ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1420 พิษไฟ (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1420 พิษไฟ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ท้องฟ้าแจ่มใส ท้องทะเลกว้างไกล หลี่ฉิงซานบินข้ามมหาสมุทรไปอย่างรวดเร็ว เขามีเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน มันค่อนข้างกระชั้นชิดและแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่
หากเขามีเวลาสักสองสามปีในการบ่มเพาะอย่างช้าๆเพื่อบรรลุขั้นที่ห้าของปีศาจวานรและฟื้นพลังทั้งหมดก่อนจะยกระดับคัมภีร์สวรรค์แห่งอิสรภาพ พลังของเขาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ด้วยวิธีนี้การจัดการมังกรแท้ที่ผ่านภัยพิบัติสวรรค์ห้าครั้งเพียงตัวเดียวจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
นอกจากนั้นหลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สี่และกลายเป็นจักรพรรดิปีศาจ ความสามารถโดยกำเนิดใหม่ของเทพและปีศาจเหล่านั้นก็ยังไม่ชัดเจน แม้แต่นกก็ยังต้องมีกระบวนการเรียนรู้วิธีบิน แต่เขาไม่มีเวลาพอที่จะทำความเข้าใจความสามารถโดยกำเนิดเหล่านั้น
มันจะดีมากหากเขาสามารถทำความเข้าใจความสามารถโดยกำเนิดใหม่หนึ่งหรือสองอย่างในเวลาหนึ่งเดือน แต่แทบเป็นนไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถใช้มันได้อย่างอิสระ
แม้เขาจะพยายามทำความเข้าใจพวกมันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายมันก็ยังไร้ประโยชน์สำหรับการต่อสู้กับมังกรแท้อ้าวซวน ดังนั้นสิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือฝึกฝนทักษะจากคัมภีร์สวรรค์แห่งอิสรภาพ อย่างน้อยที่สุดเขาก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่ในใจ
นี่คือวิธีทำงานของโชคชะตา มันไม่เคยรอให้ผู้คนเตรียมตัวให้พร้อม แต่มันจะตบหัวพวกเขาอย่างเจ็บปวดตลอดเวลา
หลี่ฉิงซานสูดหายใจลึกและปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปโดยหันไปให้ความสนใจเรื่องที่เขากำลังเผชิญอยู่ เขาพยายามคิดวิธีที่จะปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดของเขาออกมาให้ได้มากที่สุดเพื่อให้เขาสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้
เขาเริ่มตรวจสอบบันทึกการต่อสู้ของหลินซวนเป็นอันดับแรก ไม่มีภาพ มีเพียงตัวอักษร แต่พลังของหลินซวนในอดีตยังคงพลุ่งพล่านออกมาจากตัวอักษรเหล่านั้น หลินซวนคู่ควรกับการถูกบรรยายด้วยคำว่าไร้พ่ายและประสบความสำเร็จตลอดไปอย่างแท้จริง ผู้คนจะมองเขาเป็นแบบอย่าง
ด้วยคัมภีร์สวรรค์มังกรแท้ในมือ หลินซวนใช้พลังของมันในหลากหลายวิธีและสังหารศัตรูที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนในสนามรบ
เขาไม่เพียงทรงพลังแต่ยังเป็นผู้นำมากความสามารถ เขาทั้งฉลาดและเด็ดขาด เขาสามารถชักชวนผู้คนให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา เขาสามารถสั่งการกองทัพได้อย่างอิสระ เขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหลินซวนที่หลี่ฉิงซานรู้จัก โดยไม่ต้องกล่าวถึงตัวตลกฉูเทียน
บางทีมันอาจบรรยายเกินจริงไปบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องไร้มูลเหตุอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดเขาก็คู่ควรกับตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ของนิกายหมื่นลี้มากกว่าหลี่หลายฮัวและเฉาเทียนเจียวมาก
แต่โชคชะตาช่างโหดร้าย หากเขาไม่สามารถบรรลุเป็นมนุษย์อมตะก่อนที่อายุขัยของเขาจะหมดลง มันก็ไร้ประโยชน์แม้เขาจะทำความดีความชอบมากมายเท่าใด แม้เขาจะกลับชาติไปเกิดใหม่ เขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดของหลินซวนก็คือมังกรแท้อ้าวซวน มันเคยต่อสู้กับราชันจักรพรรดิปีศาจห้าตนเพียงลำพัง มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด แม้ท้ายที่สุดมันจะได้รับความช่วยเหลือจากหลินซวนและคนอื่นๆ แต่หลี่ฉิงซานยังต้องจริงจังมากขึ้นหลังจากอ่านเรื่องนี้
อย่างน้อยที่สุดมังกรแท้ตัวนั้นก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ในเวลานี้ เมื่อกลิ่นอายแห่งความตายทวีความรุนแรงมากขึ้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของหลี่ฉิงซานก็ลุกโชนขึ้น
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองเม้มปากและทำให้รูจมูกกว้างขึ้นซึ่งทำให้เขาดูดื้อรั้นและไม่ยอมแพ้เหมือนวัว
ทันใดนั้นเกาะสีเขียวก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า เกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองหมื่นลี้และบ้านซวนหมิงประมาณห้าพันกิโลเมตร
หลี่ฉิงซานบินลงไปและเริ่มประชุมทันทีโดยแบ่งปันข้อมูลที่เขาพบให้กับกู่เยี่ยนหยินและเสี่ยวอัน
“เรามีเวลาไม่มากนัก ไม่เกิดสิบห้าวัน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะไปช่วยเสี่ยวหมิง และเราจะต่อสู้จนตัวตายกับอ้าวซวน!”
กู่เยี่ยนหยินกล่าว “เข้าใจแล้ว”
เสี่ยวอันพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ด้วยเหตุนี้หลี่ฉิงซานจึงไม่พูดมากอีก เขามุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของเกาะเพื่อฝึกฝนโดยเริ่มจากทักษะเทพห้าธาตุ
ในป่าทึบมีต้นไม้ใหญ่โตตั้งอยู่ เส้นรอบวงของมันเท่ากับมนุษย์สิบคนกางแขนจับมือกัน มันแทบจะดูเหมือนกำแพงขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานกลับเดินหายเข้าไปในต้นไม้ใหญ่อย่างเงียบๆ โลกใบเล็กในร่างของเขาหดตัวและขยายตัวตามจังหวะการหายใจของเขา
หากผู้ฝึกตนทั่วไปต้องการบรรลุความเชี่ยวชาญเบื้องต้นของทักษะเทพห้าธาตุ พวกเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปี
แต่มันกลับง่ายมากสำหรับหลี่ฉิงซาน เขาเคลื่อนตัวผ่านป่าไปอย่างง่ายดาย ทั้งหมดเป็นเพราะการบ่มเพาะกิเลนสวรรค์ของเขาบรรลุขั้นที่หนึ่งแล้ว
เขาเดินผ่านป่าและต้นไม้มากมายกระทั่งไปถึงภูเขาไฟขนาดใหญ่
เขาอมยิ้มและกระโจนลงไปในก้อนหินราวกับกระโดดลงไปในสระน้ำ เขาสามารถเดินทางผ่านภูเขาราวกับบินอยู่ในอากาศ การเคลื่อนที่ผ่านพื้นดินกลายเป็นง่ายพอๆกับการหายใจ
เขามุ่งหน้าลงสู่ส่วนลึกของภูเขาและรู้สึกถึงความร้อนที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นก่อนจะพบทะเลเพลิงที่ไร้สิ้นสุด
หลี่ฉิงซานคิด ‘นี่เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ!’
สนามแม่เหล็กใต้พิภพหยุดการทำงานของทักษะเทพห้าธาตุเป็นครั้งคราวซึ่งทำให้เขาถูกทะเลเพลิงกลืนกิน
ท่ามกลางธาตุทั้งห้า การเดินทางผ่านไฟถือเป็นสิ่งที่อันตรายมากที่สุด การถูกฝังไว้ในพื้นดินและน้ำไม่เป็นอันตรายต่อผู้ฝึกตน แต่การถูกเผาไม่ใช่เรื่องเล็ก มันมีโอกาสได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ง่ายมาก
โดยพื้นฐานแล้วการเริ่มต้นฝึกฝนทักษะเทพห้าธาตุครั้งแรกใต้ดินเหมือนหลี่ฉิงซานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ที่นี่ไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับพิษไฟเท่านั้นแต่ยังต้องต่อสู้กับสนามแม่เหล็กใต้พิภพอีกด้วย หากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
อาจเป็นเพราะหลี่ฉิงซานคุ้นเคยกับการปรับสมดุลระหว่างธาตุต่างๆมานานแล้ว เขาจึงสามารถรักษาทักษะเทพห้าธาตุเอาไว้แม้จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสนามแม่เหล็กใต้พิภพ เขาสามารถเดินทางผ่านสิ่งกีดขวางและไฟได้อย่างอิสระ
ทันใดนั้นเขาก็ไปถึงระดับความลึกที่ทำให้ทักษะเทพห้าธาตุหยุดชะงักอย่างสมบูรณ์ หน้าอกของเขาร้อนขึ้น บาดแผลที่ปิดไปแล้วปะทุขึ้นอีกครั้ง เลือดและไฟพุ่งออกจากหน้าอกของเขาเหมือนภูเขาไฟระเบิด มันคือพลังงานที่เหลืออยู่จากหมัดของหลี่หลายฮัว
หากไม่ใช่เพราะสายเลือดวิหคเพลิงอมตะ เขาคงทนไม่ได้ ลาวาที่ร้อนแรงพุ่งเข้าโจมตีเขาจากทุกทิศทาง
แม้เขาจะเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว แต่ที่นี่คือพิภพมนุษย์ ทุกสิ่งรอบตัวบอกข้อเท็จจริงที่เรียบง่ายแก่เขา
'เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งนักที่นี่!’
การอาละวาดไปทั่วโลกของเก้ามณฑลในอดีตราวกับเป็นเพียงความฝันอันห่างไกล มันเหมือนกับเมื่อครั้งที่เขาไปถึงโลกใบเล็กเป็นคราแรก เขาไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน!
เขากัดฟันและอดทนกับความเจ็บปวด ความอึดอัดใจต่างๆหลังจากมาถึงพิภพมนุษย์ครอบงำจิตใจของเขา เขาถูกปฏิบัติราวกับตัวหมากเบี้ย ตัวหมากเบี้ยในการพนันที่ถูกดูแคลนและถูกสั่นสอนตามใจปรารถนา เขาถูกบังคับให้ตกสู่ที่นั่งลำบากอย่างต่อเนื่อง แม้เขาจะไม่คิดถึงเรื่องความตาย เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตนเองเอาไว้ และเขายังมีรูอยู่ที่หน้าอก!
‘นี่ใช่เวลาคิดเรื่องพวกนี้งั้นหรือ?’
หลี่ฉิงซานปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป เขาคำรามอย่างบ้าคลั่งและพุ่งตัวลงสู่ส่วนลึกของสระเพลิง
“ครืน...” ภูเขาไฟสั่นสะเทือน พื้นดินสั่นไหว
เสี่ยวอันหันกลับไปมองอย่างกะทันหัน ‘ฉิงซาน!’