บทที่ 25: ตกลงเรื่องห้องตะวันออก
หลี่เว่ยตงเสนอความคิดที่จะย้ายไปอยู่ ห้องตะวันออก ซึ่งปกติใช้เป็นที่เก็บของและอยู่ในสภาพทรุดโทรม แต่เขามองว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัว
ห้องนั้นไม่เหมาะสมสำหรับอยู่อาศัย เธอกังวลว่า หากปล่อยให้หลี่เว่ยตงย้ายไป อาจทำให้คนในลานคิดว่าเธอ "รังเกียจ" หรือ "ไล่" หลี่เว่ยตง
หลี่เว่ยตงพยายามโน้มน้าวว่าเขาเคยชินกับการอยู่คนเดียว และมองว่าห้องนี้หากซ่อมแซมจะกลายเป็นที่พักที่ดี
แต่จางซิ่วเจินยังคงยืนกรานเพราะห่วงภาพลักษณ์ของครอบครัว
คุณย่าซึ่งมีทัศนคติยืดหยุ่นมากกว่า เข้ามาช่วยสนับสนุนหลี่เว่ยตง:
เธอมองว่าการให้หลานชายมีพื้นที่ส่วนตัวจะช่วยให้เขาอยู่สบายขึ้น และไม่ได้สนใจเรื่อง "ภาพลักษณ์"
เท่ากับความต้องการของหลาน เมื่อการเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ หลี่เว่ยตงใช้เหตุผลใหม่:
“น้องเล็กหลี่เว่ยปินมีนิสัยที่ค่อนข้างอ่อนแอ หากต้องการให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีความมั่นใจ เขาควรเริ่มฝึกการอยู่คนเดียว
ตั้งแต่เนิ่นๆ”
เธอเริ่มคล้อยตาม เมื่อมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการฝึกความเป็นอิสระของลูกชายกับคำพูดของหลี่เว่ยตง
จางซิ่วเจินตัดสินใจว่า: หลี่เว่ยปิน จะย้ายไปอยู่ห้องตะวันออกแทนหลี่เว่ยตง
คำตอบนี้เกือบทำให้หลี่เว่ยตง "สำลัก" เพราะเขาวางแผนทั้งหมดเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อหลี่เว่ยปิน
หลี่เว่ยตงหัวเราะออกมาเล็กน้อย เพราะเขาเริ่มตระหนักว่า แม้เขาจะพยายามกำหนดทุกอย่างตามแผน แต่บางครั้งผลลัพธ์อาจกลับกลายเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
“ไม่เป็นไรครับ ย่าครับ ปล่อยเรื่องเงินไว้ให้ผมจัดการเอง” หลี่เว่ยตงรีบกล่าวพลางมองไปยังย่าและแม่เลี้ยงที่กำลังถกเถียงกันเรื่องค่าใช้จ่าย “นายมีเงินที่ไหน?” ย่าถามด้วยน้ำเสียงสงสัย แต่แฝงไปด้วยความห่วงใย
“ตอนอยู่ชนบท ผมทำงานรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ เก็บเงินไว้บ้าง ถึงจะไม่มาก แต่ก็คงพอใช้สำหรับซ่อมแซมห้อง” หลี่เว่ยตงตอบพร้อมยิ้มเล็กน้อย ท่าทีของเขาทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังเติบโตขึ้น
“เว่ยตง เรื่องนี้ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการเถอะ ลูกเพิ่งกลับมา ไม่ต้องลำบากเรื่องเงิน” จางซิ่วเจินพูดขึ้น “ไม่ครับ คุณป้า ผมไม่อยากเพิ่มภาระให้ครอบครัว ถ้าให้รอคนอื่นช่วย คงไม่เสร็จทันหน้าหนาว ผมอยากมีที่นอนที่อบอุ่น
ไม่ต้องห่วงครับ ผมดูแลตัวเองได้” เขาย้ำด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
คำพูดของหลี่เว่ยตง ทำให้จางซิ่วเจินเงียบไปพักหนึ่ง เธอรู้สึกทั้งปลื้มใจและโล่งใจที่เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นภาระ แต่กลับคิดหาทางช่วยเหลือตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่เว่ยตงว่า แต่มีอะไรต้องมาบอกฉันทันที เข้าใจไหม?” ย่าสรุปพร้อมพยักหน้าอย่างพอใจ
เมื่อทุกอย่างตกลงกันได้ หลี่เว่ยตงยิ้มเบาๆ ก่อนเดินออกไปเตรียมงานในวันรุ่งขึ้น เขารู้ว่าการซ่อมห้องครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการอยู่อาศัย แต่เป็นการสร้างพื้นที่ส่วนตัวที่สำคัญต่อเขาในอนาคต
เช้าวันต่อมา หลี่เว่ยตงเริ่มต้นด้วยการเดินทางไปตลาดมืดอีกครั้ง เพื่อซื้อวัสดุซ่อมแซมพื้นฐาน เช่น ไม้สำหรับทำโครงพื้น และอิฐสำหรับซ่อมแซมกำแพงที่พังลง
การต่อรองของเขาในตลาดมืดไม่ได้ง่ายนัก แต่ด้วยทักษะที่เขาเรียนรู้มาจากชนบท ทำให้เขาสามารถซื้อของได้ในราคาที่สมเหตุสมผล เขาใช้เวลาเกือบทั้งวันขนของกลับมาที่บ้าน จนกระทั่งเมื่อเขากลับถึงบ้านตอนเย็น ทุกคนในครอบครัวต่างประหลาดใจที่เห็นเขาจัดการทุกอย่างได้เอง
“นายซื้อของพวกนี้ได้ยังไง?” จางซิ่วเจินถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีเพื่อนในตลาดช่วยต่อรองให้” เขายิ้มตอบ
หลังจากนั้น หลี่เว่ยตงใช้เวลาอีกหลายวันในการปรับปรุงห้องด้านตะวันออก โดยเขาได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อยจากหลี่เว่ยปินและหลี่เสวี่ยหรู เด็กทั้งสองช่วยพี่ชายขนของและทำงานง่ายๆ เพื่อแบ่งเบาภาระ
หากห้องด้านตะวันออกถูกปรับปรุงเสร็จ มันกลายเป็นห้องเล็กๆ ที่อบอุ่นและเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย
ด้วยความหวัง มันเป็นมากกว่าการย้ายที่พักสำหรับหลี่เว่ยตง มันคือสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น เป็นก้าวแรกที่สำคัญของหลี่เว่ยตง ในการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตใหม่ในเมือง
(จบบท)###