ตอนที่ 190 จริง ๆ แล้วผมก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนกัน!
ตอนที่ 190 จริง ๆ แล้วผมก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนกัน!
หากต้องการเอาชนะใจผู้หญิง สิ่งสำคัญที่สุดคือการตอบสนองในสิ่งที่เธอชอบ
ในสังคมที่เต็มไปด้วยความปรารถนาเช่นนี้ ผู้หญิงหลายคนมักชื่นชอบความมั่งคั่ง ดังนั้นสำหรับเอริคสิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่เผยตัวตนในฐานะมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดหญิงสาวที่รักความมั่งคั่งให้เข้ามา
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเอ็มม่า เพราะเธอมีเงินมากพออยู่แล้ว และเงินก็ไม่ได้มีความสำคัญในสายตาเธอ สำหรับเอ็มม่าเงินเป็นเพียงตัวเลขที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่นและรูปร่างสมบูรณ์แบบ และเธอก็มีมันมากเกินพอแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจที่จะสะสมเงินมากเกินความจำเป็น
สิ่งที่เอ็มม่าให้ความสำคัญคือคุณภาพชีวิตและการตามหาความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นถ้าหากจะทำให้เธอสนใจ คนที่จะเข้าหาเธอจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้อยู่ในระดับที่ดีที่สุด
เอริคเลือกชุดที่เขาใส่ในวันนี้โดยผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากฟิวเจอร์ด้วยการคำนวณจากบิ๊กดาต้า ชุดสูทสีเงินที่เขาเลือกใส่ในวันนี้ไม่เพียงแค่เหมาะสมที่สุด แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับรสนิยมของเอ็มม่าโดยเฉพาะ
เอ็มม่าชื่นชอบสีขาว เสื้อผ้าของเธอกว่า 70% ก็เป็นสีขาว และวันนี้เธอก็เลือกชุดสีขาวมาใส่ ดังนั้นเอริคจึงหลีกเลี่ยงการสวมสีขาวเพราะจะดูเหมือนจงใจจนเกินไป นอกจากนี้สีดำก็ถูกปัดตกไปเพราะเป็นสีที่ใช้ในงานไว้อาลัย ด้วยเหตุนี้สีเงินจึงเป็นตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด
ไม่ใช่แค่สีของชุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงดีไซน์รองเท้า ทรงผม และยี่ห้อนาฬิกา ทุกอย่างถูกคำนวณมาอย่างแม่นยำ
ทำให้สำหรับเอ็มม่าการปรากฏตัวของเอริคในลุคนี้สามารถอธิบายได้ด้วยคำเดียวว่า . . .
สมบูรณ์แบบ!
. . .
“คุณเอริค ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งค่ะ” เอ็มม่ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะด้วยความเคารพต่อลูกสาวโคลนทั้งห้าของเธอ หรือเพราะการแต่งกายที่ไร้ที่ติของเขา เธอก็หาเหตุผลที่จะเมินเฉยเขาไม่ได้
“การได้เห็นภาพงดงามเช่นนี้ ผมย่อมดีใจเป็นธรรมดา แต่คุณเอ็มม่า ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยสบายใจนัก พอจะบอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีผมอาจช่วยอะไรได้” เอริคพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
ซึ่งรอยยิ้มนี้มีพลังดึงดูดพิเศษ ทำให้เอ็มม่ารู้สึกอยากเข้าใกล้เขา แม้แต่เธอเองยังอดใจไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจและวางใจในตัวเขา
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” เอ็มม่าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ในใจเธอก็ยังคงระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นมันจะกระชากใจเธอมากก็ตาม
ในที่สุดเอ็มม่าก็ต้านทานเสน่ห์อันเย้ายวนนั้นได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งของเธอ ยาที่เอริคเคยฉีดนั้นมีประสิทธิภาพมาก ยีน X ของเขาถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน และมีเพียงไม่กี่คนบนโลกใบนี้ที่รู้ว่าเขาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ซึ่งเอ็มม่าก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น
ดังนั้นในความคิดของเอ็มม่าในตอนนี้ เอริคจึงเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีพรสวรรค์โดดเด่น และมีคนเช่นนี้มากมายในเฮลล์ไฟร์คลับ
แถมเขายังเหมาะสมกับคลับแห่งนี้ เหตุใดเธอจึงไม่ชวนเขามาร่วมคลับเล่า?
ความคิดนั้นแวบเข้ามาในใจของเอ็มม่า จากนั้นเธอก็ไม่อาจหยุดความคิดนั้นได้ และความปรารถนาที่จะเชิญเอริคเข้าร่วมเฮลล์ไฟร์คลับก็ลุกโชนราวกับไฟลามทุ่งในทุกอณูของหัวใจเธอ
เอริคไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้หยุดยั้งเขาจากการวางแผนต่อไป เขายื่นมือขวาออกไปอย่างสุภาพบุรุษ พร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อย “คุณเอ็มม่ายังไม่ได้ทานอาหารเย็นใช่ไหมครับ? เช่นนั้นเราไปทานด้วยกันไหมครับ? ผมรู้จักร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีบรรยากาศดีมากแห่งหนึ่งแถวนี้”
ด้วยวันที่อากาศดีเช่นนี้ เอ็มม่าจึงหาเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ได้ และตอบตกลงอย่างยินดี โดยวางมือลงบนมือของเอริคอย่างแผ่วเบา
ร้านอาหารและอาหารได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีสำหรับโอกาสนี้ โทนสี ดนตรี และบรรยากาศของร้านอาหารล้วนเป็นสิ่งที่เอ็มม่าโปรดปราน
“แปลกจังเลยค่ะ ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามีร้านที่บรรยากาศดีขนาดนี้อยู่ใกล้ ๆ ด้วย” เอ็มม่าเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากบาร์เล็ก ๆ ที่เธอไปกันประจำ แต่เธอไม่เคยสังเกตเห็นที่นี่มาก่อนเลย
เอริคยิ้มเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอต้องไม่เคยมา เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาตั้งใจเลือกสรรมาอย่างดีสำหรับโอกาสนี้ เขาจงใจเลือกร้านที่ไม่ซ้ำกับร้านที่เธอเคยไป สร้างความแปลกใจเล็ก ๆ น้อย ๆ และใส่ใจในรายละเอียด เช่น ดนตรีที่บรรเลงในร้านเพื่อให้เกิดความรู้สึกพิเศษ
ในการทานอาหารค่ำครั้งแรก เอริคไม่อยากไปในที่ที่เธอคุ้นเคย แน่นอนว่าเขาต้องไม่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเอ็มม่ามีพลังจิตที่แข็งแกร่งมาก ถ้าเขาทำตัวเป็นเศรษฐีทั่วไปที่จงใจเช่าร้านอาหารและแต่งตัวตามแบบที่เอ็มม่าชอบ เขาย่อมต้องจบเห่ไม่สวยแน่ ๆ
ซึ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เอ็มม่าแสดงความสงสัยออกมาจริง ๆ และพลังจิตของเธอก็แผ่ออกมากวาดสำรวจทุกคนในร้านอาหาร และเมื่อพบว่าไม่มีใครที่เอริคจงใจจัดฉากไว้ เธอก็รู้สึกโล่งใจในที่สุด
“คุณเอ็มม่า สลัดผักที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะน้ำสลัด มันสมบูรณ์แบบ!” เอริคหยิบเมนูและแนะนำอาหารสองสามอย่างให้เอ็มม่า
อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน ล้วนสอดคล้องกับรสนิยมของเอ็มม่าเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีความแตกต่างจากรสชาติตามปกติของเธอเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านรสชาติของเธอ แต่ยังช่วยให้เธอได้สัมผัสกับความตื่นเต้นที่แตกต่างกันอีกด้วย
“คุณเอริค ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตเซเลสต์และอีกสี่คนเอาไว้!” เอ็มม่ายิ้มพลางยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณ
เอริคทำท่าประหลาดใจ “โอ้? คุณเอ็มม่า ตั้งชื่อให้พวกเธอทั้งห้าคนแล้วเหรอครับ?”
“แน่นอนค่ะ เซเลสต์, เอสมี่, โซฟี, ฟีบี้, และมินดี้ ชื่อเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เอ็มม่าพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ พร้อมจ้องมองเอริคด้วยความคาดหวัง
เอริคทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ชื่อเหล่านี้เพราะมากเลยครับ คุณตั้งชื่อได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ผมยังจำได้ว่าตอนตั้งชื่อให้วัสดุตัวนำยิ่งยวดที่อุณหภูมิปกติ ผมดันตั้งชื่อว่า ‘แลนเชอร์ No.1’ ซึ่งมันไม่มีความไพเราะเอาซะเลย แต่ตอนนั้นผมก็คิดคำอื่นไม่ออกเลยจริง ๆ ทำไมตอนนั้นผมถึงไม่ได้เจอคุณกันนะ?”
เอ็มม่าแค่นหัวเราะเบา ๆ “นั่นมันไม่เหมือนกันค่ะ”
ยิ่งพวกเขขาทั้งสองคนคุยกันพวกเขาก็ยิ่งถูกคอกันมากเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ยิ่งพูดคุยกันมากเท่าไร เอ็มม่าก็ยิ่งรู้สึกว่าเอริคมีอะไรที่เธอชื่นชอบ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ช่วยปลดปล่อยความรู้สึก เอ็มม่าก็เริ่มเปิดเผยเรื่องที่เธอกังวลอยู่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเอริคถามอีกครั้งด้วยความห่วงใยว่าเธอกำลังกลุ้มใจเรื่องอะไร เอ็มม่าก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยอมเปิดเผยความลับว่าเธอเป็นมนุษย์กลายพันธุ์
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเอ็มม่ากำลังทดสอบเอริคอยู่ เพื่อดูว่าเขาจะมีท่าทีต่อมนุษย์กลายพันธุ์อย่างไร เพราะเธอรู้ดีว่าพวกกลายพันธุ์ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมอเมริกัน
แต่ภาพที่เธอคาดคิดไว้ว่าเขาจะมีท่าทางรังเกียจหรือแสดงความไม่พอใจกลับไม่ปรากฏให้เห็นเลย บนใบหน้าของเอริคกลับมีแววความยินดีวาบผ่าน แต่เขาก็ปิดมันได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะเอ็มม่ามีพลังจิตที่แข็งแกร่ง เธอก็คงคิดว่าตัวเองตาฝาดไป
แม้จะสงสัย แต่เอ็มม่าก็ไม่ได้ถามทันที เธอกลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเล่าถึงปัญหาในสโมสรเฮลล์ไฟร์คลับแทน
เอริคฟังอย่างตั้งใจ พร้อมกับสีหน้าของเขาที่ดูเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ทำให้เอ็มม่ามองเขาด้วยดวงตาสีเขียวสดใส และนั่งเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวน ขณะที่เอริคก็นั่งนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่างที่สำคัญ
ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เอริคจะตัดสินใจพูดออกมาอย่างช้า ๆ แต่คำพูดของเขากลับทำให้ใบหน้าของเอ็มม่าต้องแข็งค้างทันที
“คุณเอ็มม่า จริง ๆ แล้ว . . . ผมเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เหมือนกัน!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …