ตอนที่ 155
ตอนที่ 155
ไม่ออกไปงั้นเหรอ?
เทียนเต๋าไม่ได้ประหลาดใจกับคำตอบนี้ จากท่าที ก่อนหน้านี้ของชายคนนี้ เขาก็พอจะเดาออกอยู่แล้ว
ลุงตรงหน้าดูเหมือนจะเป็นผู้เปลี่ยนอาชีพรุ่นแรกๆ แต่กลับไม่มีความกล้าหาญแบบที่ผู้เล่นควรมี
เขากลับขี้ขลาด ตาขาว และไร้ความทะเยอทะยาน
ใครกันจะยอมติดอยู่ที่นี่นานกว่าสิบปี?
ถึงแม้จะสู้ไม่ได้ แต่ก็ควรจะพยายามสิ? ไม่ใช่ไม่กล้าออกไปไหน
ยิ่งกว่านั้น ทางทิศเหนือก็ไม่มีมอนสเตอร์ มีเพียงภาพลวงตา ถ้ากล้ากว่านี้ ก็ผ่านไปได้แล้ว
หรือว่าเขาไม่อยากออกไปกันแน่...
“ถ้าลุงไม่อยากออกไป ฉันก็ไม่บังคับ” เทียนเต๋าครุ่นคิด กล่าว “แต่ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้ทางการทราบ”
“อีกอย่าง นายไม่อยากรู้เหรอว่าข้างนอกเป็นยังไงบ้าง?”
ชายคนนั้นครุ่นคิด
ใช่ ผ่านไปนานขนาดนี้ นายไม่อยากรู้จริงๆ เหรอว่าโลกภายนอกเป็นยังไง?
เสี่ยวหลินกับคนอื่นๆที่นายพูดถึง...
“ไม่อยาก!” ชายคนนั้นกัดฟัน ส่ายหน้าปฏิเสธ
เมื่อโหยหาโลกภายนอก หัวใจก็ล่องลอยไปแล้ว ในเมื่อใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะอยู่ที่นี่ต่อไปได้ยังไง?
“จริงๆ แล้ว โลกภายนอกสงบสุขแล้วนะ” เทียนเต๋ามองเขา กล่าว “ปีแรก หลังจากเปลี่ยนอาชีพ สถานการณ์ก็สงบลงแล้ว ปีที่สอง อาณาจักรมังกรก็ต้านทานการบุกของมอนสเตอร์ได้ ปีที่สามก็สร้างระบบป้องกันเมืองเสร็จสมบูรณ์ ความปลอดภัยกลับคืนมาแล้ว”
“ฉันเกิดในปีแรก ตั้งแต่จำความได้ ตอนสามขวบก็ไม่เคยมีมอนสเตอร์บุกเมืองนิรันดร์เลย”
“จริงเหรอ?” ชายคนนั้นตกตะลึง ถ้าเป็นแบบนั้น ก็แสดงว่าโลกภายนอกปลอดภัย เหมือนกับที่นี่
แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหลบอยู่ที่นี่... และไม่ต้องอยู่ในเงามืดไปตลอดชีวิต
“จริงสิ” เทียนเต๋ายิ้ม พยักหน้า “สิบแปดปีผ่านไป ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดก็เลเวล 81 แล้ว ซึ่งแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเมืองมนุษย์... ถึงแม้ฉันจะเลเวลแค่ 22 ก็เถอะ”
“ยี่สิบสอง...” ชายคนนั้นไม่ได้สนใจว่าผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดจะเลเวลเท่าไหร่ แต่เขาสนใจเลเวลของเทียนเต๋า
เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเลเวลสูงขนาดนี้... ในขณะที่เขาแค่ 19 !
“ใช่แล้ว!” เทียนเต๋าพยักหน้า “ตอนนี้ มนุษย์ไม่ได้ต่อสู้เพื่อป้องกันตัวอีกต่อไป แต่กำลังสะสมพลัง สำรวจป่า เตรียมพร้อมที่จะโต้กลับ...”
ชายคนนั้นตกใจ “โต้กลับ... หมายถึงสงครามอีกครั้งเหรอ?”
“แน่นอน ต้องสู้ อยู่แล้ว” เทียนเต๋ากล่าว “ตอนนี้มนุษย์ทำได้แค่อยู่ในเมือง ถ้าไม่สู้แล้วจะมีอนาคตได้ยังไง”
“แต่ฉันสู้ไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าจะสู้ยังไง...” ชายคนนั้นส่ายหน้า
ไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ แต่ไม่กล้าต่างหากไหมทรงนี้?
เทียนเต๋าคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมา กล่าวปลอบใจ “ผู้เล่นที่รอดชีวิตบางคนก็สู้ไม่ได้ แต่ก็ยังช่วยเหลือเมืองได้ ถ้าเมืองนิรันดร์อยากจะพัฒนา ก็ต้องอาศัยพลังของทุกคน...”
“แล้วฉันจะทำอะไรได้ล่ะ?” ชายคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันไม่มีความสามารถอะไรเลย”
“นายปลูกผักเป็นนี่” เทียนเต๋ากล่าว “สมุนไพรที่นายปลูกไว้เยอะกว่าที่ฉันเคยเห็นข้างนอกอีก แถมคุณภาพก็ดีกว่า... สมุนไพรพวกนี้เป็นเสบียงชั้นดี”
ในโลกแห่งความเป็นจริง มีพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกสมุนไพรอยู่ไม่มาก สมุนไพรส่วนใหญ่ต้องเก็บมาจากป่า
แต่ในป่ามีอันตรายมากมาย ยิ่งสมุนไพรหายากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเก็บยากและอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
สมุนไพรทุกชนิดจึงมีค่ามาก
ทางการพยายามปลูกหลายครั้ง แม้แต่กลุ่มเพลิง อันดับสามของเมืองนิรันดร์ ก็ยังออกไปทำฟาร์มสมุนไพรนอกเมือง
แต่ผลลัพธ์กลับไม่น่าพอใจ ส่วนใหญ่แล้ว สมุนไพรที่ปลูกในป่าจะเสียหายทั้งหมด ถูกมอนสเตอร์ป่าทำลาย
ถ้าหากปลูกในดันเจี้ยนได้ ก็เท่ากับว่าเปิดพื้นที่ใหม่ นี่เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองนิรันดร์!
“พวกนี้มันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชายคนนั้นมองสวนสมุนไพรด้านหลัง กล่าวอย่างสงสัย “ฉันก็นึกว่าเป็นแค่ดอกไม้ต้นไม้ธรรมดาๆ”
“มีค่าสิ” เทียนเต๋าพยักหน้า
“ถ้างั้นก็เอาไปเถอะ” ชายคนนั้นกล่าวอย่างไม่ลังเล “เอาไปให้หมดเลย เอาไปใช้ข้างนอก”
เอาไป... ได้อยู่แล้ว สมุนไพรทั้งหมดต้องถูกขนออกไป แต่สิ่งที่ทางการต้องการไม่ใช่แค่สมุนไพร แต่ยังรวมถึงความสามารถและเทคนิค
ไม่ใช่แค่ขนสมุนไพรออกไป แต่ต้องพาคนออกไปด้วย
เทียนเต๋าจึงชักชวน “นายไม่ออกไปกับฉันเหรอ? ด้วยความสามารถของนาย ต่อให้นายไม่สู้ นายก็อยู่ได้สบายๆ”
“แต่ถ้าฉันจากไปแล้ว ดอกไม้ต้นไม้พวกนี้จะอยู่ยังไงล่ะ?” ชายคนนั้นถาม
“จริงด้วย” เทียนเต๋าครุ่นคิด “ถ้านายออกไปข้างนอก แล้วที่นี่มันรีเฟรชล่ะ!”
ตอนนี้ ภูเขามังกรลู่ลมถูกแบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนหนึ่งคือทางซ้าย ที่เกิดมอนสเตอร์ สู้กับบอส และรีเฟรชตามปกติ
อีกส่วนคือทางขวา เนื่องจากมีคน "อยู่" ที่นี่ จึงไม่สามารถรีเฟรชได้ ยังคงเหมือนเดิม
ถ้านายคนนี้ออกไปกับเขา แล้วดันเจี้ยนเกิดรีเฟรชขึ้นมาล่ะ?
“ถ้างั้นนายก็อยู่ที่นี่ไปก่อน” เทียนเต๋าครุ่นคิด กล่าว “หลังจากที่ฉันรายงานเรื่องนี้แล้ว จะมาบอกคำตอบให้นาย... อีกอย่าง ถ้านายอยากได้อะไรก็บอกฉันได้เลย”
“อืม” ชายคนนั้นพยักหน้า ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ฉันอยากรู้แค่ว่า... เสี่ยวหลินกับคนอื่นๆ จะเป็นยังไงบ้าง?”
“เสี่ยวหลินคือใคร?” เทียนเต๋าขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ชื่อเฉพาะ เขาสืบไม่ได้
ชายคนนั้นอึ้งไป เกาหัวอย่างเขินๆ “ฉันก็ไม่รู้ชื่อจริงของเธอเหมือนกัน... รู้แค่ว่าเธชื่อเล่นเสี่ยวหลิน”
“งั้นเหรอ” เทียนเต๋าครุ่นคิด พยักหน้า “นายพอจะบอกชื่อของนายได้ไหม?”
“ฉันชื่อเฉิน... เฉินอะไรนะ?” ชายคนนั้นพูดตะกุกตะกัก เขาหายไปจากโลกนานจนลืมชื่อตัวเอง
“ลองนึกดูอีกที” เทียนเต๋าบอกใบ้ “มีอะไรพิเศษไหม?”
“อ้อ! นึกออกแล้ว” ชายคนนั้นเข้าใจ หัวเราะ “ฉันชื่อเฉินป๋อเสวี่ย พวกเขาชอบล้อชื่อฉัน น่าเสียดาย...”
น่าเสียดายอะไร… แต่เทียนเต๋าไม่ได้ถามต่อ แต่เรื่องที่น่าเสียดายคงไม่ใช่เรื่องดี
สำหรับเทียนเต๋าแล้ว การที่รู้ชื่อของเขาก็เพียงพอแล้ว
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” เทียนเต๋าพยักหน้า “หลังจากที่ผมรายงานเรื่องของนายแล้ว จะมีคนมาหานาย... นายไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”
“อืม” เฉินป๋อเสวี่ยส่ายหน้า “มีคนเยอะๆ ก็คงจะครึกครื้นดี”