บทที่ 505 ต่อกรห้าผู้ทรงพลัง พลันสังหารเทพสวรรค์อีกครั้ง
สวี่เหยียนจ้องมองด้วยความเย่อหยิ่ง ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มดูแคลน “ต่อให้ข้าสอนวิชาปราบมังกรพวกเจ้า แต่ด้วยขยะเช่นพวกเจ้า คิดหรือว่าจะฝึกสำเร็จ? อีกอย่าง...พวกเจ้าคู่ควรหรือ?”
สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและดูถูก ประหนึ่งมองสิ่งไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งห้าถึงกับโกรธจนแทบระเบิด พลังอันมหาศาลปะทุขึ้น ท้องฟ้าพลันมืดมิด ทะเลสีครามอันเกรี้ยวกราดกลับนิ่งสงบลงทันใด
ราวกับว่ามีแรงกดดันอันมองไม่เห็นบีบคั้นให้ผิวน้ำไม่อาจก่อคลื่นใดได้อีก
แต่สีหน้าของสวี่เหยียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่แม้แต่จะชายตามอง เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าได้ยินมาว่า ในดินแดนเต๋ามีเทพสวรรค์บางคนที่ไม่สามารถพัฒนาพลังได้ต่อ ต้องติดอยู่ในคอขวดนี้มาเนิ่นนาน จึงมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อหวังจะใช้การเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินนี้เป็นโอกาสในการทะลวงพลัง
“พวกเจ้าทั้งห้าคงไม่ใช่คนเหล่านั้นกระมัง? โดยเฉพาะเจ้า!”
ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังเทพสวรรค์ผู้มีผมสีขาว “ผมหงอกเต็มหัว แต่ยังกล้ายกตนข่มผู้อื่น คงมีชีวิตมายาวนาน แต่กลับไม่อาจทะลวงผ่านคอขวดแห่งพลังเทพสวรรค์ได้เสียที คงติดอยู่เช่นนี้มานับร้อยปีแล้วสินะ?
“ขนาดระดับเทพสวรรค์ยังไม่อาจทะลวงผ่าน ยังกล้ามาแย่งชิงวิชาปราบมังกร? เจ้าช่างไร้ค่าเสียจริง ต่อให้ได้วิชานั้นมา เจ้าจะเข้าใจหรือ? เจ้าจะฝึกสำเร็จหรือ?”
ดวงตาของเทพสวรรค์ผมขาวพลันแดงก่ำ หายใจแรงขึ้น พลังรอบตัวเดือดพล่าน ราวกับมีคำว่า “คนไร้ค่า” ดังสะท้อนอยู่ในจิตใจ
ในวัยเยาว์ เขาเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากในพันปี มีศักยภาพเทียบเท่าผู้ทรงพลังสูงสุด ทว่าในที่สุดกลับต้องหยุดอยู่ที่ขอบเขตเทพสวรรค์ ไม่อาจก้าวต่อไปได้อีก
ไม่ว่าจะพยายามฝึกฝนหรือแสวงหาคำชี้แนะจากผู้ทรงพลังเพียงใด ก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านได้ ทุกครั้งที่นึกถึงคำยกย่องในอดีต เหล่านั้นกลับกลายเป็นเหมือนตบหน้าเขาอย่างแรง และกลายเป็นบาดแผลในจิตใจ
เทพสวรรค์ผมขาวไม่อาจทนรับคำดูถูกได้อีก เขาคำรามด้วยความโกรธ “สวี่เหยียนเด็กน้อย วันนี้ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
“ลงมือ ฆ่าเด็กอวดดีคนนี้ซะ!”
พลังของเทพสวรรค์ผมขาวปะทุออกมา แสงสีแดงฉานเปล่งประกายจากตัวเขาแปรเป็นค้อนยักษ์ที่พุ่งเข้าใส่สวี่เหยียน
เทพสวรรค์อีกสี่คนที่เหลือซึ่งถูกแววตาดูแคลนของสวี่เหยียนกระตุ้นความโกรธ ต่างก็ลงมือพร้อมกัน
เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นก้องไปทั่ว รัศมีของมังกรปกคลุมไปทุกที่ ราวกับมังกรแท้ที่พิโรธเต็มที่กำลังพุ่งลงมาสังหาร
“ชอบวิชาปราบมังกรมากใช่ไหม? เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าตายใต้เงื้อมมือวิชานี้เอง!”
สวี่เหยียนแค่นหัวเราะและฟาดฝ่ามือออกไป
โทสะมังกร!
เขาใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ “โทสะมังกร” ร่างของมังกรทองคำยักษ์ปรากฏขึ้นพร้อมเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน สายฟ้าและเมฆดำปรากฏขึ้นทันใด ดวงตาของมังกรแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
สายลม พายุ และสายฟ้าผ่าตามมาพร้อมเสียงคำราม พลังของมังกรแท้พลันแผ่ซ่านไปทั่วฟ้าดิน กวาดล้างศัตรูทุกทิศทาง
“นี่มันอะไร?”
เทพสวรรค์ทั้งห้าต่างตกตะลึงจนสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ามังกรแท้ที่โกรธจัด
พลังของมังกรแท้พร้อมสายฟ้าสร้างความหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด ความรุนแรงนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
เสียงคำรามดังสนั่น ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยพลังมังกร ทุกคนต่างรู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้
มังกรทองคำคำรามเสียงกึกก้องพุ่งเข้าโจมตี ส่งผลให้เทพสวรรค์ทั้งห้าต้องล่าถอย ท่ามกลางเสียงพลังปะทะกัน เทพสวรรค์ผมขาวกระอักเลือดออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลนี้ พวกเขามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอันตกตะลึง ไม่อยากเชื่อว่าวิชายุทธ์เช่นนี้จะมีอยู่จริง
สวี่เหยียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เสียงก้องกังวาน เสาหมอกน้ำมหึมาก่อตัวกลายเป็นกระบี่มหึมาห้าด้ามตั้งตระหง่านบนพื้นทะเล
“วันนี้ ผู้ที่ถูกสังหารโดยข้า จงจำไว้ ข้าคือสวี่เหยียน เทพกระบี่!”
สวี่เหยียนแค่นยิ้มเย็นชา พลันยกมือชี้นิ้ว กระบี่มหึมาฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง
แม้เทพสวรรค์ทั้งห้าจะมีพลังมิใช่น้อย แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งเกินคาดของสวี่เหยียน พวกเขาก็ไม่กล้าประมาทอีกต่อไป พร้อมกันนั้นต่างงัดวิชาไม้ตายออกมาใช้ทันที
โครม!
การต่อสู้อันดุเดือดปะทุขึ้น ทะเลสีครามเดือดพล่าน กระแสลมและเมฆหมอกแปรปรวน การต่อสู้ครั้งนี้สะเทือนไปไกลหลายร้อยลี้
สวี่เหยียนเพียงโบกมือ น้ำทะเลที่ปั่นป่วนกลายเป็นกระบี่นับไม่ถ้วนที่พุ่งทะลักออกมาราวกับแม่น้ำกระบี่ พุ่งเข้าจู่โจมอย่างไม่หยุดยั้ง
กระบี่แต่ละเล่มเปล่งประกายกระบี่ที่แตกต่างกันออกไป บ้างเย็นเยียบจนกระดูกแทบแข็ง บ้างร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง บ้างพลิ้วไหวราวกับสายลมอ่อนโยน ทว่ากระบี่ทั้งหมดกลับซ่อนเร้นพลังสังหารอันแหลมคมไว้ภายใน
ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่แต่ละเล่มดูราวกับมีจิตวิญญาณ เคลื่อนไหวโจมตีอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แม้จะต้องต่อสู้กับเทพสวรรค์ทั้งห้าพร้อมกัน สวี่เหยียนยังคงเคลื่อนไหวด้วยความสง่างาม ตรงกันข้าม เหล่าเทพสวรรค์กลับตะโกนร้องด้วยความโกรธและพยายามใช้วิชาลับต่าง ๆ แต่ก็ยังถูกกดดันอยู่ดี
“เพียงเทพสวรรค์ต่ำต้อย ยังกล้ามาหาข้า ใครให้ความกล้าพวกเจ้ามา?”
สายตาของสวี่เหยียนแสดงความเย้ยหยัน
สำหรับเขาแล้ว เทพสวรรค์เป็นเพียงเศษฝุ่นที่ไม่อาจทำให้เขาสนใจได้อีกต่อไป
ปัจจุบัน แม้พลังของเขาจะยังไม่เทียบเท่าจ้าวสูงสุด แต่การบดขยี้เทพสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
เขาไม่ใช่นักยุทธ์ธรรมดาในระดับฟ้าดิน แม้เพิ่งเข้าสู่ระดับนี้ก็ยังเหนือกว่าเทพสวรรค์โดยสิ้นเชิง
โครม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป กระบี่น้ำสายใหญ่รวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง ล้อมรอบเทพสวรรค์ทั้งห้าจนพื้นที่ต่อสู้ค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ
สวี่เหยียนแม้จะยืนมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง แต่เพียงโบกมือเดียว กระบี่น้ำก็พุ่งเข้าจู่โจมไม่หยุด
จนกระทั่งจังหวะหนึ่ง สวี่เหยียนกระทืบเท้าลงกับพื้น ทะเลพลันเกิดหลุมลึกขนาดใหญ่ ก่อนที่น้ำจะหมุนวนกลายเป็นวังน้ำวนยักษ์ที่ดูราวกับสร้างขึ้นจากกระบี่หลายพันเล่ม
พลังสังหารอันแหลมคมของกระบี่ถาโถมลงมา ราวกับจะกวาดล้างทะเลแห่งนี้ทั้งหมด
“เจ้าคิดจะลอบโจมตีข้าหรือ?”
สายตาของสวี่เหยียนเต็มไปด้วยความดูแคลน จ้องมองไปยังเงาร่างหนึ่งใต้กระบี่หมุนวน
บุคคลจากเงามรณะแห่งฟ้าดิน!
เขาคือผู้มีพลังระดับเทพสวรรค์จากเทียนซ่าห์ ใต้หน้ากากเมฆดำหมายเลขเทียนเจ็ดสิบหก เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกเปิดโปงและพบเจอโดยสวี่เหยียน
ขณะนี้ ท่ามกลางวังน้ำวนที่เต็มไปด้วยพลังสังหาร เขารู้สึกถึงภัยคุกคามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ราวกับว่าวินาทีถัดไปเขาจะถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
“เขารู้ได้อย่างไร?”
ในใจของเทียนเจ็ดสิบหกเต็มไปด้วยความสงสัย
เขามั่นใจในวิชาซ่อนเร้นของตน อีกทั้งสวี่เหยียนยังต่อสู้กับเทพสวรรค์ห้าคนอย่างดุเดือด คงไม่มีทางสังเกตเห็นเขาได้แน่
แต่ดูเหมือนว่าสวี่เหยียนจะรู้ตัวตั้งแต่ต้น และรอจนกระทั่งเขาปรากฏตัวถึงลงมือทันที
“สวี่เหยียน เจ้าไม่อาจต้านข้าได้!”
เทียนเจ็ดสิบหกปลดปล่อยพลังเยือกเย็นออกมาอย่างรุนแรง แสงน้ำแข็งที่ส่องประกายพลันพุ่งออกจากตัวเขาเข้าโจมตีวังน้ำวน
โครม!
แต่สิ่งที่เขาพบกลับทำให้ตกตะลึง แสงน้ำแข็งอันทรงพลังกลับไม่อาจทำลายวังน้ำวนได้ ตรงกันข้าม พลังนั้นถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวนและหมุนวนไปกับมัน
ชั่วขณะหนึ่ง พลังของเขากลับถูกสะท้อนออกมาจากวังน้ำวน โจมตีเขาเอง!
“นี่มันวิชาอะไร?”
เทียนเจ็ดสิบหกตกตะลึง เขารีบปลดปล่อยพลังอีกครั้ง คราวนี้ใช้วิชาลับ
เสียงฟู่ดังขึ้น ควันสีเทาพลันปกคลุมร่างของเขา ทำให้ดูเหมือนร่างนั้นจะเลือนลางจนแทบกลมกลืนไปกับน้ำทะเล
การโจมตีอันเยือกเย็นหลายสายปรากฏขึ้นจากความมืด แปรเปลี่ยนเป็นดาบยักษ์ฟาดฟันวังน้ำวน
แต่สวี่เหยียนยังคงนิ่งเฉย เขายกมือขึ้นและฟาดลงไป เสียงคำรามของมังกรดังขึ้น ร่างของมังกรทองคำปรากฏในวังน้ำวน พร้อมดึงดูดพลังน้ำทะเลทั้งหมดเข้ามา
วิชามังกรแท้ควบคุมน้ำ!
“เจ้า...”
สีหน้าของเทียนเจ็ดสิบหกเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนร่างกายถูกภูเขายักษ์กดทับ
มังกรทองคำเคลื่อนไหวไปพร้อมกับวังน้ำวน พื้นที่รอบตัวเขาแคบลงเรื่อย ๆ พลังที่บีบอัดร่างของเขารุนแรงขึ้นจนแทบขยับไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะใช้วิชาลับใดก็ไม่อาจหลุดพ้นได้ พลังโจมตีทั้งหมดของเขาถูกวังน้ำวนนี้ดูดซับจนหมดสิ้น
เทียนเจ็ดสิบหกรู้ดีว่า หากไม่สามารถทำลายมังกรทองคำได้ เขาก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
แต่พลังของเขาไม่สามารถเอาชนะมังกรทองคำและทำลายพลังควบคุมน้ำได้
“ฆ่า!”
เสียงคำรามดังขึ้น เทียนเจ็ดสิบหกพุ่งหายไปจากตำแหน่งเดิมทันที ในพริบตาเขาปรากฏตัวต่อหน้ามังกรทองคำ มือของเขาถือดาบสั้นสีเทาที่เปล่งแสงหม่น ดาบนั้นหายไปจากมือเขาในพริบตา และเสียง “ปัก” ดังขึ้น ดาบสั้นนั้นเจาะเข้าที่ศีรษะของมังกรทองคำ
โครม!
หัวมังกรทองคำระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่ดาบสั้นแตกสลายกลายเป็นผุยผง ทว่าการโจมตีนี้ก็สัมฤทธิ์ผลจนได้!
สีหน้าของเทียนเจ็ดสิบหกเต็มไปด้วยความยินดี นี่คือหนึ่งในสุดยอดวิชาของเงามรณะแห่งฟ้าดิน ซึ่งมักใช้ในการลอบโจมตีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตน
ดาบสั้นเล่มนี้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นเพื่อปลดปล่อยพลังโจมตีเกินขีดจำกัดของผู้ใช้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
เมื่อมังกรทองคำถูกทำลาย เส้นทางหลบหนีก็เปิดออก
สำหรับการสังหารสวี่เหยียน เทียนเจ็ดสิบหกก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถเทียบความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ การหลบหนีในตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุด
ทว่าทันใดนั้น เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง มังกรทองคำอีกตัวปรากฏขึ้น พร้อมหมุนวนไปกับวังน้ำวนอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้!”
ดวงตาของเทียนเจ็ดสิบหกเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เขายังไม่ทันตั้งตัว มังกรทองคำอีกตัวปรากฏขึ้น สองมังกรหมุนวนไปพร้อมกัน กดดันพื้นที่รอบตัวเทียนเจ็ดสิบหกจนไม่อาจหนีรอด
ในตอนนี้ สีหน้าของเทียนเจ็ดสิบหกเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“จบกันเสียที!”
สวี่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ร่างของเขาหายวับไปในพริบตา ก่อนจะปรากฏตัวต่อหน้าเทพสวรรค์ผมขาว
“กระบี่เดียวสังหาร!”
วิชาศักดิ์สิทธิ์ “กระบี่ดับสวรรค์” ถูกปลดปล่อย เทพสวรรค์ผมขาวไม่ทันได้ป้องกัน ร่างของเขากลายเป็นผุยผงในพริบตา
เทพสวรรค์อีกสี่คนที่เหลืออยู่ต่างตกตะลึงและหวาดกลัว
“สวี่เหยียน เราขอยอมแพ้ จะถอยไปเดี๋ยวนี้!”
หนึ่งในพวกเขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับข้า ไม่มีใครมีโอกาสรอดชีวิต!”
สวี่เหยียนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา
ฟึ่บ!
อีกกระบี่หนึ่งถูกปลดปล่อยออกมา เทพสวรรค์ทั้งสี่ไม่ว่าจะใช้วิชาลับใด ๆ หรือวิชาป้องกันอย่างไร ก็ไม่อาจต้านทานได้ พวกเขาถูกสังหารในกระบี่เดียวทั้งหมด
สุดท้าย เหลือเพียงเทียนเจ็ดสิบหก เทพสวรรค์จากเงามรณะแห่งฟ้าดินเพียงคนเดียว
“เจ้าต้องการตายหรืออยากมีชีวิตอยู่?”
สวี่เหยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เทียนเจ็ดสิบหกกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว “เจ้าจะไว้ชีวิตข้าจริงหรือ?”
“แน่นอน หากเจ้ายอมทำตัวฉลาด”
สวี่เหยียนยิ้มบาง
“ข้ายอม ข้ายอมเป็นข้ารับใช้ของเจ้า!”
เทียนเจ็ดสิบหกยอมแพ้โดยสิ้นเชิง
ในภาวะความเป็นความตาย เขาพบว่าตนเองคิดได้เร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดี ถ้าเช่นนั้น จงเปิดจิตใจของเจ้าให้ข้า หากขัดขืน เจ้าจะต้องตาย”
สวี่เหยียนกล่าวคำสั่ง
“ได้ ข้าจะไม่ขัดขืน!”
ในสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ต้องทำตามคำสั่ง
สวี่เหยียนใช้ “เจตจำนงฟ้ากำหนดจิต” เพื่อควบคุมเทียนเจ็ดสิบหก เทพสวรรค์จากเงามรณะแห่งฟ้าดินผู้มีประโยชน์มากกว่าผู้อื่น
หลังจากควบคุมเขาแล้ว สวี่เหยียนก็สั่งให้เขาทำภารกิจ เช่นรวบรวมสมาชิกเงามรณะแห่งฟ้าดินที่ถูกสวี่เหยียนควบคุมไว้
“จงวาดแผนที่ของดินแดนเต๋า เทียนซ่าห์ ให้ข้า”
สวี่เหยียนสั่งการ
“ขอรับ!”
เทียนเจ็ดสิบหกตอบรับด้วยความเคารพ เขาวาดแผนที่ของดินแดนเต๋า เทียนซ่าห์ ที่เขารู้จักทั้งหมด
สวี่เหยียนรับแผนที่มาและกวาดตามองก่อนจะสั่งต่อว่า “จงหาโอกาสกลับไปยังดินแดนเต๋า และรอคำสั่งของข้า”
สวี่เหยียนโยนยันต์สื่อสารให้เทียนเจ็ดสิบหก พร้อมกล่าวว่า “ระวังอย่าให้ถูกเปิดเผย”
“ขอรับ นายท่าน!”
เทียนเจ็ดสิบหกตอบอย่างเคารพ
“ไปได้แล้ว!”
สวี่เหยียนโบกมือ
เทียนเจ็ดสิบหกหายตัวไปทันที ราวกับไม่เคยปรากฏตัวอยู่ที่นั่น
สวี่เหยียนมองแผนที่ที่เทียนเจ็ดสิบหกวาดไว้ “ดินแดนเต๋ามีทั้งหมดสามร้อยเขต แต่ละเขตเหมือนกันหมด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ของดินแดนเต๋าเองที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก มีบางสถานที่ที่แม้แต่เทพสวรรค์ก็ยังไม่เคยย่างกรายเข้าไป
“ในฐานะเทพสวรรค์ของเขา ความรู้เกี่ยวกับแดนเทียนซ่าห์ไม่ได้มากนัก แต่ก็เพียงพอแล้ว บริเวณลับของแดนฟ้าดินนี้น่าจะมีสมบัติซ่อนอยู่บางอย่าง”
เทียนซ่าห์มีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ มุ่งหมายจะครอบครองอำนาจแห่งฟ้าดินไท่ชาง และกลายเป็นเจ้าแห่งฟ้าดินใหม่ ในขณะที่ในดินแดนเต๋ายังคงมีเจ้าของฟ้าดินเล็ก ๆ ที่เก่าแก่ เช่น ไท่เหมี่ยว ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ แดนเทียนซ่าห์กล้ายึดครองอำนาจแห่งฟ้าดินไท่ชาง ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีฐานที่มั่นคงและแผนการที่แน่วแน่
“ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่มีสมบัติใดที่ข้าให้ความสนใจแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะไปดินแดนเต๋าเพื่อค้นหาสมบัติในแดนเทียนซ่าห์ หากสามารถขนย้ายสมบัติออกมาได้ จะช่วยให้ข้าพัฒนาไปถึงขอบเขตตั้งฐานแห่งเต๋าได้อย่างรวดเร็ว”
สวี่เหยียนคิดวางแผนไว้ในใจ
เขาไม่คิดจะรออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้อื่นมาหา แต่เตรียมพร้อมที่จะลอบเข้าไปในดินแดนเต๋าเพื่อค้นหาสมบัติ พร้อมทั้งพยายามบรรลุความเข้าใจถึงขอบเขตสร้างสรรค์และเพิ่มพูนพลังของตนเอง
“ข้าควรไปพูดคุยกับเต่าชางไห่เสียหน่อย โอกาสนั้นอยู่ที่ใดกันแน่”
สวี่เหยียนไม่ลืมการเจรจากับเต่าชางไห่ โอกาสสำคัญนั้นอาจช่วยให้เขาบรรลุความเข้าใจถึงขอบเขตสร้างสรรค์ได้
เขายกมือขึ้น พลันปรากฏกลุ่มพลังแห่งฟ้าดินในฝ่ามือ
“เต่าเฒ่า ข้ามาทำตามข้อตกลงแล้ว”
สวี่เหยียนหยิบยันต์สื่อสารขึ้นมาและส่งข้อความไปยังเต่าชางไห่
“จริงหรือ? สหายน้อย รีบมาที่นี่ ข้าระวังตัวอยู่ อย่าให้ใครรู้ร่องรอยของเจ้า”
เสียงของเต่าชางไห่ตอบกลับมาด้วยความยินดี
“วางใจเถิด ข้าสวี่เหยียน หากข้าต้องการซ่อนตัว แม้แต่จ้าวเขตแดนยังหาไม่พบ”
สวี่เหยียนยิ้มด้วยความมั่นใจ
เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าและหายตัวไปทันที ในเวลาไม่นานเขาก็มาถึงที่ซ่อนของเต่าชางไห่
“เจ้าเต่าเฒ่านี่ ช่างซ่อนตัวเก่งเสียจริง”
สวี่เหยียนไม่อาจไม่ชื่นชม ทักษะซ่อนตัวของเต่าชางไห่นั้นเป็นสิ่งที่ลึกล้ำที่สุดที่เขาเคยพบ หากไม่มี “ตาทิพย์น้อยแห่งฟ้าดิน” ที่สวี่เหยียนใช้สำรวจ เขาก็คงไม่สามารถตรวจพบตัวเต่าเฒ่านี้ได้เลย
.....
วันนี้เก็บบ้านทำความสะอาดในรอบเกือบเดือน