บทที่ 9 จักรพรรดิไท่คัง!
"ที่แท้ผู้อยู่เบื้องหลังคดีหนังสือต้องห้ามก็คือสำนักเซียนนี่เอง"
หลิงหมั่นซานกล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น
"หัวหน้าสำนักของพวกเขาอ้างตนว่าเป็นการกลับชาติมาเกิดของหยวนสื่อเทียนจวิน ลงมาจากสวรรค์เพื่อมอบตำแหน่งเทพ ผู้ที่ได้รับตำแหน่งเทพจะได้ขึ้นสวรรค์หลังความตาย"
"ชาวบ้านมากมายถูกพวกเขาหลอกลวง ร่วมกระทำความผิด แม้แต่ยอดฝีมือในยุทธภพก็ยังถูกชักจูงให้ก่อความวุ่นวาย"
"การจลาจลที่เมืองไท่โจวเมื่อไม่นานมานี้ก็เป็นฝีมือของสำนักเซียน พวกเขายังพูดว่าสวรรค์ตายแล้ว ต้องตั้งสวรรค์ใหม่ และจะโค่นล้มแผ่นดินแคว้นหลี่ของเรา"
นี่คือกลุ่มยุทธภพที่ก่อกบฏ และอันตรายยิ่งนัก!
เมื่อได้ฟังคำพูดของอาสอง หลิงเฟิงก็แค่นหัวเราะเยาะ---
"ดังนั้นที่พวกเขาใส่ร้ายฝ่าบาท ก็เพื่อทำลายความชอบธรรมในการครองราชย์ของพระองค์ เพื่อให้การกบฏของพวกเขาดูชอบธรรมขึ้น"
ในที่สุดคดีนี้ก็กระจ่างแจ้งแล้ว
"ติ๋ง!"
"ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของร่างที่สืบคดีหนังสือต้องห้ามสำเร็จ ได้รับค่าพลัง 1,500 แต้ม"
[ค่าพลัง]: 3,800
คืนนี้ได้รับค่าพลังทั้งหมด 3,800 แต้ม นับเป็นผลตอบแทนที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
"ระบบ ช่วยจัดสรรแต้มอย่างเหมาะสมให้ที"
หลิงเฟิงเอ่ยในใจ
เขาพบว่าการเพิ่มแต้มของตนเองมักไม่มีระบบ สู้ให้ระบบจัดการให้ไม่ได้
"ติ๋ง!"
"จากการพิจารณาทั้งจุดเบรกทรู และพลังในการต่อสู้ ระบบขอเสนอการจัดสรรดังนี้---"
"เฮ่าเทียนเซินกง 2,000 แต้ม ศิลปะดาบตระกูลหลิง 1,800 แต้ม"
เนื่องจากวิชาตัวเบาเพิ่งจะเบรกทรูไปไม่นาน จึงไม่จำเป็นต้องเร่งอัพเกรด
"งั้นก็ตามนี้"
หลิงเฟิงเห็นด้วย
"ติ๋ง!"
"ขอแสดงความยินดี วิชาเฮ่าเทียนเซินกงของท่านเพิ่มขึ้นสองระดับ เบรกทรูถึงชั้นสิบสอง"
"ติ๋ง!"
"ขอแสดงความยินดี ศิลปะดาบตระกูลหลิงของท่านเพิ่มขึ้นสี่ระดับ เบรกทรูถึงชั้นสิบเอ็ด"
"ติ๋ง!"
"ขอแสดงความยินดี ท่านเข้าใจอำนาจดาบขั้นที่สี่แล้ว!"
[เจ้าของร่าง]: หลิงเฟิง
[วิทยายุทธ์]: เฮ่าเทียนเซินกง (ชั้นสิบสอง), ศิลปะดาบตระกูลหลิง (ชั้นสิบเอ็ด), วรยุทธ์ใบไม้ร่วง (ชั้นสิบ)
[ระดับพลัง]: ยอดฝีมือขั้นก่อนสวรรค์ (51,847)
หน้าต่างแสดงสถานะใหม่ปรากฏขึ้นในจิตสำนึก
"โห!"
"อันดับเพิ่มขึ้นกว่าสี่หมื่นอันดับ!"
ครั้งนี้เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆ
หลิงเฟิงเองก็ประหลาดใจ มุมปากอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจ
"อาเฟิง คราวนี้เจ้าทำความดีความชอบใหญ่หลวง เมื่อกลับไปข้าจะจดบันทึกความดีของเจ้าไว้กับท่านผู้ตรวจการ"
หลิงหมั่นซานเดินมาตบไหล่หลานชาย
"เฮ่ๆ ขอบคุณอาสองขอรับ!"
หลิงเฟิงเกาศีรษะ รู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตนควรทำ
"อีกอย่าง วรยุทธ์ของเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าได้ไปเจออะไรมาหรือ?"
หลิงหมั่นซานถามด้วยความสงสัย
จินอี้เว่ยคนอื่นๆ ก็พากันเดินเข้ามาใกล้
พวกเขาต่างอยากรู้เช่นกัน
"อาสอง ตอนที่ข้าไปเมืองหย่งโจว ได้พบกับย่าแก่ผู้หนึ่ง รองเท้าของนางตกลงใต้สะพาน ข้าก็เลยลงไปเก็บให้ แต่แล้วนางก็ทำรองเท้าหล่นไปอีกฟาก ข้าก็ไปเก็บให้อีก สุดท้ายนางขอให้ข้าช่วยสวมรองเท้าให้ ข้าคิดว่านางอายุมากแล้ว สายตาอาจไม่ดี ก็เลยช่วยสวมให้"
"ใครจะคิดว่า ย่าแก่ผู้นั้นแท้จริงเป็นปรมาจารย์!"
"นางบอกว่า หนุ่มหล่อที่เคารพผู้เฒ่าเช่นข้านั้นหาได้ยากนัก จึงมอบวรยุทธ์สิบแปดปีให้ข้า ทั้งยังสั่งสอนวิชาให้อีกด้วย"
หลิงเฟิงแต่งเรื่องขึ้น โดยหยิบยืมเรื่องราวการเก็บรองเท้าของจางเหลียงจากชาติก่อน
ผู้คนที่ได้ยินต่างอิจฉาริษยา
"ย่าแก่ผู้นั้นมอบวรยุทธ์สิบแปดปีให้เจ้าเลยรึ?"
"น่าจะเป็นเหตุผลที่เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!"
"ดูท่าต่อไปหากข้าพบผู้เฒ่าตามถนน ก็ต้องขวนขวายช่วยเหลือบ้างแล้ว"
เหล่าจินอี้เว่ยต่างพากันสรรเสริญ
ยอดฝีมืออยู่ในหมู่ชาวบ้าน ปรมาจารย์ก็อยู่ในหมู่ชาวบ้านเช่นกัน!
"ถูกต้อง ต่อไปถ้าพบย่าแก่จะข้ามถนน พวกเจ้าก็แย่งกันช่วยเถอะ"
หลิงเฟิงพูดติดตลก
"ฮ่าๆๆๆ!"
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนาน
"พอเถอะ"
"แม้คดีจะแก้แล้ว แต่ยังต้องส่งผู้ร้ายไปคุกหลวง สอบสวน ลงนาม รวบรวมเป็นสำนวนก่อนจึงจะปิดคดีได้อย่างเป็นทางการ"
หลิงหมั่นซานตัดบท
ยังต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้ครบ
"ขอรับ หัวหน้า!"
ทุกคนคำนับ
......
ยามจื่อในคืนนั้น
หลิงหมั่นซานทำการสอบสวนหวังเสวียนและผู้ร้ายอื่นๆ ในคุกหลวง
ตอนแรกหวังเสวียนยังทำตัวแข็งกร้าว แต่พอโดนเฆี่ยนไม่กี่ที ก็ทนไม่ไหว รีบสารภาพราวกับสุนัขกระดิกหาง
รายละเอียดทั้งหมดของคดีจึงกระจ่างแจ้ง
หวังเสวียนไม่พอใจฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ปีที่แล้วบังเอิญได้เข้าร่วมสำนักเซียน
พวกกบฏในสำนักสั่งให้เขาเขียนหนังสือใส่ร้ายฮ่องเต้ เขาก็ตกลงด้วยความยินดี
จึงเกิดเป็นคดีหนังสือต้องห้ามในปีนี้!
หวังเสวียนรับผิดชอบเขียนเนื้อหา สำนักเซียนพิมพ์ในโรงพิมพ์ใต้ดินของหอวั่งเยว่ วันรุ่งขึ้นจัดให้ยอดฝีมือในสำนักนำไปแจกจ่าย ไม่มีใครล่วงรู้
หากหวังเสวียนไม่ได้ยกย่องบิดาของตนเองในหนังสือต้องห้ามมากเกินไป ก็คงไม่ถูกหลิงเฟิงจับได้ไล่
หลังสอบสวนเสร็จสิ้น
หวังเสวียนและพวกลงนามประทับตรา
หลิงหมั่นซานส่งสำนวนให้ท่านผู้ตรวจการ
ผู้ตรวจการส่งต่อให้ท่านผู้บัญชาการ
ผู้บัญชาการรีบเร่งเข้าวังในยามดึก!
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้เคยรับสั่งว่า เมื่อคดีหนังสือต้องห้ามแก้ได้แล้ว ให้รายงานโดยด่วน
ณ ห้องทรงอักษรในวังหลวง
ผู้บัญชาการเสิ่นต้างนำสำนวนถวายฮ่องเต้
จักรพรรดิไท่คังทอดพระเนตรสำนวน พระพักตร์เคร่งขรึม
จอมกษัตริย์แห่งแคว้นหลี่ผู้เด็ดขาดพระองค์นี้ เพียงขมวดพระขนงเบาๆ ก็แผ่บารมีน่าเกรงขามโดยไม่ต้องกริ้ว
"ที่แท้ก็เป็นบุตรของอ๋องหย่งที่ถูกถอดยศ เข้าร่วมสำนักเซียน คอยทำลายชื่อเสียงของเรา"
ดวงเนตรของจักรพรรดิไท่คังลึกล้ำเยือกเย็น ราวกับน้ำแข็งนับพันปี
เมื่อครั้งพระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ พระอนุชาคอยขัดขวาง ราชสำนักวุ่นวาย ทำให้พระองค์ต้องตัดสินพระทัยเด็ดขาด
เพื่อบ้านเมือง พระองค์กักขังเหล่าอ๋อง รวบอำนาจกลับคืน จึงทำให้แคว้นหลี่มีความสงบสุขมาสามสิบปี!
หลังจากนั้น พระองค์ยกทัพไปดินแดนตะวันตกและเหนือ ยึดได้สามสิบเจ็ดเมือง สร้างอาณาเขตที่กว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แคว้นหลี่
ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดิไท่คังจึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก!
ทำร้ายญาติพี่น้อง หมกมุ่นสงคราม คือข้อกล่าวหาสองประการ
แต่พระองค์ไม่เคยเสียพระทัย!
เพื่อสร้างรากฐานอันมั่นคงนับหมื่นปีให้แคว้นหลี่ จะสนใจคำครหานินทาที่ตามมาได้อย่างไร
"ฝ่าบาท คดีนี้มีหลักฐานชัดเจนแล้ว แต่พวกสำนักเซียนที่เหลือก็หนีรอดไปได้มาก"
ผู้บัญชาการเสิ่นต้างคำนับทูล
"สำนักเซียนเป็นภัยแอบแฝงของแคว้นหลี่ พวกมันชำนาญการหลอกล่อราษฎร บัดนี้มีผู้คนร่วมสำนักถึงสองแสนคน ครั้งนี้ถึงกับฝังรากลึกในเมืองหลวง ทำให้เราต้องตกใจตื่น"
"สั่งจินอี้เว่ย ตรวจค้นทั่วเมืองหลวงอย่างเข้มงวด ประกาศกฎอัยการศึก จับกุม ต้องถอนรากถอนโคนสายลับของสำนักเซียนให้หมดสิ้น!"
จักรพรรดิไท่คังรับสั่งเสียงเย็น
ที่นอนของตน จะยอมให้ผู้อื่นมานอนกรนได้อย่างไร!
ที่นี่คือเมืองหลวง ห้ามมีกบฏแม้แต่คนเดียว!
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"
ผู้บัญชาการเสิ่นต้างคำนับ
"อืม เจ้าทำงาน เราวางใจ"
"เราให้เวลาเจ้าเจ็ดวันในการสืบคดีหนังสือต้องห้าม เจ้าใช้เพียงสามวัน แสดงให้เห็นว่าจินอี้เว่ยที่เจ้านำทำงานมีประสิทธิภาพ ถูกใจเรายิ่งนัก"
จักรพรรดิไท่คังมีพระพักตร์นิ่งสงบ แต่วาจาเต็มไปด้วยความชื่นชม
พระองค์ให้เวลาผู้บัญชาการเสิ่นต้างเจ็ดวันในการสืบคดี
เสิ่นต้างให้เวลาผู้ใต้บังคับบัญชาห้าวัน
ผู้ตรวจการก็ให้เวลาหลิงหมั่นซานสามวัน
กดดันเป็นชั้นๆ จึงสร้างจินอี้เว่ยที่ไร้พ่ายขึ้นมาได้!
"ฝ่าบาทตรัสชมเกินไป ครั้งนี้เป็นเพราะพี่น้องในกรมตรวจการทุ่มเทกำลัง ปรารถนาจะจงรักภักดีต่อฝ่าบาท จึงอาสาทำงานล่วงเวลา ทำงานทั้งวันทั้งคืน จึงมีผลงานแก้คดีภายในสามวัน"
เสิ่นต้างยิ้มน้อยๆ
ไม่ถือเอาความดีความชอบ รู้จักประจบเอาใจ นี่คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจ
"เจ้าไม่ต้องถ่อมตน ความดีของเจ้า เราจดจำไว้ทั้งหมด"
"จินอี้เว่ยคนอื่นๆ ที่รับผิดชอบคดีนี้ ก็ต้องให้รางวัลใหญ่จึงจะเหมาะสม"
"อย่างเช่น...ผู้บังคับหมวดหลิงเฟิงที่เจ้ารายงานมา เด็กคนนี้มีความสามารถไม่น้อย หากขัดเกลาอีกหน่อย มีอนาคตไกล เจ้าควรใช้งานเขาให้มาก"
(จบบท)