บทที่ 50 ขอบเขตสี่ขั้นของวิชากระบี่
บทที่ 50 ขอบเขตสี่ขั้นของวิชากระบี่
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส!”
เมื่อเห็นว่าซูจี้เหนียนให้สุราหนึ่งขวดเต็มๆ หลี่เจี้ยนซินก็แทบจะร้องไห้ ท่านผู้อาวุโสช่างดีกับเขายิ่งนัก!
รีบเปิดขวด รินสุราให้ตัวเองเต็มแก้ว จากนั้นก็ดื่มเข้าไป รสชาติที่หอมหวานนั้นทำให้หลี่เจี้ยนซินรู้สึกเหมือนอยู่ในแดนสวรรค์ ร่างกายก็อบอุ่นขึ้น กินกุ้งเครย์ฟิชเผ็ดร้อนหนึ่งคำ ความรู้สึกนั้นทำให้หลี่เจี้ยนซินรู้สึกว่าหลายปีมานี้ ตนเองมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพูนพลัง กลับลืมที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร!
หลังจากดื่มไปคำใหญ่ หลี่เจี้ยนซินก็ไม่ได้ดื่มอีก เพราะเสียดาย
สุราที่อร่อยขนาดนี้ หากดื่มหมด ไม่ใช่ว่าสิ้นเปลืองหรอกหรือ?
ลองชิมสักครั้งก็พอแล้ว
“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโส มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับวิถีแห่งกระบี่?”
ในเวลานี้หลี่เจี้ยนซินก็หรี่ตามองไปที่ซูจี้เหนียน เขาอยากจะรู้ความคิดของซูจี้เหนียน ผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับวิถีแห่งกระบี่กันแน่?
ซูจี้เหนียนขมวดคิ้ว ข้าจะรู้เรื่องวิถีแห่งกระบี่ได้อย่างไร? ข้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา
“ข้าไม่เข้าใจวิถีแห่งกระบี่ ข้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดา”
ซูจี้เหนียนรู้สึกว่าไม่ควรหลอกลวงคนอื่น จะได้ไม่มีความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงบอกความจริงกับหลี่เจี้ยนซิน
หลี่เจี้ยนซินได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด ซูจี้เหนียนคิดว่าหลี่เจี้ยนซินเข้าใจความหมายของเขาแล้ว แต่ครู่หนึ่ง หลี่เจี้ยนซินก็เงยหน้าขึ้นมอง กล่าวว่า “ขอบเขตบ่มเพาะของท่านผู้อาวุโส ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตคืนสู่สามัญแล้วสินะ?”
ซูจี้เหนียน “…”
ข้าพูดตอนไหนเนี้ย?
“ขอท่านผู้อาวุโสชี้แนะ ข้าน้อยติดอยู่ที่ขอบเขตครึ่งก้าวปรมาจารย์มานานหลายปีแล้ว ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ หยุดอยู่กับที่ในวิถีแห่งกระบี่ ไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าควรจะเป็นเช่นไร?”
ในเวลานี้หลี่เจี้ยนซินก็พูดอย่างเคารพ
ซูจี้เหนียนอยากจะร้องไห้ เจ้ามาถามข้า ข้าจะรู้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นถึงครึ่งก้าวปรมาจารย์ มาถามคนธรรมดาอย่างข้า แม้แต่ร่างจริงของข้าก็ยังไม่สามารถปล่อยปราณยุทธ์ออกมานอกร่างกายได้เลย
ดังนั้นซูจี้เหนียนจึงไม่ได้สนใจหลี่เจี้ยนซิน
เขากินคอเป็ดอยู่คนเดียว
เมื่อเห็นว่าซูจี้เหนียนไม่สนใจตนเอง หลี่เจี้ยนซินก็ไม่ได้โกรธเลย ในแววตายังคงมีความจริงใจ ในความคิดของหลี่เจี้ยนซิน ผู้เชี่ยวชาญอย่างซูจี้เหนียนย่อมมีหลักการและความหยิ่งยโสของตนเอง จะยอมถ่ายทอดประสบการณ์ให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร?
“ข้าน้อยยินดีคารวะท่านผู้อาวุโสเป็นอาจารย์ หวังว่าท่านจะเมตตา”
หลี่เจี้ยนซินคุกเข่าลงคำนับ เรื่องนี้ทำให้ซูจี้เหนียนรู้สึกคาดไม่ถึง นี่มันอะไรกัน?
“เจ้าเป็นถึงบรรพชนของอาณาจักรหลิงเจี้ยน ทำไมถึงทำเช่นนี้?” ซูจี้เหนียนพูดอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่รู้ว่าจะสอนอะไรเจ้า เอาล่ะ เจ้าลุกขึ้นเถอะ ข้าจะพูดอะไรให้เจ้าฟัง หากเจ้าอยากฟัง ก็ฟัง หากไม่อยากฟัง ก็ถือว่าข้าพูดคนเดียวก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์”
หลี่เจี้ยนซินรีบลุกขึ้นยืน สิ่งที่ซูจี้เหนียนพูดต้องมีประโยชน์กับเขามากแน่ๆ
ซูจี้เหนียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาควรจะพูดอะไรดีนะ?
นึกถึงละครโทรทัศน์หรือนิยายแฟนตาซีที่เคยดูในชาติที่แล้ว ซูจี้เหนียนจึงตัดสินใจพูดอะไรออกไปสักอย่าง ยังไงมันก็ไม่ทำให้หลี่เจี้ยนซินฝึกฝนวิทยายุทธจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งได้หรอก หลี่เจี้ยนซินจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเขาอีก
“เจ้าถามข้าเรื่องวิถีแห่งกระบี่สินะ?”
ซูจี้เหนียนมองดูหลี่เจี้ยนซิน
“ขอรับ ศิษย์ฝึกฝนกระบี่มาตั้งแต่เด็ก หวังว่าจะสามารถใช้กระบี่เปิดเส้นทาง ก้าวเข้าสู่ขอบเขตมหาปรมาจารย์ ดังนั้นจึงหวังว่าท่านอาจารย์จะชี้แนะ”
หลี่เจี้ยนซินพูดอย่างจริงใจ
“ในความคิดของข้า วิถีแห่งกระบี่มีเพียงแค่สี่ขั้นเท่านั้น” ซูจี้เหนียนมองดูหลี่เจี้ยนซิน
“สี่ขั้น!?”
หลี่เจี้ยนซินอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เช่นนั้นในสายตาของท่านอาจารย์ ตอนนี้ศิษย์อยู่ในขั้นที่เท่าไหร่?”
“เจ้า?”
ซูจี้เหนียนมองดูหลี่เจี้ยนซิน หลี่เจี้ยนซินก็มองไปที่ซูจี้เหนียนด้วยความคาดหวัง ในความคิดของหลี่เจี้ยนซิน แม้ว่าขอบเขตวิถีแห่งกระบี่ของเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าอาจารย์ แต่อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขั้นที่สาม หรือไม่ก็ใกล้เคียงกับขั้นที่สี่แล้วใช่ไหม?
“เจ้าอยู่ในขั้นที่สอง”
ซูจี้เหนียนพยักหน้า
“หา?”
หลี่เจี้ยนซินตกตะลึง ตัวเขาอยู่ในขั้นที่สอง?
“ขอบเขตขั้นแรกของวิถีแห่งกระบี่ ในมือมีกระบี่ ในใจไม่มีกระบี่ นี่เป็นเพียงแค่ขอบเขตของผู้เริ่มต้นฝึกฝนกระบี่” ซูจี้เหนียนอธิบาย
หลี่เจี้ยนซินเข้าใจอย่างถ่องแท้ ในมือมีกระบี่ ในใจไม่มีกระบี่ เช่นนั้นกระบี่ก็เป็นเพียงแค่สิ่งของที่ไร้ชีวิต หากต้องการกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกคนต้องผ่านขั้นตอนนี้
หรือแม้แต่สามารถพูดได้ว่า คนส่วนใหญ่ล้วนหยุดอยู่ที่ขอบเขตนี้ กระบวนท่ากระบี่ไม่ได้อยู่ในใจ ไม่สามารถใช้พลังของกระบี่ได้อย่างเต็มที่
“ขอบเขตขั้นที่สอง”
เมื่อได้ยินซูจี้เหนียนพูดถึงขอบเขตขั้นที่สอง หลี่เจี้ยนซินก็ตั้งใจฟัง ขอบเขตวิชากระบี่ของเขาเป็นเช่นไร?
“ในมือมีกระบี่ ในใจก็มีกระบี่ กระบวนท่าแต่ละท่า ไม่ได้ยึดติดกับกระบวนท่า สามารถเข้าใจแก่นแท้ของวิถีแห่งกระบี่ กระบี่เคลื่อนไหวตามใจ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือแม้แต่สามารถพูดได้ว่าก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่มนุษย์กับกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว” ซูจี้เหนียนกล่าวอย่างช้าๆ
“ถูกต้อง!”
หลี่เจี้ยนซินยอมรับว่าตนเองอยู่ในขอบเขตนี้จริงๆ ในมือมีกระบี่ ในใจก็มีกระบี่ กระบี่เคลื่อนไหวตามใจนึก กระบวนท่าแต่ละท่าล้วนเคลื่อนไหวตามใจ วิชากระบี่เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไม่ใช่มือกระบี่ทั่วไปที่สามารถเทียบได้ หรือแม้แต่สามารถพูดได้ว่าเป็นมือกระบี่ระดับสูงสุดแล้ว ขอบเขตเช่นนี้เป็นเพียงแค่ขั้นที่สองเองหรอกหรือ?
เช่นนั้นวิชากระบี่ขั้นที่สามจะเป็นเช่นไร?
หัวใจของหลี่เจี้ยนซินสั่นเทา เขารู้สึกว่าขอบเขตขั้นที่สามนี้คือสิ่งที่เขาต้องการไล่ตาม ขอบเขตขั้นที่สามนี้ มันคือขอบเขตแบบไหนกันแน่?
“ขอบเขตขั้นที่สามนี้…”
ซูจี้เหนียนราวกับกำลังนึกถึงบางอย่าง จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “ขอบเขตขั้นที่สาม คือในมือไม่มีกระบี่ ในใจมีกระบี่”
“ในมือไม่มีกระบี่ ในใจมีกระบี่?”
หลี่เจี้ยนซินรู้สึกสับสน ทำไมในมือถึงไม่มีกระบี่?
ในมือไม่มีกระบี่ ในใจมีกระบี่ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?
“ไม่มีกระบี่ ก็ไม่จำเป็นต้องด้อยกว่ามีกระบี่ ที่เรียกว่าไม่มีกระบี่ ย่อมเหนือกว่ามีกระบี่ ก็คือเหตุผลนี้” ซูจี้เหนียนพูดกับหลี่เจี้ยนซิน “ไม่มีกระบี่ ก็คือไม่มีความปรารถนา สามารถควบคุมกระบี่ได้อย่างอิสระ นี่ก็เป็นขอบเขตหนึ่งเช่นกัน”
หลี่เจี้ยนซินฟังคำพูดของซูจี้เหนียน รู้สึกเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ได้ เขาครุ่นคิด
“ท่านอาจารย์ เช่นนั้นขอบเขตขั้นที่สี่ล่ะ? ขอบเขตขั้นที่สี่เป็นเช่นไร?”
ในเวลานี้หลี่เจี้ยนซินจ้องมองซูจี้เหนียน เขาอยากจะรู้ว่าขอบเขตสูงสุดนั้นเป็นเช่นไร? ท่านอาจารย์ของเขาคงจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตนั้นแล้วใช่ไหม?
“ในมือไม่มีกระบี่ ในใจก็ไม่มีกระบี่ นั่นคือขอบเขตขั้นสุดท้าย”
ซูจี้เหนียนพูดจบประโยคนี้ ก็ยกสุราขึ้นดื่มหนึ่งคำ
“ไม่มีกระบี่ จะฆ่าคนได้อย่างไร?”
หลี่เจี้ยนซินตกใจมาก
“ไม่มีกระบี่ ทำไมจะฆ่าคนไม่ได้?”
“ต้นไม้ใบหญ้า ก้อนหิน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสามารถเป็นกระบี่ได้ การฆ่าคน เป็นเพียงแค่ความคิดชั่วแวบเท่านั้น”