ตอนที่ 152: หานซานคือคนนั้น
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของแม่สามีที่ยิ้มแย้ม ซ่งซีก็ยิ้มตาม “จริง ๆ แล้ว ท่าทางของคุณแม่คุณคล้ายกับแม่ของฉันมากเลยนะ บางคนอาจคิดว่าพวกท่านเป็นพี่น้องกันก็ได้”
คำถามหลุดออกมาจากลำคอของหานซาน “พวกท่านดูคล้ายกันเหรอ?”
“อืม คุณไม่เคยเห็นแม่ของฉันตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเห็นล่ะก็ คุณจะรู้เลยว่าตอนยิ้มพวกท่านเหมือนกันมากแค่ไหน” ซ่งซีไม่ได้จ้องมองรูปถ่ายของแม่สามีอยู่นานนัก เธอพลิกหน้าต่อไปเรื่อย ๆ หวังว่าจะเจอรูปหานซานในชุดทหาร
หานซานยืนอยู่ด้านหลังชิงช้า มองดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบานอยู่ตรงหน้าซ่งซีอย่างเหม่อลอย
เสียงอุทานของซ่งซีดึงความสนใจของหานซานกลับมา
“พี่หานคะ คุณใส่ชุดทหารแล้วหล่อมากเลย!”
เมื่อได้ยินดังนั้น หานซานก้มลงมองและเห็นรูปถ่ายของตัวเองตอนหนุ่ม เป็นภาพของเขากับหานอาอวี่ ถ่ายคู่กันหน้าประตูค่ายทหาร หานซานสวมชุดเครื่องแบบทหาร ยืนตัวตรงเคียงข้างคุณตา ดูสง่างามเหมือนต้นสนสองต้นที่สูงตระหง่าน
หานซานเคยเห็นและใส่เสื้อผ้าหรูหรามากมาย แต่สิ่งที่เขารักมากที่สุดในชีวิตก็คือชุดเครื่องแบบทหารตัวนี้
หานซานบอกซ่งซีว่า “นี่เป็นรูปถ่ายตอนคุณตามาเยี่ยมผมที่กองทัพ หลังจากผมผ่านการฝึกทหารใหม่”
ซ่งซีเอามือแตะที่ใบหน้าของหานซานในรูปแล้วยิ้ม “ตอนนั้นคุณยังดูเด็กอยู่เลย”
“อย่ามาแซวผมว่าแก่ทางอ้อมเลยนะ ไม่ว่าผมจะอายุเท่าไหร่ ผมก็ทำให้คุณพอใจได้อยู่แล้ว” หานซานยกขาที่ยาวของเขา ข้ามชิงช้าแล้วนั่งลงข้างซ่งซี
ซ่งซีทำเป็นไม่เข้าใจคำพูดสองแง่สองง่ามของเขา
เธอพลิกไปถึงรูปถ่ายตอนหานซานจบมัธยมปลาย
ตอนนั้น ดวงตาของหานซานยังดูดุดัน เขายังไม่รู้จักวิธีควบคุมสายตาของตัวเอง เขาสวมเสื้อยืดสีดำ ตัดผมสั้น ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาและดวงตาสีเทาอมฟ้า ทำให้เขาดูเหมือนดาบคมกริบ
หานซานมองดูรูปถ่าย เห็นเชือกเส้นหนึ่งคล้องอยู่รอบคอเขา
ซ่งซีกำลังจะสังเกตความหนุ่มแน่นของหานซาน แต่จู่ ๆ หานซานก็ยื่นแขนยาวของเขามาดึงอัลบั้มรูปออกจากมือซ่งซีอยายงรวดเร็ว เขาปิดอัลบั้มแล้วลุกขึ้นยืน “ไปกินข้าวเช้าเถอะ เดี๋ยวเราจะขึ้นเขาไปไหว้คุณยายกัน”
ซ่งซียังดูอัลบั้มไม่จบ รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เธอคิดจะแซวพี่หานเพื่อขอดูต่อ แต่พอได้ยินคำพูดของเขา เธอก็ยอมแพ้และพยักหน้า “ไปกินกันเถอะ”
ระหว่างเดินไปห้องอาหาร ซ่งซีถามหานซานว่า “บอกฉันหน่อยสิคะ ว่าต้องระวังอะไรบ้างเวลาไหว้ผู้ล่วงลับ”
หานซานจึงอธิบายสิ่งที่ต้องระวังให้ซ่งซีฟัง
หลังอาหารเช้า จงปู๋ฮุ่ยช่วยหานอาอวี่เตรียมของไหว้ ขณะที่หานซานขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ซ่งซีเดินไปที่ตู้โทรทัศน์ เปิดมันออกและหยิบอัลบั้มรูปที่หานซานเอาไปซ่อนไว้ออกมา
เธอหันกลับไปมองบันได เห็นว่าหานซานคงยังไม่ลงมาง่าย ๆ เธอจึงนั่งลงบนโซฟาไม้แดงพร้อมกับอัลบั้มรูปบนตัก
ซ่งซีลังเลอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเปิดมันออกดู
ต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่ ที่พี่หานรีบเอาอัลบั้มรูปไปเก็บ ซ่งซีคาดเดาว่าอัลบั้มรูปนี้คงซ่อนความลับบางอย่างที่หานซานไม่อยากให้เธอรู้ หรือว่าเป็นรูปของเขากับตู้ซวีเหยียน?
คิดได้ดังนั้น ซ่งซีก็พลิกไปดูหน้าท้าย ๆ ของอัลบั้ม
ซ่งซีเห็นรูปถ่ายหมู่ตอนจบการศึกษาของหานซาน เขายืนอยู่แถวหลังสุด แต่เธอไม่เห็นตู้ซวีเหยียน ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่คนละห้องเรียนกับเขา
ซ่งซีพลิกดูต่อไปเรื่อย ๆ
ด้านหลังภาพถ่ายหมู่ห้องเรียนนั้น เป็นภาพของหานซานกับเพื่อน ๆ พี่น้องของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีวี่แววของตู้ซวีเหยียนเลย ซ่งซีอดคิดไม่ได้ว่าหลังจากหานซานเลิกกับตู้ซวีเหยียน เขาคงเกลียดเธอมากจนต้องเอาภาพถ่ายออกไป
จงปู๋ฮุ่ยเดินมาพร้อมกับของไหว้ พอเห็นซ่งซียังนั่งเปิดดูอัลบั้มรูปอยู่ เขาก็นึกในใจว่า เกือบไปแล้ว! โชคดีที่เขารอบคอบและเอารูปถ่ายของหานซานกับตู้ซวีเหยียนออกไปก่อนล่วงหน้า
จริง ๆ แล้ว หลังจากหานซานเอารูปพวกนี้ใส่อัลบั้มไว้เมื่อหลายปีก่อน เขาก็ไม่เคยเปิดดูมันอีกเลย บางทีเขาอาจลืมไปแล้วว่ามีรูปของเขากับตู้ซวีเหยียนอยู่ในอัลบั้มนี้ด้วย ไม่อย่างนั้น ตอนที่เห็นซ่งซีกำลังเปิดดูอยู่ เขาคงแย่งอัลบั้มกลับไปทันที
แม้หานซานจะไม่สนใจดู แต่จงปู๋ฮุ่ยและคุณตาหานยังเปิดดูอัลบั้มนี้อยู่บ่อย ๆ ในแต่ละปี ดังนั้นจงปู๋ฮุ่ยจึงจำได้ดี เนื่องจากตู้ซวีเหยียนเป็นแฟนคนแรกของหานซาน ถึงแม้คุณตาจะอยากทิ้งรูปพวกนั้น แต่เขาก็ต้องเคารพความเห็นของหานซาน จึงเก็บรูปเหล่านั้นไว้
เมื่อก่อน ตอนที่ได้ยินซ่งซีบอกว่าอยากดูอัลบั้มรูป จงปู๋ฮุ่ยก็ระมัดระวังและเอารูปสองใบนั้นออกไปก่อน
พอเห็นซ่งซีเปิดดูอัลบั้มอีกครั้ง จงปู๋ฮุ่ยก็แอบยินดีในความรอบคอบของตัวเอง
ซ่งซีพลิกดูต่อไปเรื่อย ๆ จนเห็นภาพถ่ายของหานซานตอนอายุ 8-9 ขวบ ตอนนั้นเขาตัวสูงใหญ่ แต่ท้องป่องกลม ดูซื่อ ๆ น่ารัก
ซ่งซีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รีบถ่ายภาพของหานซานเอาไว้
สุดท้าย เธอพลิกมาถึงหน้าสุดท้าย
ในรูปสุดท้าย หานซานตอนอายุประมาณ 15 ปี สวมแค่กางเกงว่ายน้ำขาสั้น ยืนอยู่ข้างสระน้ำในหุบเขาลึก ตอนนั้นหานซานเริ่มผอมลงแล้ว โครงร่างดูสูงโปร่งเหมือนวัยรุ่นทั่วไป
หลังจากดูไปสักพัก ซ่งซีก็ปิดอัลบั้มรูป เธอลุกขึ้นยืน พร้อมถืออัลบั้มไว้ในมือ เตรียมจะเอาไปเก็บ
แต่พอเดินไปสองก้าว ดวงตาของซ่งซีก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะเปิดอัลบั้มขึ้นอีกครั้งอย่างร้อนรน สายตาของเธอจับจ้องไปที่รูปสุดท้าย
ในภาพนั้น มีสร้อยเชือกสีดำคล้องอยู่ที่คอของหานซาน บนจี้สร้อยเป็นเครื่องรางป้องกันภัยที่ตกแต่งด้วยดอกไม้คุณภาพดี ทั้งสองข้างของตะขอมีลูกปัดทองคำบริสุทธิ์หลายเม็ด
สร้อยเส้นนี้คุ้นตามากสำหรับซ่งซี เพราะมันกำลังนอนอยู่ในกล่องไม้ของเธอ และเธอเก็บมันไว้อย่างหวงแหนมาหลายปี!
ซ่งซีจ้องมองสร้อยเส้นนั้นด้วยสายตานิ่งค้าง น้ำตารื้นขึ้นในดวงตาที่สวยงามของเธอ
ขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าของหานซานก็ดังลงมาจากบันได
ซ่งซีรีบยัดอัลบั้มรูปกลับเข้าไปในตู้โทรทัศน์ เธอหันกลับไปยืน และเห็นหานซานกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง เขาแต่งตัวด้วยชุดดำล้วน—สูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีดำ ถุงมือหนังสีดำ และรองเท้าหนังสีดำ ทั้งหมดทำให้เขาดูเย็นชาและเคร่งขรึม
หานซานเห็นน้ำตาในดวงตาของซ่งซี จึงขมวดคิ้ว “เบบี้ซี่ เป็นอะไรไป?” หานซานรีบเดินมาหาซ่งซี ยกใบหน้าของเธอขึ้นมาพินิจพิเคราะห์
ซ่งซีแอบหยิกต้นขาตัวเอง ความเจ็บช่วยให้เธอตั้งสติได้ เธอยิ้มทั้งน้ำตา ดวงตาแดงเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้นิ้วเท้าไปเตะตู้โทรทัศน์ มันเจ็บน่ะ”
รองเท้าที่ซ่งซีใส่เป็นรองเท้าหนังแบนที่เนื้อนุ่มมาก หากไปเตะอะไรเข้าก็เจ็บได้ง่าย ๆ
หานซานเชื่อคำพูดของเธอ เขาก้มมองรองเท้าของซ่งซี เห็นว่ามันนิ่มเกินไป เขาพูดว่า “รอแป๊บ!” แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะกลับลงมาพร้อมกับรองเท้ากีฬาของซ่งซี
“ใส่นี่นะ เดี๋ยวเราต้องขึ้นบันไดหินบนภูเขาอีก ระวังจะเตะอะไรอีก”
“ค่ะ”
ซ่งซีก้มตัวเปลี่ยนรองเท้า ขณะที่หานซานเดินไปทางห้องครัว พอเห็นเขาหันหลังไป ซ่งซีจึงกล้าใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาออก