นจริงเหรอเปล่า!”
……
คืนต่อมา เกาหยางก็มาตามนัด
เขามือถือสลากกินแบ่งปึกใหญ่ อวดดีอย่างภาคภูมิใจ
“ฮืม ๆ ๆ ~~ สลากกินแบ่งที่ซื้อเมื่อวานได้เงินมาหมื่นกว่า วันนี้ฉันเอาเงินเก็บมาเพิ่มอีก ซื้อสลากทีมฝรั่งเศสชนะสามหมื่น! หลินเสวียน ถ้าฝรั่งเศสชนะจริง ๆ ครั้งนี้เราได้กำไรเจ็ดแปดหมื่นเลยนะ!”
“แล้วถ้าแพ้ล่ะ?”
“อย่า ๆ ๆ ! คนนำอย่างแกอย่าพูดเรื่องไม่ดีสิ!”
ยังคงเป็นเวลาตีสาม ท่ามกลางเสียงหาวของหลินเสวียน การแข่งขันก็เริ่มขึ้น
ทีมฝรั่งเศสบุกอย่างดุเดือด สุดท้ายก็เอาชนะไป 2:0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”
เกาหยางกลายร่างเป็นไม้ถูพื้นบ้าคลั่ง ขัดพื้นห้องนั่งเล่นของหลินเสวียนอย่างบ้าระห่ำ:
“สุดยอดไปเลยหลินเสวียน! เราจะรวยแล้ว!! ได้เงินเดือนทั้งปีเลยนะเนี่ย!!”
“เดี๋ยวนะ เราอาจจะคิดผิดจุดสำคัญไปหรือเปล่า?”
หลินเสวียนนึกขึ้นได้ มองเกาหยางที่กำลังนอนขัดพื้นอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันให้แกมาเพื่อปรึกษาเรื่องฝันนะ ทำไมถึงมาดูฟุตบอลโลกกับฉันได้ล่ะเนี่ย?”
“อ่าฮ่าฮ่า……”
เกาหยางลุกขึ้นจากพื้น เดินวนไปมาสองรอบ
“จริง ๆ แล้ว ฉันก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่าฝันของแกจะทำแกอนาคตได้ เพราะมันดูเหลือเชื่อเกินไป”
“แต่ว่านะ! ถ้ารอบชิงชนะเลิศสุดท้ายเป็นอาร์เจนตินาชนะ เหมือนในฝันที่แกเห็นจริง ๆ ล่ะก็ นั่นอาจจะ…สุดยอดไปเลยล่ะ!”
“รอบชิงชนะเลิศอีกไม่กี่วันก็เตะแล้ว ฉันจะไปดูบอลที่บ้านแกด้วยนะ!”
หลินเสวียนรู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน
“ฉันว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรต่อแล้วหรอก แกอย่ามาอีกเลยจริง ๆ นะ จริง ๆ แล้วไม่นามาฝากฝังคนบ้าบอลอย่างแกเลย เพราะแค่รอบแรกก็รู้แล้ว”
“ว่าแต่หลินเสวียน คราวหน้าลองซื้อล็อตเตอรี่บ้างสิ อย่าปล่อยให้ฉันขับลัมโบกินี่ แล้วปล่อยให้เพื่อนต้องลำบากแบบนี้เลย ฉัยว่าคราวหน้าควรจะเอาเงินทั้งหมดไปลงอาร์เจนตินาว่าชนะเลยนะ!”
“ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์”
……
หลังจากส่งเกาหยางไปแล้ว หลินเสวียนนอนหลับไปจนถึงเที่ยง
วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ไม่ต้องไปทำงาน เลยนอนหลับสบาย
แต่บ่ายนี้ก็มีธุระ หลินเสวียนตั้งใจจะไปโรงพยาบาล ไปเยี่ยมลูกสาวของศาสตราจารย์สวี่หยุน
เมื่อไม่กี่วันก่อน จ้าวอิงจวิ้นได้สั่งหลินเสวียนให้ซื้อของไปเยี่ยม
หลินเสวียนถามอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว วันธรรมดา ศาสตราจารย์สวี่หยุนอยู่ที่ห้องแล็บในมหาวิทยาลัย วันหยุดเสาร์อาทิตย์ถึงจะไปโรงพยาบาลเฝ้าลูกสาว
ดังนั้นถ้าอยากเจอท่าน ไปโรงพยาบาลวันหยุดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ หลินเสวียนซื้อของขวัญมาหลายกล่อง แล้วจึงเรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยตงไห่
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยตงไห่ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองตงไห่ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากมาย น่าเชื่อถือสูง โรคยากรักษาจากทั่วประเทศที่รักษาไม่หาย มักจะถูกส่งตัวมารักษาที่นี่
เพราะฉะนั้น เมื่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่นี่บอกว่าลูกสาวของศาสตราจารย์สวี่หยุนไม่มีโอกาสฟื้น…ก็คงหมดหวังจริง ๆ
ลองนึกถึงเด็กหญิงที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราตั้งแต่ 4-5 ขวบ ต้องนอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยตลอดชีวิต มันน่าสงสารเหลือเกิน
แต่เรื่องนี้ยิ่งทำให้หลินเสวียนสงสัยมากขึ้น——
ทำไมศาสตราจารย์สวี่หยุนไม่ยอมทิ้งผลงานวิจัยที่ล้มเหลวเพื่อแลกกับเงิน แล้วหันมาดูแลลูกสาวอย่างเต็มที่ หรือให้ลูกสาวได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้? หรือว่า… สิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีของนักวิทยาศาสตร์ มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?
……
ตึกผู้ป่วยของโรงพยาบาลสูงกว่ายี่สิบชั้น ลูกสาวของศาสตราจารย์สวี่หยุนพักอยู่ห้อง 17
หลินเสวียนดูตามป้ายชื่อ ก็พบห้องนั้นได้อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นห้องคนไข้เดี่ยว ห้องเขียนป้ายชื่อไว้ว่า 【สวี่อี้อี้】 น่าจะเป็นชื่อลูกสาวของศาสตราจารย์สวี่หยุน
ประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย
หลินเสวียนเคาะประตูเบา ๆ ประตูไม้เลื่อนเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ……
ภาพตรงหน้าทำให้หลินเสวียนอึ้งไป
ตั้งแต่ในห้องจนถึงหน้าประตูเต็มไปด้วยของขวัญหรูหราสารพัดชนิด แต่ละชิ้นมีมูลค่ามหาศาล
และบนของขวัญกับช่อดอกไม้เหล่านั้น ยังมีการ์ดอวยพรจากบริษัทเครื่องสำอางต่าง ๆ หลายบริษัทเป็นยักษ์ใหญ่ระดับโลก……
ดูเหมือนจ้าวอิงจวิ้นจะพูดถูกแล้ว
ตอนนี้ศาสตราจารย์สวี่หยุนกลายเป็นที่หมายปองของบริษัทเครื่องสำอางทั่วโลกไปแล้ว
สารเคมีที่เขาเคยมองว่าเป็นความล้มเหลว กลับเป็นเหมืองทองคำมหึมาในสายตาบริษัทเครื่องสำอางเหล่านี้
ที่มุมห้องติดหน้าต่าง มีเตียงคนไข้แบบปรับได้
บนผ้าปูเตียงสีฟ้า มีหญิงสาวผอมบางนอนสงบอยู่
แขนเธอที่วางอยู่ข้างเตียง เห็นชัดว่า "หนังติดกระดูก" ส่วนขาที่ศาสตราจารย์สวี่หยุนประคองอยู่ บิดและยืดอย่างระมัดระวัง…… เหี่ยวแห้งจนแทบมองไม่เห็นกล้ามเนื้อ
ดูเหมือนตุ๊กตาหุ่นพอร์ซเลนเปราะบาง เผลอแตะต้องอาจแตกสลายได้
หลินเสวียนยืนนิ่งอยู่ข้างประตู ไม่ได้พูดอะไร
สำหรับคนไข้นอนติดเตียงสิบกว่าปีแบบนี้ กล้ามเนื้อคงเหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว ถึงจะยืดกล้ามเนื้อทุกวัน ผลลัพธ์ก็คงแค่ให้รู้สึกสบายใจเท่านั้น
หลินเสวียนมองศาสตราจารย์สวี่หยุนทำกายภาพบำบัดเสร็จ จึงค่อย ๆ พลิกตัวลูกสาว ก่อนจะหันมาหาหลินเสวียน
“เอาของกลับไปเถอะ ที่นี่วางไว้เยอะเกินไปแล้ว”
หลินเสวียนวางของขวัญที่ถืออยู่ในมือไว้หลังประตู แล้วพูดเสียงเบา
“คุณศาสตราจารย์สวี่ครับ คุณก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ นี่เป็นของบำรุงไว้ให้คุณครับ”
สวี่หยุนดันแว่นขึ้นเล็กน้อย มองหลินเสวียนตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุณเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยตงไห่ใช่ไหม?”
หลินเสวียนรู้สึกงุนงง นี่รู้ได้ยังไงเนี่ย?
เขาพยักหน้า
“ใช่ครับ ศาสตราจารย์สวี่ ผมชื่อหลินเสวียน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตงไห่ครับ”
“คุณเคยเป็นพิธีกรงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบมหาวิทยาลัยและงานต้อนรับนักศึกษาใหม่ใช่ไหม?”
หลินเสวียนพยักหน้าอีกครั้ง ในใจรู้สึกทึ่งในความจำอันยอดเยี่ยมของศาสตราจารย์สวี่หยุนไม่ได้
“ใช่ครับอาจารย์สวี่ อาจารย์จำผมได้เหรอครับ? สมัยเรียนผมเป็นพิธีกรงานกิจกรรมในมหาวิทยาลัยบ่อยมาก งานต้อนรับนักศึกษาใหม่ผมทำมาแล้วสามปีติดต่อกันเลยครับ”
ศาสตราจารย์สวี่หยุนยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเป็นครั้งคราว
“ก็แน่สิ ฉันเลยรู้สึกว่าเธอดูคุ้น ๆ วันนั้นงานเลี้ยงของคุณฉู่ ฉันก็รู้สึกว่าคุ้นเธออยู่นะ”
อาจเป็นเพราะอาจารย์เอ็นดูนักเรียนโดยธรรมชาติ หลินเสวียนจึงรู้สึกว่าวันนี้ศาสตราจารย์สวี่หยุนใจดีผิดปกติ
สวี่หยุนโบกมือเรียกให้หลินเสวียนเข้าไปใกล้เตียง
หลินเสวียนตกใจจริง ๆ
เขากำลังคิดว่าจะโดนศาสตราจารย์สวี่หยุนไล่ออกจากห้องไปเสียแล้ว ไม่คิดว่าจะได้คุยกันต่ออีกหลายประโยค
หลินเสวียนเดินไปข้างเตียง มองหญิงสาวบนเตียงที่มีสีหน้าซีดเซียว
“พ่อหนุ่ม……”
ศาสตราจารย์สวี่หยุนหันมามองหลินเสวียน
“เธอรู้ไหม……ว่าทำไมฉันถึงไม่อยากขายของที่ทำไม่เสร็จนั้นให้พวกเธอ”