ตอนที่ 150
ตอนที่ 150
เทียนเสี่ยวหลิงพูดไม่ออก เมื่อได้ยินเทียนเต๋าพูดเช่นนั้น
ในฐานะนักธุรกิจ เธอรู้ดีว่าศาลาตัวดูดนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน ร้านเล็กๆ ของเธอจะไปบดขยี้ได้ยังไง
แค่ในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองนิรันดร์ก็ยังสู้ศาลาตัวดูดไม่ได้
แต่... เทียนเต๋าพูดไปแล้ว เธอก็ได้แต่ยอมสู้ไปกับเขา หรือแย่ที่สุดก็ปิดร้านหนีไป
ถึงแม้จะสู้ได้แค่วันเดียว แต่ก็ทำให้คนอื่นรู้ว่าคนในตระกูลเทียนไม่ได้ทรยศทั้งหมด
ถึงแม้ผู้นำตระกูลจะยอมคุกเข่า แต่ก็ยังมีคนที่ไม่ยอม!
“ตกลง! ฉันสนับสนุนนาย!” เทียนเสี่ยวหลิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
เทียนเต๋ายิ้ม “ถ้างั้นก็ฝากพี่หลิงช่วยสืบหน่อยนะครับว่าสินค้าหลักของศาลาตัวดูดคืออะไร และเมืองนิรันดร์ขาดแคลนอะไรมากที่สุด...”
“ยังต้องถามอีกเหรอ?” เทียนเสี่ยวหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “ก็อุปกรณ์ระดับสูงไง ของแบบนี้ขาดตลาดตลอดอยู่แล้ว!”
ถ้าศาลาตัวดูดอยากจะเข้ามาในเมืองนิรันดร์ อาวุธหลักของมันก็ต้องเป็นอุปกรณ์ระดับสูง
ตราบใดที่พวกเขาสุ่มอุปกรณ์ดีๆ ออกมาขาย พวกเขาก็ยึดตลาดในเมืองนิรันดร์ได้
“งั้นก็ช่วยลิสต์อุปกรณ์ระดับสูงที่ดรอปได้ให้หน่อยนะครับ”
เทียนเต๋าดูใจเย็น ไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องนี้
“ได้สิ” เทียนเสี่ยวหลิงรับปาก
“ว่าแต่ พี่หลิง พี่อยากได้อุปกรณ์อะไรเหรอครับ?” เทียนเต๋าครุ่นคิด “อุปกรณ์สำหรับจอมเวทย์ผู้หลอมก็คือคทากับชุดใช่ไหมครับ?”
“ใช่” เทียนเสี่ยวหลิงตอบ “แต่อุปกรณ์เฉพาะอาชีพมันหายากนะ ฉันใส่อุปกรณ์ธรรมดาๆ ก็ได้”
สำหรับอาชีพส่วนใหญ่ ตราบใดที่ค่าสถานะเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์เฉพาะอาชีพ
อย่างเช่น จอมเวทย์ต้องการพลังเวทมนตร์และจิตวิญญาณ ดังนั้น แค่ใส่อุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็พอแล้ว
หรือชาวนาและกรรมกรที่ต้องการพละกำลังและร่างกาย ก็แค่ใส่อุปกรณ์ที่เพิ่มค่าสถานะเหล่านี้ก็พอ
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่พี่จัดการได้ ผมจะหาชุดมาให้พี่อย่างแน่นอน”
เทียนเต๋าตบหน้าอกรับปาก
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เฉพาะอาชีพของผู้หลอมเท่านั้น เขายังอยากให้หลี่ชางหลินกับอู๋ซานมู่มีชุดเฉพาะอาชีพด้วย
แต่ด้วยพรสวรรค์ "อัตราดรอป 100%" การหาอุปกรณ์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
อู๋ซานมู่ที่เพิ่งเปลี่ยนอาชีพเป็น "พ่อครัว" ในฐานะพ่อครัวก็ต้องการอุปกรณ์ดีๆ
ส่วนหลี่ชางหลินที่สร้างเครื่องประดับ ถ้ามีชุดเฉพาะอาชีพก็คงเก่งขึ้นอีกเยอะ
เทียนเต๋าจึงกล่าวเสริม “ช่วยแยกประเภทชุดสำหรับแต่ละอาชีพให้ด้วยนะครับ”
“นายนี่ใช้งานฉันหนักจริงๆ” เทียนเสี่ยวหลิงบ่น แต่ก็พยักหน้าตกลง
“ได้เลย เดี๋ยวฉันจัดการให้”
เทียนเต๋าออกจากร้าน มุ่งหน้าไปยังสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ
ระหว่างทาง เขาก็โทรหาหลี่ชางหลิน ขอให้พาไปพบอาจารย์กู่
หลี่ชางหลินรับปากโดยไม่ถามอะไร
สิบนาทีต่อมา เทียนเต๋าก็ได้พบกับอาจารย์กู่แห่งสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ
“อาจารย์กู่” เทียนเต๋าโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“เธอเป็นเพื่อนของชางหลินสินะ?” อาจารย์กู่เงยหน้าขึ้นมอง
“ครับ พวกเราเคยเจอกันแล้ว”
“อ้อ ใช่ ฉันจำได้แล้ว” อาจารย์กู่พยักหน้า ยิ้ม “แล้วเธอมาหาฉันมีธุระอะไร? เกี่ยวกับการปรับแต่งคุณสมบัติหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ครับ คือเรื่องนี้”
เทียนเต๋าหยิบอุปกรณ์ "แปดเปื้อนลมหายใจแห่งรัตติกาล" ออกมาส่งให้อาจารย์กู่
เมื่อเห็นอุปกรณ์ชิ้นนี้ ลูกศิษย์ของอาจารย์กู่ก็สะดุ้ง ตกตะลึง
“ไปเอามาจากไหน?” อาจารย์กู่ถามเสียงดัง
เสียงดังจนนักเรียนและลูกศิษย์คนอื่นๆ ตกใจ หันมามอง
“ดรอปจากมอนสเตอร์ครับ” เทียนเต๋าตอบอย่างใจเย็น
“มอนสเตอร์ในรัตติกาลอันมืดมิด?”
“ครับ”
“เก่งมาก!” อาจารย์กู่ยกนิ้วโป้งให้ ยิ้ม “การได้อุปกรณ์ในรัตติกาลอันมืดมิดเนี่ย น่าทึ่งจริงๆ”
“แต่อาจารย์จะล้างมันยังไงครับ?” เทียนเต๋าไม่ได้สนใจคำชม เขาอยากรู้แค่ว่าอุปกรณ์พวกนี้จะใช้ได้ไหม ในช่องเก็บของของเขามีอุปกรณ์แบบนี้อยู่เพียบ
“ตอนนี้ยังล้างไม่ได้หรอก” อาจารย์กู่ถอนหายใจ “วัสดุที่ต้องใช้มันหายากมาก ทางสมาคมก็ไม่มีเก็บไว้ ต่อให้มี เธอก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี”
วัสดุทั้งหมดในสมาคมเป็นของสมาคม ยกเว้นคนในสมาคมที่สามารถนำไปใช้ทดลองได้ คนนอกจะใช้ไม่ได้ แม้แต่คนที่จ่ายเงิน
เทียนเต๋าเข้าใจ จึงเอ่ยว่า “อาจารย์กู่ ช่วยเขียนรายชื่อวัสดุให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? เดี๋ยวผมไปหาเอง”
“เธอจะหาเจอเหรอ?” อาจารย์กู่มองเขาอย่างประหลาดใจ
“ไม่ลองก็ไม่รู้สิครับ” เทียนเต๋ายิ้ม
“ก็ได้” อาจารย์กู่ยิ้ม “ฉันกลัวว่าเธอจะท้อซะก่อน ถ้าเห็นคุณสมบัติของมัน ถ้างั้นรอฉันแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันเขียนรายชื่อวัสดุให้”
อาจารย์กู่เดินเข้าไปในห้องทำงาน
สิบนาทีต่อมา อาจารย์กู่ก็เดินออกมาพร้อมกับกระดาษ A4 หนึ่งแผ่น ซึ่งเป็นรายชื่อวัสดุและวิธีใช้งาน
“เอาไป พอหาครบแล้วก็มาหาฉัน”
“ขอบคุณครับ อาจารย์กู่!” เทียนเต๋ารับรายชื่อพร้อมกับขอบคุณ
“ไม่เป็นไร ฉันก็อยากเห็นมันเหมือนกัน” อาจารย์กู่ยิ้ม “ของแบบนี้มันหายาก กว่าจะเจอสักอัน”
หลังจากออกจากสมาคมนักเล่นแร่แปรธาตุ ความตื่นเต้นของเทียนเต๋าก็ลดลง
เขาง่วง จึงกลับบ้านไปนอน
เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลา 18.25 น. ใกล้จะมืดแล้ว
เทียนเต๋านั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองท้องฟ้า แสงอาทิตย์ค่อยๆ ดับลง
เมฆดำปกคลุมดวงอาทิตย์
ไม่กี่นาที โลกก็ตกอยู่ในความมืด มืดสนิท
“ปัง!” ประตูบ้านถูกเปิดออก พ่อแม่ของเขากลับมาจากที่ทำงานแล้ว
ปันหยินประหลาดใจเมื่อเห็นเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“อาเต๋า ลูกกลับมาเร็วจัง? คืนนี้กินข้าวเย็นด้วยกันนะ”
“ครับ” เทียนเต๋าตอบตกลง
ตั้งแต่เปลี่ยนอาชีพ เขาก็ไม่ค่อยได้กินข้าวกับพ่อแม่
เพราะไม่มีเวลา บางทีก็ล่ามอนสเตอร์ในป่าทั้งวัน กลับมาก็ต้องทำอย่างอื่น
ไม่มีเวลากลับมากินข้าว ได้แต่กินอะไรง่ายๆ ข้างนอก
การได้กลับมากินข้าวพร้อมหน้า เป็นเรื่องพิเศษสุดๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารเย็นก็ถูกจัดวางบนโต๊ะ
เทียนเต๋ามองพ่อแม่ที่คอยตักกับข้าวให้ ก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้
การได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้า เป็นความสุขที่หาได้ยากจริงๆ