บทที่ 241 การโจมตีของชายผิวดำ!
หลังอาหารเช้า ทุกคนมาส่งซูยี่
การจากลาครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่
ซูยี่สะพายไท่จี้ไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังสะพายชุดบินประจำกาย
การจากลาของซูยี่เป็นไปอย่างกระชับ เขาให้เวลาทุกคนทำใจกับเรื่องนี้มาหนึ่งสัปดาห์แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทำให้มันเศร้าสร้อยมากนัก
หลังจากซูยี่บินขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาไต่ระดับความสูงขึ้นไปถึงหนึ่งพันเมตร จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดในโลกใบนี้
ถ้าบินเต็มกำลัง ใช้เวลาเพียง 16 ชั่วโมงก็จะถึงเหนือน่านฟ้าบ้านเกิดแล้ว
มีชุดบินประจำกายนี่สะดวกจริงๆ
แต่ซูยี่บินได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี ก็ถูกสัตว์ปีกกลายพันธุ์สองตัวจับตามอง
ซูยี่รีบเก็บชุดบินประจำกายทันที จากนั้นต่อสู้กับสัตว์ปีกกลายพันธุ์ทั้งสองกลางอากาศ
สัตว์ปีกกลายพันธุ์ทั้งสองตัวนี้เป็นระดับสาม พละกำลังแข็งแกร่งมาก
ซูยี่แทบไม่มีความได้เปรียบในการต่อสู้กลางอากาศเลย หลังจากต่อสู้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาจึงสามารถสังหารสัตว์ปีกกลายพันธุ์ทั้งสองได้
"การต่อสู้กลางอากาศสิ้นเปลืองพลังมาก พลังจิตของฉันเกือบหมดแล้ว"
แม้ซูยี่จะสังหารสัตว์ปีกกลายพันธุ์ทั้งสองได้ แต่ตัวเขาเองก็ดูทุลักทุเล
ถ้าไม่ใช่เพราะชุดเกราะที่ทรงพลังที่สวมอยู่ เขาคงบาดเจ็บไปแล้ว
ไม่กล้าบินต่อ ซูยี่จำต้องลงพักที่พื้น
ถ้าจะบินต่อ เขาต้องใช้ยาเพิ่มพลังจิตหนึ่งเม็ดเพื่อฟื้นฟูตัวเอง
แต่ซูยี่ไม่อยากกินยาเร็วขนาดนั้น
เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าต้องใช้ยาเพิ่มพลังจิตตอนนี้ เขาจะไม่มียาเพียงพอใช้
ด้วยหลักการประหยัดเท่าที่จะทำได้ ซูยี่จึงลงจอดบนดาดฟ้าตึกสูง
เพิ่งลงถึงระเบียง ก็มีหญิงคนหนึ่งใบหน้าเปรอะเปื้อนวิ่งออกมา
"ขอของกินหน่อยค่ะ ได้โปรดให้ของกินหน่อย แค่ขนมปังชิ้นเดียว ฉันยอมให้คุณเล่นยังไงก็ได้"
"อย่ามองแค่ความทุเรศของฉันตอนนี้ จริงๆ แล้วฉันหน้าตาดีนะคะ ให้ขนมปังชิ้นเดียว ฉันจะอาบน้ำให้สะอาด แล้วคุณจะทำอะไรก็ได้"
ซูยี่ขมวดคิ้ว หยิบกล่องเค้กไข่นึ่งหนึ่งกล่องโยนให้อีกฝ่าย
"เลิกแสดงได้แล้ว ตัวเธอไม่มีกลิ่นเหม็นเลยสักนิด ต้องการอาหารก็ไปหาเอาเอง การหลอกลวงไม่ใช่ทางที่ถูก" ซูยี่พูดจบก็เตรียมจะจากไป
ในตอนนั้นเอง อีกฝ่ายพลันยิงบางอย่างออกมาจากตัว
สีหน้าซูยี่เปลี่ยนไป มองอีกฝ่ายหนึ่งที
"อยากตาย!"
ทั้งที่ให้เค้กไข่นึ่งไปทั้งกล่องแล้ว ยังจะลงมือกับเขาอีก
ซูยี่ไม่ได้ชักดาบออกมา ใช้วิชาควบคุมลมปราณรวบรวมอากาศรอบตัวอีกฝ่าย แล้วบีบอัดเข้าหาตัว
ซูยี่สังเกตเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอีกฝ่าย ราวกับได้หลุดพ้น
จากนั้นซูยี่จึงคลายการควบคุมอากาศรอบๆ
หญิงคนนั้นงงไปครู่หนึ่ง แล้วพุ่งเข้าหาซูยี่
"ฆ่าฉันสิ รีบฆ่าฉันสิ ทำไมไม่ลงมือล่ะ ลงมือสิ ฆ่าฉันเถอะ ขอร้องล่ะ ฆ่าฉันที ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว"
ซูยี่เลิกคิ้วขึ้น มองอีกฝ่ายที่คุกเข่าอยู่
"เธออยากตาย กระโดดลงไปจากตรงนี้ก็ได้นี่"
หญิงคนนั้นส่ายหน้า ร้องไห้พลางพูดว่า "สามีฉันตายเพราะกระโดดตึก ตายแบบนั้นดูน่าเกลียดเกินไป และทรมานมากด้วย ฉันเห็นคุณเก่งมาก น่าจะฆ่าฉันได้ในพริบตา ทำไมไม่ทำล่ะ"
แค่นี้เองหรือ?
ซูยี่รู้สึกอึ้ง พูดว่า "มีชีวิตอยู่ไม่ดีกว่าหรือ จริงๆ แล้วเธอไม่มีความกล้าพอจะฆ่าตัวตายหรอก ถ้ามี ก็คงไม่ทนอยู่มาจนถึงตอนนี้"
"อยู่อย่างทุกข์ทรมานยังดีกว่าตายง่ายๆ พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะ" พูดจบ ซูยี่ก็หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสิบกล่องวางไว้ แล้วออกจากระเบียงนั้นทันที เหาะข้ามไปยังระเบียงฝั่งตรงข้าม
ส่วนหญิงคนนั้นจะเลือกทำอย่างไรต่อไป ก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว
ให้อาหารไปมากขนาดนั้น ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
เหตุการณ์เล็กน้อยนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อซูยี่
เขาตั้งใจจะพักสักครู่ รอให้พลังจิตฟื้นฟูก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิดต่อ
ตอนนี้ เขายังอยู่ในเมืองหยุนเทียน
คงไม่มีใครคิด แม้แต่หลิงเยว่ ว่าซูยี่เพิ่งออกเดินทางได้ชั่วโมงกว่าก็ต้องต่อสู้แล้ว
หลังกินอาหารกลางวันและฟื้นฟูร่างกายเต็มที่แล้ว ซูยี่ก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
ช่วงบ่าย โชคของซูยี่ก็ยังดีอยู่ บินมาสามชั่วโมงเต็มๆ เขาถึงเจอสัตว์ปีกกลายพันธุ์อีกระลอก
แต่คราวนี้มีสัตว์ปีกกลายพันธุ์กว่าสามสิบตัว ซูยี่ไม่กล้าสู้กับพวกมัน จึงรีบลงจอดที่พื้น
ซูยี่ลงจอดในเมืองใหม่แห่งหนึ่ง
ไม่มีระบบนำทาง ซูยี่ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่บนพื้นดินด้วยตัวเอง
ต้องรู้ว่าตัวเองอยู่เมืองอะไร จึงจะรู้ว่าทิศทางการบินเบี่ยงเบนไปหรือไม่
"ถนนหนานหวน เขตเป่ยหยวน เมืองหยูไห่ ดูเหมือนทิศทางที่บินมาจะไม่ผิด" ซูยี่เห็นที่อยู่ที่ชัดเจนแล้วก็ยิ้มกว้าง
ที่นี่ใกล้มณฑลบ้านเกิดของเขามากแล้ว สมัยก่อนนั่งรถไฟความเร็วสูงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เข้าเขตมณฑลบ้านเกิดได้แล้ว
"โชคดีที่มีชุดบินประจำกายนี่ ถ้าต้องเดินด้วยขาตัวเอง ไม่รู้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะมาถึงเมืองหยูไห่นี่ได้" ซูยี่พูดอย่างรำพึงรำพัน แล้วเดินไปยังร้านหนังสือด้านหน้า
มาถึงร้านหนังสือแล้ว ซูยี่ก็อยากเข้าไปหาหนังสือบ้าง
ตอนนี้ต้องผจญภัยคนเดียว ย่อมต้องมีอะไรไว้ฆ่าเวลาบ้าง
เล่นเกมก็เบื่อได้ ไม่เลวที่จะเลือกหนังสือติดตัวไว้บ้าง
ร้านหนังสือแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่ พอเข้าไปก็ได้กลิ่น 'หนังสือ' โชยมา
ประสาทการรับกลิ่นของซูยี่พัฒนาขึ้น จึงไวต่อกลิ่นมาก
ที่นี่น่าจะเคยมีผู้ติดเชื้อเข้ามา ชั้นวางหนังสือบางส่วนล้ม แต่ซูยี่ไม่เห็นผู้ติดเชื้ออื่นๆ
ในร้านหนังสือมีเคาน์เตอร์กาแฟ ซูยี่เข้าไปค้นดู พบเมล็ดกาแฟ
เขาจึงบดกาแฟสำหรับตัวเอง แล้วชงกาแฟหนึ่งแก้ว
การมีชีวิตรอดในยุคหลังวันสิ้นโลก ต้องสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้ชีวิตตัวเอง
ไม่เช่นนั้น อารมณ์ด้านลบที่มากเกินไปจะทำให้คุณพังทลายได้
"ไม่เลวเลย คุณภาพดีทีเดียว" ซูยี่หยิบนิตยสารบนเคาน์เตอร์มาเปิดอ่าน
ทันใดนั้น ซูยี่รู้สึกถึงอันตราย จึงรีบสร้างโล่อากาศหลายชั้นไว้ด้านหลัง
แม้ในยามปกติที่ไม่มีอันตราย ซูยี่ก็จะสร้างโล่อากาศไว้รอบตัว
แม้จะสิ้นเปลืองพลังจิต แต่ก็ป้องกันการโจมตีจากคนหรือสัตว์กลายพันธุ์ได้
"โครม!"
บางอย่างกระแทกเข้ากับโล่อากาศของซูยี่ แล้วแตกกระจาย
ไท่จี้ที่หลับอยู่ในอ้อมอกซูยี่สะดุ้งตื่น กระโดดออกจากอ้อมอกเขา
ร่างสูงใหญ่ดำทะมึนยืนอยู่ที่ประตู มองซูยี่ด้วยสายตาตื่นเต้น
"ฟัค!"
ซูยี่พบว่าคนที่โจมตีเขาเป็นชายผิวดำ จึงชี้นิ้วกลางใส่ทันที
ชายผิวดำไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าใส่ซูยี่
ซูยี่สังเกตเห็นว่ามือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมีกระดูกสีขาวคมกริบเคลือบอยู่ ดูเหมือนอสูรเลยทีเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอนักรบพลังพิเศษแบบนี้
(จบบท)