(อ่านฟรีชั่วคราว) บทที่ 1274 สั่นสะเทือนทั่วทั้งอาณาจักรโยว่
ในอาณาจักรโยว่ ประชากรมีจำนวนมากถึงสองแสนล้านคน หากต้องการให้ผู้คนจำนวนมากมายขนาดนี้หมดศรัทธาในราชวงศ์หรือเริ่มตั้งคำถามถึงการปกครองของพวกเขา ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในเวลาอันสั้น
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เหวินผิงตั้งใจจะทำ แต่เป้าหมายของเขาคือการทำให้กลุ่มคนบางส่วน โดยเฉพาะขุมกำลังระดับสี่ดาวขึ้นไป และบางส่วนของขุมกำลังระดับหกดาว เริ่มเกิดความคิดที่ไม่มั่นคงต่อราชวงศ์โยว่
เพียงแค่กลุ่มคนเหล่านี้เริ่มตั้งคำถาม อาณาจักรโยว่ซึ่งเปรียบเสมือนเรือยักษ์ที่แล่นมาเป็นเวลาหลายร้อยปีก็อาจเริ่มจมลง
เหวินผิงเชื่อมั่นว่า การล้มล้างอาณาจักรโยว่โดยไม่ใช้ความรุนแรงยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะจะสามารถหลีกเลี่ยงการเสียสละที่ไม่จำเป็น และแน่นอนว่าสำนักอมตะต้องไม่มีการสูญเสียผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป และแสงแรกของดวงอาทิตย์แทรกผ่านเมฆลงมาสู่พื้นดิน เหล่าราชันอสูรปีกซึ่งอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกเริ่มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมกับนำหนังสือพิมพ์อมตะไปยังเมืองต่าง ๆ ภายในเวลาไม่นาน แผงขายหนังสือพิมพ์อมตะเคลื่อนที่ก็เริ่มปรากฏขึ้นในเมืองต่าง ๆ
สำหรับเขตแดนกลางอันศักดิ์สิทธิ์ เหวินผิงได้สั่งห้ามไม่ให้มีการขายหนังสือพิมพ์อมตะ ดังนั้นเหล่าเทพอสูรจึงมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีขุมกำลังระดับหกดาวตั้งอยู่ รวมถึงเมืองหลักในเขตแดนกลางอันศักดิ์สิทธิ์ และจุดสำคัญอย่างเมืองหลวงของอาณาจักรโยว่
เมื่อเทพอสูรปีกเหล่านี้บินผ่านพื้นที่เป้าหมาย พวกเขาก็โปรยหนังสือพิมพ์อมตะลงมาจากฟากฟ้า หนังสือพิมพ์เหล่านี้ไม่ต่างจากหิมะในฤดูหนาว แต่กลับทำให้ขุมกำลังในเขตแดนกลางอันศักดิ์สิทธิ์รู้สึกเย็นเยียบจนถึงกระดูก
สำหรับผู้คนที่หลบหนีออกจากเมืองหลวงหรือราชวงศ์ที่ได้รับหนังสือพิมพ์อมตะ พวกเขาต่างเปลี่ยนสีหน้าด้วยความตกใจ ราวกับโลกถึงกาลอวสาน
“บรรพบุรุษอาวุโสเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่ว ถูกยอดฝีมือจากสำนักอมตะสังหารเมื่อคืนนี้… เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้จะเป็นความจริงได้อย่างไร?” ราชวงศ์ผู้หนึ่งคว้าหนังสือพิมพ์อมตะไว้อย่างสั่นเทา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังมองไปรอบ ๆ อย่างหวาดหวั่น
รอบตัวเขามีผู้ฝึกตนระดับสวรรค์ไร้ขอบเขต รวมถึงราชวงศ์ผู้สถาปนาตนสองคน ได้แก่ อ๋องเหอเป่ยและอ๋องเป้าล่วน
ทั้งสองต่างได้รับหนังสือพิมพ์อมตะ และยิ่งอ่านก็ยิ่งมีสีหน้าซับซ้อน
อ๋องเป้าล่วนซึ่งปกติแล้วเป็นคนใจร้อน กลับตกอยู่ในความเงียบงัน
ส่วนอ๋องเหอเป่ยผู้ที่มักจะเงียบขรึม กลับพึมพำกับตัวเองขณะอ่านหนังสือพิมพ์อมตะ “มันอาจไม่ใช่เรื่องจริง บรรพบุรุษอาวุโสทั้งสองท่านเข้าสู่ระดับครึ่งก้าวสู่หยวนหยางมานานหลายร้อยปี จะพ่ายแพ้ในคืนเดียวได้อย่างไร นี่อาจเป็นอีกหนึ่งแผนการของหอจิ้นจือ”
“ใช่ ใช่แล้ว!” อ๋องเป้าล่วนรีบพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อทั้งสองเอ่ยขึ้น ราชวงศ์คนอื่น ๆ ก็หันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าซับซ้อน และยอมเชื่อในคำพูดของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่อาจแบกรับผลกระทบจากการสูญเสียบรรพบุรุษอาวุโสทั้งสี่ท่านพร้อมกันได้
หลังจากสงบสติอารมณ์ ทุกคนก็เริ่มถอนตัวออกจากพื้นที่ต่อไป แต่ในขณะหลบหนี พวกเขากลับไม่ลืมที่จะคำรามและสาปแช่งสำนักอมตะและหอจิ้นจือ
“หากไม่ใช่เพราะแผนการของหอจิ้นจือ พวกคนจากหอปกฟ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าบรรพบุรุษอาวุโสออกจากภูเขาบรรพชน?”
ด้วยความคิดนี้ บางคนถึงกับเริ่มสงสัยว่าสำนักอมตะอาจเป็นส่วนหนึ่งของหอปกฟ้า และมีความคิดเป็นศัตรูกับราชวงศ์ตั้งแต่ต้น
“เจ้าสำนักอมตะและหอจิ้นจือต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก! หลังจากสงครามครั้งนี้จบลง ราชวงศ์โยว่จะระดมกำลังทั้งหมดเพื่อลบล้างพวกเขา!” ผู้หนึ่งโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่พวกเขาเห็นบ่อยจนชินชา แต่วันนี้คือวันที่รายนามสวรรค์จะได้รับการปรับปรุงใหม่
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้แม้แต่สวรรค์ไร้ใจยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ทว่าพวกเขาก็แค่มองผ่าน ๆ เพราะไม่มีใครสนใจเรื่องการจัดอันดับในขณะนี้
สวรรค์ไร้ใจยังคงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทั้งสี่โดยไม่อาจเสียสมาธิ ส่วนอู๋จิ้นเทียนเสวียนและพวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะรายนามสวรรค์สามารถดูเมื่อไรก็ได้ แต่โอกาสที่จะสังหารสวรรค์ไร้ใจนั้นหาได้ยากยิ่ง
สำหรับจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโยว่ ซึ่งตอนนี้ใกล้ถึงขีดจำกัดของพลัง เขาไม่แม้แต่จะกล้าชำเลืองมองฟ้า
ในขณะที่พวกเขาไม่มีเวลามอง รายชื่อใหม่ของรายนามสวรรค์ก็เผยให้เห็นอันดับสิบอันดับแรก
อันดับหนึ่ง ยังคงเป็นน่าหลานมู่หง ไม่ผิดคาด!
อันดับที่สองยังคงเป็นสวรรค์ไร้ใจ
แต่เมื่อถึงอันดับที่สาม การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
[รายนามสวรรค์อันดับสาม: เย่เยว่]
เย่เยว่ ซึ่งเดิมอยู่อันดับที่สี่ ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับที่สาม!
การเปลี่ยนแปลงอันดับของคนหนึ่งอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในรายนามสวรรค์หลังจากนี้กลับสร้างความตื่นตระหนกอย่างมาก
[รายนามสวรรค์อันดับสี่: อู๋จิ้นเทียนเสวียน]
[รายนามสวรรค์อันดับห้า: จั๋วเฟิงเฉิน]
[รายนามสวรรค์อันดับหก: หู่เจ๋อ]
หลังจากนั้น การจัดอันดับก็หยุดลง เหลือเพียงอันดับจากระดับสวรรค์ไร้ขอบเขตขึ้นไป
อันดับที่เจ็ด ไม่ใช่เหออิ๋วหยวนอีกต่อไป เพราะเขาได้เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีอะไรผิดปกติ?”
“ลองดูเองสิ! มีคนหายไปอีกแล้ว”
“ใครหายไป?”
เสียงสงสัยดังขึ้นไม่ขาดสาย หลายคนเงยหน้ามองรายนามสวรรค์บนฟ้า แม้แต่อ๋องเป้าล่วนและอ๋องเหอเป่ยก็อดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไป
และในขณะที่ทั้งสองแหงนมอง เสียงอุทานก็ดังขึ้นข้าง ๆ พวกเขา “บรรพบุรุษอาวุโสเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่วถูกถอดออกจากรายนามแล้ว!”
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนที่หลบหนีออกจากเมืองหลวงตกใจจนหน้าซีดเผือด
อ๋องเป้าล่วน อ๋องเหอเป่ย และราชวงศ์ที่เคยเชื่อว่าการตายของเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่วเป็นเพียงแผนการของหอจิ้นจือต่างเปลี่ยนสีหน้าไปทันที
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจพวกเขา
หรือว่าบรรพบุรุษอาวุโสทั้งสองถูกสังหารจริง ๆ โดยยอดฝีมือของสำนักอมตะ?
ในขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึงและสงสัย การต่อสู้บนฟ้าระหว่างฝ่ายหอปกฟ้ากับสวรรค์ไร้ใจและจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโยว่ก็ได้ยินเสียงอุทานดังเข้ามาในโสตประสาทของพวกเขาเช่นกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
อู๋จิ้นเทียนเสวียนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองรายนามสวรรค์ เมื่อเห็นรายชื่อสิบอันดับแรกอย่างชัดเจนและพบว่าไม่มีชื่อของเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่ว เขาก็ขมวดคิ้วแน่นทันที
หรือว่าสำนักอมตะไม่ได้ร่วมมือกับราชวงศ์โยว่จริง ๆ ?
หรือว่าทั้งสองถูกฆ่าตายจริง ๆ ?
เทียนเหยาเปี้ยน ซึ่งเคยอยู่ในอันดับที่สามของรายนามสวรรค์ และจื่อเยว่ลั่ว อันดับที่หก ทั้งคู่ไม่ได้มีพลังน้อยเลย
แม้เขาจะไม่ทราบว่าทั้งสองได้บ่มเพาะพลังหยวนหยางไว้มากเพียงใด แต่เมื่อพิจารณาจากอันดับในรายนามสวรรค์ ความสามารถในการฝึกฝน และระยะเวลาที่พวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งก้าวสู่หยวนหยาง พลังของพวกเขาย่อมไม่อ่อนแอ
ยอดฝีมือเบื้องหลังสำนักอมตะจะต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหน?
แม้เขาจะยังคงสงสัยในความจริงของเรื่องนี้ แต่เขาก็ตัดสินใจยอมรับชั่วคราวว่ามันเป็นความจริง
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น อู๋จิ้นเทียนเสวียนก็ไม่ได้แสดงความยินดีมากนัก เพราะหากสำนักอมตะมีผู้อยู่เบื้องหลังที่แข็งแกร่งเกินกว่าสวรรค์ไร้ใจ หรือแม้แต่น่าหลานมู่หง นั่นก็ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขาเช่นกัน
“สวรรค์ไร้ใจ เจ้าพ่ายแพ้แล้ว!” อู๋จิ้นเทียนเสวียนแสยะยิ้มอย่างจงใจเพื่อดูปฏิกิริยาของสวรรค์ไร้ใจ
แต่สวรรค์ไร้ใจกลับยิ้มโดยไม่ตอบอะไร
อู๋จิ้นเทียนเสวียนรู้สึกไม่สบายใจในทันที
หรือว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งแผนการ?
“จัดการสวรรค์ไร้ใจให้สิ้นซาก!” อู๋จิ้นเทียนเสวียนตัดสินใจไม่คิดมากและสั่งการอสูรทั้งสองตนพร้อมกับหู่เจ๋อทันที
“ขอรับ!”
“ขอรับ!”
“ขอรับ!”
ทั้งคนและอสูรตอบรับคำสั่ง และการโจมตีก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
แม้อู๋จิ้นเทียนเสวียนจะดูสงบสุขุม ราวกับไม่มีความกดดันใด ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดหลากหลายเหมือนใยแมงมุมที่ซับซ้อน
เขาเชื่อว่ารายนามสวรรค์เป็นเรื่องจริง! เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังสำนักอมตะนั้นมีความสามารถสังหารเจียงเหอซานและฟู่เทียนเสียได้ ก็ย่อมมีความสามารถที่จะสังหารเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่วเช่นกัน
หากประเมินอย่างระมัดระวัง ฝ่ายตรงข้ามอาจมีพลังเหนือกว่าเขา เพราะแม้เขาจะลงมือเต็มกำลังก็ยังไม่อาจสังหารทั้งสองในเวลาสั้น ๆ ได้
“ข้าควรหยุดพวกเขาไว้” สวรรค์ไร้ใจคิดในใจด้วยความเสียใจ แต่กลับไม่ได้รู้สึกตกใจจากการตายของทั้งสอง
ตราบใดที่มีเขาอยู่ อาณาจักรโยว่จะไม่ล่มสลาย!
การสูญเสียทั้งสองอาจทำให้เส้นทางการฝึกฝนของเขาเดียวดายขึ้น และแผนการบางอย่างอาจต้องหยุดชะงัก
เขาเคยจินตนาการถึงการเดินทางออกจากช่องเขาเฉาเทียนพร้อมกับทั้งสอง แต่ตอนนี้ความฝันนั้นดูเหมือนจะจางหายไป
ในขณะเดียวกัน เหวินผิงที่มองเห็นปฏิกิริยาของสวรรค์ไร้ใจผ่านศาลาทิงอี่ ซึ่งยังคงสงบนิ่งแม้จะได้ยินข่าวการตายของเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่ว ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
หรือว่าเขาจะคิดผิด?
ความสัมพันธ์ของทั้งสามเป็นเพียงเปลือกนอกที่ดูเหมือนใกล้ชิด แต่แท้จริงแล้วไม่มีความรู้สึกใด ๆ?
หรือบางที สวรรค์ไร้ใจอาจซ่อนความรู้สึกของตนเองไว้
เหวินผิงเอนเอียงไปทางความคิดหลังมากกว่า เพราะการบำเพ็ญเพียรร่วมกันเป็นเวลาหลายร้อยปี แม้แต่คนที่ใจไม้ไส้ระกำที่สุดก็น่าจะมีความรู้สึกบ้างเล็กน้อย
เมื่อเก็บความคิดเหล่านี้ไว้ เหวินผิงจึงหันไปมองภาพฉายอื่น ๆ บนกำแพงดำ
เมื่อเห็นราชวงศ์อาณาจักรโยว่และเหล่าผู้นำขุมกำลังต่าง ๆ ตกตะลึงกับข่าวการตายของเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่ว เขาก็ยิ้มอย่างพอใจ
นี่สิถึงจะถูกต้อง
ปฏิกิริยาปกติควรเป็นเช่นนี้
อย่าเลียนแบบสวรรค์ไร้ใจเลย ผู้เฒ่าผู้นี้ทั้งเจ้าเล่ห์และเยือกเย็น แม้แต่การสูญเสียสหายร่วมบำเพ็ญเพียรยังสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในขณะนั้น หินส่งเสียงเกิดการเคลื่อนไหวขึ้น เหวินผิงจึงเชื่อมต่อและได้ยินเสียงของเฉินเซี่ยดังขึ้นทันที
“ท่านเจ้าสำนัก ข่าวการตายของเทียนเหยาเปี้ยนและจื่อเยว่ลั่วโดยยอดฝีมือของสำนักเราได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรโยว่แล้ว นอกจากเขตแดนกลางอันศักดิ์สิทธิ์ เมืองใหญ่เล็กทั่วดินแดนล้วนรับรู้กันหมดแล้ว ขุมกำลังระดับหกดาวและราชวงศ์ในเขตแดนกลางก็ทราบข่าวนี้เช่นกัน ปฏิกิริยาของพวกเขาแตกต่างกันไป แต่ตั้งแต่ที่เห็นหนังสือพิมพ์อมตะและรายนามสวรรค์ ความรู้สึกเดียวที่มีต่อสำนักเราคือความเคารพและความหวาดกลัว!”
เฉินเซี่ยพูดด้วยความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ก้าวเดินเคียงข้างสำนักอมตะมาตั้งแต่ทะเลสาบเทียนตี้ มันเป็นเส้นทางที่เขาไม่เคยกล้าฝันถึงว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
เหวินผิงไม่ได้ตอบกลับในทันที เพราะเขาสังเกตเห็นอ๋องหลงหยางที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ดันทำถ้วยชาหก
“เจ้าสำนัก ข้าขอโทษ… ข้าแค่ตื่นเต้นเกินไป” อ๋องหลงหยางกล่าวด้วยความประหม่า
ในอดีต เขาเคยคิดว่าสำนักอมตะเป็นเพียงภูเขาลูกใหญ่ที่มีเส้นทางอีกยาวไกล แต่ใครจะรู้ว่าสำนักอมตะกลับเป็นท้องฟ้าที่อยู่สูงส่งมาตั้งแต่ต้น
เหวินผิงไม่ได้ตำหนิอ๋องหลงหยาง เขาเข้าใจสภาพจิตใจและความรู้สึกของอีกฝ่ายในตอนนี้ ก่อนจะหันไปพูดกับเฉินเซี่ยว่า
“ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับหอจิ้นจือแล้ว หอจิ้นจือจะได้ประโยชน์มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเจ้าในฐานะเจ้าหอ”
“ท่านเจ้าสำนักวางใจได้ หลังจากวันนี้ ข้ากล้ารับรองว่าขุมกำลังระดับหกดาวที่จะเข้าร่วมกับหอจิ้นจือจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และในเวลาไม่นาน หอจิ้นจือจะสามารถควบคุมครึ่งหนึ่งของอาณาจักรโยว่าได้อย่างแน่นอน!” เฉินเซี่ยตอบด้วยความมั่นใจ
“อืม”
เหวินผิงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม หลังจากตัดการติดต่อทางหินส่งเสียงแล้ว เขาก็พูดคุยกับอ๋องหลงหยางต่ออีกเล็กน้อย เมื่ออ๋องหลงหยางจากไป เขาจึงหันกลับไปหลอมพลังหยวนหยางและชมการต่อสู้อย่างสนุกสนาน
จักรพรรดิแห่งอาณาจักรโยว่ยังไม่ตายอีกหรือ?
จี่อี๋ เจ้ารีบตายเสียเถิด!
.
(จบตอน)