ตอนที่แล้ว75 - นางแม่มด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป77 - การศึกษาเท่านั้นที่สูงส่ง

76 - ทรัพย์สินทั้งหมดข้าขอคืนนะ


คำอธิบายของจูผิงอันเกี่ยวกับ "หย่าเหมียดเถีย" ไม่ได้ทำให้เด็กสาวพึงพอใจเลย แม้ว่านางจะไม่รู้จักพื้นที่แถบภูเขานี้ดีนัก และยากที่จะตัดสินว่าจูผิงอันพูดจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร คำตอบนี้ก็ไม่ถูกใจนาง เพราะถึงแม้จะเป็นจริง แต่การเปลี่ยนคำว่า "ช่วยด้วย" เป็น "ไม่เอาๆ" ก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมาก ใครจะสงสัยเรื่องคำพูดเพียงแค่นั้นกัน?

ดังนั้น...

“เจ้าหนู ดูเหมือนเจ้าจะไม่เชื่อฟังนะ”

มีดเล่มเล็กในมือของนางสะบัดวูบ ปลายมีดเปล่งประกายเย็นเยียบพุ่งไปปักลงตรงหว่างขาของจูผิงอัน ตรึงชายเสื้อของเขาไว้กับพื้น

“อย่าๆ! ข้ายังพูดไม่จบเลย!”

นรกเถอะ! ความเย็นเยียบเหมือนจะแตะถึงไข่แล้ว!

เหงื่อเย็นเริ่มผุดบนหน้าผากของจูผิงอัน หัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างหวาดหวั่น นิดเดียว...แค่พลาดนิดเดียวเท่านั้น เด็กสาวคนนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง เขารีบเอ่ยปากขอร้องเพื่อถ่วงเวลา

“งั้นเจ้าก็พูดมา ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าถ้าคิดจะเล่นแง่กับข้า ข้าก็จะใช้มีดเล่นกับเจ้าแทน ใครๆ อาจถูกเจ้าหลอกด้วยท่าทีซื่อๆ แต่ข้าไม่ใช่ ถ้าไม่อยากเสียอวัยวะอะไรไป เจ้าก็พูดให้ดีๆ เถอะ”

เด็กสาวโน้มตัวลง หยิบมีดขึ้นมาหมุนเล่นในมือก่อนมองจูผิงอันด้วยรอยยิ้ม

เมื่อถูกจับได้ จูผิงอันก็เพียงยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะนั่งลงบนพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ตอนเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือ เสียงของเจ้านั้นสมจริงมาก แต่ดวงตาของเจ้าไม่มีแววหวาดกลัวเลย กลับเหมือนดวงตาของหมาป่าที่เจอเหยื่อเสียมากกว่า อีกทั้งดวงตานั้นยังแดงก่ำ เหมือนเจ้าจงใจใช้อะไรมาทำให้ระคายเคืองใช่หรือไม่?”

เด็กสาวหยุดหมุนมีดในมือและมองจูผิงอันด้วยความสนใจ

“อีกอย่าง เจ้าแสร้งทำเป็นหญิงสาวอ่อนแอสวมรองเท้าปักลายวิ่งหนีอย่างลนลาน แต่ชายร่างใหญ่ทั้งห้าคนนั้นกลับวิ่งตามจับเจ้าไม่ได้ และเจ้าก็วิ่งไปถึงวัดร้างบนภูเขาได้อย่างบังเอิญเกินไป”

แววตาของเด็กสาวยิ่งดูสนใจมากขึ้น ส่งสายตาเร่งให้จูผิงอันพูดต่อ

“นอกจากนี้ เสื้อผ้าของเจ้าก็ดูหลุดลุ่ยเหมือนเพิ่งถูกปล้นและเกือบถูกลวนลาม แต่เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยเหรอ? เสื้อของเจ้าหลุดลุ่ยขนาดนั้น แต่กลับไม่มีอะไรโผล่เลย ข้าไม่ได้ลามกนะ แต่มันผิดปกติมากจริงๆ ถ้าเป็นสถานการณ์จริง จะต้องมีอะไรเผยให้เห็นบ้างไม่มากก็น้อย พวกชายฉกรรจ์ที่ตามเจ้าอยู่ ไม่ใช่พระเสียหน่อย...”

“อีกเรื่องคือ ท่าทีของเจ้าเวลากล่าวขอบคุณมันเกินจริงไปมาก ไม่มีคุณหนูผู้ดีหรือหญิงสาวธรรมดาที่ไหนจะมายกแก้วดื่มกับผู้ชายกลุ่มใหญ่แบบนั้นหรอก แค่เดินออกมาให้เห็นตัวก็ยังน้อยเลย...”

“สุดท้ายคือ ตอนที่เจ้ากล่าวขอบคุณข้าและยกแก้วให้ดื่ม ข้าจงใจแกล้งเซไปชนเจ้าอย่างกะทันหัน แต่เจ้ากลับรับมือได้ดีมาก ไม่มีแม้แต่หยดเหล้าที่กระเด็นออกมา ฝีมือของเจ้าเก่งเกินไปสำหรับหญิงสาวธรรมดา”

จูผิงอันพูดจบ พร้อมกับยิ้มแหยๆ มองไปที่หญิงสาว

การวิเคราะห์ของเขาเฉียบคมและชัดเจนราวกับฟันฉับตรงเป้าหมาย

ปกติแล้ว ช่วงเวลานี้ควรจะมีเสียงปรบมือ

แต่...

ความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

“เจ้าฉลาดนักสินะ และคงรู้ใช่ไหมว่าข้าไม่ชอบพวกนักเรียนแบบเจ้า แล้วเจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรมากที่สุด?”

หญิงสาวพยักหน้าหลังจากฟังจูผิงอันพูดจบ นางเท้าคางด้วยมือขาวนวลราวหยก ก่อนถามจูผิงอันด้วยรอยยิ้ม

คำถามนี้ทำให้จูผิงอันงุนงงเล็กน้อย จังหวะเปลี่ยนเรื่องของนางช่างรวดเร็วเกินไป

ยังไม่ทันที่เขาจะตอบอะไร รองเท้าปักลายก็พุ่งมาที่หน้าเขาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเตะเขาจนล้มลงกับพื้น

“สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือพวกนักเรียนที่ฉลาดแต่คิดว่าตัวเองฉลาดที่สุดแบบเจ้า!”

ดูเหมือนจูผิงอันจะประเมินสตรีโบราณต่ำเกินไป

แท้จริงแล้ว สตรีที่อารมณ์แปรปรวนไม่เคยขาดหายไปจากโลกนี้เลย

จูผิงอันนอนมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินจากไปด้วยท่าทางมั่นใจ แม้จะอยู่ในสภาพที่ดูย่ำแย่ แต่ใบหน้าที่ดูใสซื่อของเขากลับเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา

“โว้ย! ไอ้นี่โดนนายน้อยเตะจนโง่ไปแล้วหรือไง? นอนเลอะดินเลอะโคลนขนาดนั้นยังยิ้มหน้าบานอีก”

ชายคนหนึ่งที่เฝ้าจูผิงอันไว้ พูดประชดประชันเมื่อเห็นเขานอนอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าเวทนา ใบหน้ากดลงกับดินแต่ยังยิ้มกว้าง

ชายอีกคนหัวเราะเยาะตามไปด้วย

“ช่างมันเถอะ พวกนักเรียนแบบนี้ชอบทำตัวดูดีเกินจริง ทำเหมือนว่าควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทั้งที่จริงก็แค่โง่เพราะอ่านหนังสือมากไป ไม่รู้จักดูสถานการณ์”

หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น

ไม่นานนัก ชายอีกสามคนที่ออกไปล่าสัตว์ก็กลับมา พร้อมกระต่ายหกตัวที่ถูกลอกหนังและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พวกเขายังเก็บฟืนแห้งกลับมาด้วย ก่อนจะก่อไฟในกระท่อม

กลิ่นกระต่ายย่างหอมกรุ่น ทำเอาแค่ได้กลิ่นก็รู้สึกน้ำลายสอ

จูผิงอันมองดูหญิงสาวและพวกชายฉกรรจ์แบ่งกระต่ายย่างคนละตัว เขาที่คิดว่าอิ่มแล้วเริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาอีก

“เอ่อ...ขอข้าชิมสักชิ้นได้หรือไม่?” จูผิงอันนั่งอยู่บนพื้น มองหญิงสาวด้วยสายตาเว้าวอนพลางถาม

“พวกเจ้าพูดกันว่าในหนังสือมีหญิงงามเหมือนหยก และมีคฤหาสน์ทองคำไม่ใช่หรือ? งั้นก็นั่งท่องหนังสือไปเถอะ” หญิงสาวตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเยาะหยัน น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเกลียดชังนักเรียนอย่างเห็นได้ชัด

นางนั่งอยู่บนเตียงดินในกระท่อม ส่วนชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนนั่งห่างออกมา แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของสถานะ

“งั้น...ขอดื่มเหล้าสักหน่อยได้ไหม?”

แม้จะอับอายแต่จูผิงอันก็ยังไม่ละความพยายาม เขาหันไปสนใจไหเหล้าที่พวกนั้นวางไว้แทบเท้า

พวกชายฉกรรจ์พากันหัวเราะเยาะ “ให้เจ้าเหล้าก็เสียเปล่า เจ้าไม่ใช่ว่าเพิ่งดื่มที่หน้าวัดร้างมาแล้วหรือ? เหล้านี่พวกข้าขอดื่มเองดีกว่า”

เป็นดังคำล่ำลือ คนในยุทธภพช่างรักสนุก หญิงสาวเองก็ดื่มเหล้า นางมีถ้วยเหล้าของตัวเอง ส่วนชายฉกรรจ์ใช้ถ้วยที่หาได้ในกระท่อม เหล้าหอมกรุ่นถูกเทลงไป พวกเขาดื่มกันอย่างเอร็ดอร่อย

หญิงสาวดื่มเพียงถ้วยเดียว แต่ชายฉกรรจ์แต่ละคนดื่มเต็มถ้วยใหญ่โดยไม่เหลือให้จูผิงอันแม้แต่หยดเดียว

จูผิงอันนั่งอยู่บนพื้น มองดูพวกเขากินเนื้อและดื่มเหล้าด้วยรอยยิ้มที่ดูซื่อๆ แต่ในขณะเดียวกัน เขาใช้เศษกระเบื้องที่อยู่ในมือซึ่งถูกมัดไว้ด้านหลัง ค่อยๆ ถูเชือกที่มัดจนเกือบขาด

“น่าจะถึงเวลาแล้วสินะ”

พวกที่กำลังกินดื่มกันอยู่ได้ยินเสียงพูดแปลกๆ จากด้านหลัง ต่างหันไปมองต้นเสียง

“อืม อาจต้องรออีกสักสองลมหายใจ” จูผิงอันมองดูพวกเขาที่ยังหันหัวกลับมาได้ ก็พูดต่ออย่างใจเย็น

“หมายความว่ายังไง?” หญิงสาวมองจูผิงอันด้วยความสงสัย รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

ในสายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางเห็นจูผิงอันค่อยๆ ลุกขึ้นยืน และยืดแขนขาออกด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“เป็นไปได้ยังไง? มือของเขาไม่ถูกมัดแล้วหรือ?”

ไม่นาน หลังจากนั้น หญิงสาวและชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนหน้าซีดเผือด ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้วก้อย

“แปลกใจใช่ไหมว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้?” จูผิงอันวางกระเป๋าสัมภาระไว้ข้างตัว เดินเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆ

“ที่วัดร้าง ข้าไม่ได้ว่างงานจนไร้สาระพุ่งไปชนเจ้า เพราะตั้งแต่ได้ยินเสียงและเห็นเจ้า ข้าก็มองออกแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปชนเพื่อยืนยัน เจ้าคงไม่รู้ตัวสินะว่า ‘ห่อกระดาษ’ ที่เจ้าพกไว้ที่เอวหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่นคือสิ่งที่เจ้าเปิดออก หยิบผงมานิดหนึ่งแล้วเก็บกลับไป ข้าเห็นเจ้าเทเหล้าในถ้วยแล้วใส่มันลงไป”

“ตอนที่ชนเจ้า ข้าแอบหยิบมันมา แล้วในตอนดื่มเหล้าที่วัดร้าง ข้าก็แอบใส่มันลงไปเช่นกัน”

จูผิงอันพูดพลางเดินไปหยิบมีดสั้นที่วางอยู่ข้างตัวของหญิงสาวขึ้นมา

“น้องชาย เจ้าจะทำอะไรหรือ?” ในตอนนี้ หญิงสาวยังคงยิ้มอย่างไร้กังวล ไม่แสดงความกลัวแม้แต่น้อย

จูผิงอันถือมีดสั้นไว้ในมือ ยิ้มซื่อๆ พลางพูดด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อยว่า

“พี่สาวคนงาม เจ้าพอจะเมตตาแบ่งปันทรัพย์สินให้ข้าได้ไหม? ขอสงสารนักเรียนที่ไร้สตางค์ที่จะต้องเดินทางไปสอบในเมืองสักนิดเถิด! ดูสิ ตอนนี้ทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวของข้าก็คือมีดเล่มนี้เท่านั้น!”

หญิงสาวจ้องมองจูผิงอัน ใบหน้ายิ้มอยู่เหมือนเดิม แต่ในใจแทบจะปะทุไฟแห่งความโกรธออกมา ช่างไร้ยางอาย! นางคิดในใจ ท่านแม่พูดไว้ไม่ผิดจริงๆ คนพวกนี้ช่างน่ารังเกียจที่สุด! ขโมยแล้วแท้ๆ ยังกล้าพูดให้ดูดีว่าเป็นการ "แบ่งปัน" มีใครเขาเอามีดจ่อคอคนแล้วเรียกว่าแบ่งปันบ้าง? แถมมีดยังเป็นของนางเองตั้งแต่ต้น แล้วมาตอนไหนถึงกลายเป็น "ทรัพย์สิน" ของเขาไปได้!

“ถ้าเจ้าไม่ตกลง ก็ปรบมือสักหน่อย ถ้าไม่ปรบ ก็นับว่าเจ้าตกลงแล้วนะ” จูผิงอันพูดเสริมพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ “พี่สาวคนนี้ช่างใจกว้างยิ่งนัก แบ่งเงินให้ข้าตั้งสองร้อยสามสิบตำลึง กับหกร้อยห้าสิบเจ็ดอีแปะเลยทีเดียว พี่สาวผู้ใจดีแบบนี้ต้องได้แต่งงานกับบัณฑิตผู้สง่างามที่เป็นชายในฝันแน่นอน”

จูผิงอันหยิบเงินที่หญิงสาววางไว้ข้างตัวขึ้นมาอย่างพึงพอใจ พลางเขย่ามันเบาๆ

หลังจากยึดเงินที่หญิงสาวและพวกของที่นางปล้นมาในวัดร้างได้แล้ว จูผิงอันก็เดินถือมีดไปหาชายฉกรรจ์ทั้งห้าคน ยิ้มด้วยใบหน้าที่ดูซื่อๆ

ชายฉกรรจ์ทั้งห้าเห็นรอยยิ้มของจูผิงอันในตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนกับตอนที่พวกนักเรียนที่วัดร้างเห็นหญิงสาวยิ้มไม่มีผิด

“อย่าตื่นเต้นไปเลย ข้าไม่ใช่คนมือไม้อันตรายหรอก” จูผิงอันย่อตัวลงตรงหน้าชายที่เคยตบหัวเขาไปสองที ผลักเขาหลายครั้ง และยังทำให้เขาล้มไม่เป็นท่าเมื่อเดินเข้ามาในกระท่อม เขายิ้มซื่อๆ และใช้มีดแตะเบาๆ ที่หน้าของชายคนนั้น

“ข้ากินเกลือมากกว่าที่เจ้ากินข้าวเสียอีก เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวไหม!”

ชายคนนั้นยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ถ้าหากมีกำลังลุกขึ้นได้ เขาคงจะถ่มน้ำลายใส่หน้าจูผิงอันไปแล้ว

“กินเกลือเยอะขนาดนั้น คงอยากดองตัวเองเป็นปลาร้าใช่ไหม?” จูผิงอันยิ้มซื่อๆ ตอบ

“เลิกพูดไร้สาระเถอะ! ข้าถึงกับขมวดคิ้วยังไม่กลัวเจ้าเลย…อ๊ากกกก!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ชายผู้เคยมีศักดิ์ศรีต้องบิดหน้าเหงยด้วยความเจ็บปวด

“แหม ขอโทษที มือข้ามันลื่น” จูผิงอันพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ขณะที่ดึงมีดออกจากต้นขาของชายคนนั้น

เขามองเลือดที่ไหลออกจากแผลของชายคนนั้นแล้วก็เริ่มรู้สึกพะอืดพะอม ไม่กล้าจ้องตรงๆ ดูเหมือนวิธีนี้จะไม่เหมาะกับข้าจริงๆ เขาคิดในใจ ก่อนหน้าและหลังข้ามาที่นี่ ข้าก็เป็นแค่คนธรรมดา เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ทางของข้าเลยจริงๆ

“เอาเถอะ ดูเหมือนพวกเจ้าจะจนมุมจนเค้นอะไรไม่ออกแล้ว”

จูผิงอันรู้สึกไม่ค่อยสนุกนัก แต่ก็ไม่อยากแสดงความหวาดกลัวให้คนพวกนี้เห็น เขาถือมีดสั้นเดินวนรอบกลุ่มคนเหล่านั้น ทำทีข่มขู่พวกเขาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะพูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่งแล้วหันหลังเดินจากไป

หญิงสาวมองจูผิงอันที่ถือมีดสั้นเปื้อนเลือดพร้อมรอยยิ้มซื่อๆ เดินกลับมาหานาง คราวนี้ความรู้สึกที่มีกับเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ตอนนี้มีดสั้นนั้นยังคงมีหยดเลือดอยู่

แม้จะกล้าหาญหรือเก่งกาจเพียงใด ชีวิตคนก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

“เจ้าจะทำอะไรอีก?” หญิงสาวเริ่มรู้สึกกังวล ไม่ได้ยิ้มอย่างสบายใจเหมือนเมื่อครู่

“คนของเจ้ามิได้แบ่งเงินให้ข้า ข้าก็เลยต้องกลับมาหาเจ้าอีกครั้ง” จูผิงอันพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“เงินน่ะ เจ้าเอาไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ?” หญิงสาวเริ่มหงุดหงิด ในใจคิดว่าตนตั้งใจอยากแสดงฝีมือให้ท่านพ่อเห็น กลับมาตกม้าตายเพราะเด็กหนุ่มคนนี้

“ข้าว่าพี่สาวยังมีเงินแบ่งให้ข้าอีก” จูผิงอันพูดพลางมองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อเห็นสายตาที่ไม่น่าไว้ใจ หญิงสาวรีบพูดออกไป “ใต้ขาโต๊ะมีเงินแตกอยู่ห้าตำลึง นอกนั้นไม่มีแล้ว”

หญิงสาวคิดจะพูดเอาตัวรอดไปก่อน เมื่อผลของยาอ่อนแรงลง หรือเมื่อท่านพ่อของนางมาถึง นางจะต้องจัดการเด็กหนุ่มคนนี้อย่างสาสม!

จูผิงอันทำตามที่หญิงสาวบอก แล้วก็พบเงินจริงๆ ใต้ขาโต๊ะ เขาปัดฝุ่นออกเล็กน้อยก่อนเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ ทว่า เขากลับเดินถือมีดกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้ง

“เจ้าจะเอาอะไรอีก!” หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยความโกรธ นี่มันโลภเกินไปแล้ว!

“ถอดเสื้อออก!” จูผิงอันพูดพลางถือมีดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

คนเถื่อน! หญิงสาวคิดในใจ พวกนักเรียนพวกนี้ยิ่งเลวทรามกว่าที่ท่านแม่เคยพูดอีก! ปล้นเงินไม่พอ ยังคิดจะ... ยังคิดจะ... นี่มันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!

“อ้อ จริงด้วย เจ้าขยับตัวไม่ได้ งั้นข้าก็คงต้องจัดการเองแล้ว” จูผิงอันพูดอย่างไม่ใส่ใจพลางลงมือ

เมื่อรู้สึกได้ว่าจูผิงอันกำลังปลดเสื้อผ้าของนาง หญิงสาวก็หลับตา น้ำตาคลอ นางคิดว่าครั้งนี้ชีวิตของนางคงจบสิ้นแล้ว ชื่อเสียงของนางคงต้องแปดเปื้อนเพราะเด็กหนุ่มคนนี้ แต่นางก็ปฏิญาณในใจว่า เมื่อผลของยาอ่อนแรงหมดลง นางจะหั่นเด็กคนนี้เป็นชิ้นๆ เอาเนื้อโยนให้หมากิน เอากระดูกบดเป็นผงโปรยลงแม่น้ำให้ปลากิน!

“ก็ดี ไม่มีเงินซ่อนอยู่อีก”

จูผิงอันพูดทิ้งท้ายก่อนหันหลังเดินจากไป ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงโดยไม่เหลือร่องรอย

“หา?” หญิงสาวลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง พบว่าจูผิงอันเพียงปลดเสื้อชั้นนอกของเขาออก แต่เสื้อชั้นในยังอยู่ครบ

แกล้งกันชัดๆ!

หญิงสาวกัดฟันมองแผ่นหลังของจูผิงอันที่ค่อยๆ หายลับไปในสายตา นางโกรธจนแทบจะกระโจนเข้าไปฟันเขาเสีย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด