ตอนที่แล้วบทที่ 42 พบกับเทพและมาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44  ผลของการแย่งชิงร่าง

บทที่ 43 อุบายของเทพและมาร


บทที่ 43 อุบายของเทพและมาร

สิ้นเสียงพูด ก็มีเสียงดังสนั่น โลกทั้งใบราวกับจะดับสูญ!

ถ้ำถล่มลงมา!

“สำเร็จแล้ว!”

เทพและมารด้านนอกเมื่อได้ยินเสียงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะโห่ร้อง ในประตูแห่งหลัวนี้ วงเวทย์สังหารเทพมารสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และมันก็เพื่อเวลานี้ หากมีคนตายในวงเวทย์สังหารเทพมาร ราชาของพวกเขาก็สามารถใช้ศพนั้นฟื้นคืนชีพได้!

แม้ว่าวงเวทย์สังหารเทพมารจะแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาเชื่อว่ามันไม่สามารถทำลายผู้เชี่ยวชาญระดับมหาปรมาจารย์จนไม่เหลืออะไรเลย ตราบใดที่ยังมีศพเหลืออยู่ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษซาก ราชาของพวกเขาก็สามารถใช้ศพนี้ฟื้นคืนชีพได้อยู่ดี

“รีบไปหาศพ นำศพไปให้ราชา”

ในเวลานี้เทพและมารกลุ่มหนึ่งก็รีบพุ่งเข้าไป ขนย้ายเศษหินของถ้ำที่ถล่ม จากนั้นก็ต้องการหาศพของซูจี้เหนียน

พวกเขารอวันนี้มานานมากแล้ว!

ในขณะที่เทพและมารกำลังค้นหาอย่างขะมักเขม้น ก็มีเสียงเฉื่อยชาดังขึ้น “ทุกคน พยายามเข้านะ เจ้า ไปหาตรงนั้นดูสิ ว่ามีหรือเปล่า?”

“ใครกันที่ขี้เกียจไม่ทำงาน!?” เทพตนหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงนี้ก็พูดอย่างเกรี้ยวกราด “ถึงตอนนั้นจะไม่พาเจ้าออกไปด้วย!”

พูดจบ เทพตนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมอง แต่ในพริบตาถัดมา สีหน้าของเทพตนนั้นก็เปลี่ยนไป

คนอื่นๆ ก็มองไปยังต้นกำเนิดเสียงด้วยความสงสัย แต่เมื่อพวกเขาเห็นซูจี้เหนียนนั่งอยู่บนกองหิน พวกเขาก็ตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้น?

มนุษย์คนนี้ไม่ใช่ว่าควรจะตายในวงเวทย์สังหารเทพมารแล้วหรอกหรือ? ทำไมถึงไม่เป็นอะไรเลย?

“เป็นไปไม่ได้!”

เทพที่สวมชุดสีเขียวอ่อนที่คลานออกมาจากกองหิน เมื่อเห็นว่าซูจี้เหนียนไม่เป็นอะไรเลย เขาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง เขาเห็นกับตาว่าซูจี้เหนียนถูกวงเวทย์สังหารเทพมารทำร้าย ทำไมเขาถึงไม่เป็นอะไรล่ะ? ต้องรู้ก่อนว่า ไม่ต้องพูดถึงมหาปรมาจารย์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้แต่เทพและมารก็ยังต้านทานไม่อยู่!

ทันใดนั้น ความรู้สึกหวาดกลัวก็เกิดขึ้น พวกเขาพบว่ามนุษย์ตรงหน้านี้น่ากลัวมาก

ขอบเขตบ่มเพาะของคนผู้นี้ ย่อมไม่ใช่แค่มหาปรมาจารย์ใช่ไหม?

หรือว่าเขาได้ก้าวข้ามขอบเขตนั้นไปแล้ว ก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่สูงส่งกว่านี้?

“เกือบจะติดกับของพวกเจ้าแล้วสิ”

ในเวลานี้ซูจี้เหนียนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เมื่อซูจี้เหนียนลุกขึ้นยืน เทพและมารทั้งหมดก็นั่งลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว พวกเขากลัวจริงๆ ตอนนี้ขอบเขตบ่มเพาะของพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาเพียงเล็กน้อย พลังของพวกเขาลดลงมาก ในสายตาของพวกเขา ผู้เชี่ยวชาญอย่างซูจี้เหนียน แค่เป่าลมเบาๆ ก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว

“ขอใต้เท้าไว้ชีวิต!”

เทพและมารมากมายรีบคุกเข่าลง

ทุกคนต่างก้มลงคำนับ ร้องขอความเมตตา เทพที่สวมชุดสีเขียวอ่อนนั้นน้ำตาแทบไหล เพราะวงเวทย์สังหารเทพมารเป็นสิ่งที่เขาร่าย หากซูจี้เหนียนต้องการฆ่าคน คนแรกย่อมต้องเป็นเขา

ซูจี้เหนียนไม่ได้สนใจพวกเขา เพราะหากซูจี้เหนียนต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ มันค่อนข้างลำบาก เพราะเขาไม่มีวิธีฆ่าคน จะให้ใช้ยันต์เจวี๋ยหรอกหรือ? นั่นมันสิ้นเปลืองเกินไป

“สระเทพมารอยู่ที่ไหน? มงกุฎเผ่าพันธุ์หลัวอยู่ในสระเทพมารหรือไม่?”

ซูจี้เหนียนถาม

“อยู่ขอรับ อยู่!”

เทพที่สวมชุดสีเขียวอ่อนรีบกล่าว “ใต้เท้า ข้าน้อยจะพาท่านไปที่สระเทพมาร สมบัติอยู่ในสระเทพมาร ขอใต้เท้าอภัยให้พวกเราด้วย!”

“เจ้าบอกข้ามาว่ามันอยู่ที่ไหนก็พอแล้ว ข้าจะไปเอง” ซูจี้เหนียนมองดูพวกเขา “ส่วนการฆ่าพวกเจ้า ข้าไม่สนใจหรอก”

เมื่อได้ยินว่าซูจี้เหนียนไม่คิดจะฆ่าพวกเขา ในใจของพวกเขาก็รู้สึกโล่งใจและเศร้าหมอง ในตอนนั้นพวกเขาล้วนเป็นเทพและมารที่แสนยิ่งใหญ่ สะบัดมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกโล่งใจที่มนุษย์คนหนึ่งไม่ฆ่าพวกเขา

เฮ้อ.. นี่มันช่างเศร้ายิ่งนัก!

ซูจี้เหนียนบินไปตามทิศทางที่เทพสวมชุดสีเขียวอ่อนชี้

หลังจากซูจี้เหนียนจากไป เทพและมารทั้งหมดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในแววตาของพวกเขายังคงมีความหวาดกลัว เทพตนหนึ่งยิ้มอย่างขมขื่น “หากให้ราชาผู้ยิ่งใหญ่รู้ว่าพวกเราทำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ไม่สำเร็จ กลับต้องให้ท่านลงมือเอง เกรงว่าราชาผู้ยิ่งใหญ่จะต้องพิโรธแน่ๆ”

“ไม่มีทางเลือก คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป วงเวทย์สังหารเทพมารก็ทำอะไรเขาไม่ได้ มีเพียงราชาผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่สามารถลงมือได้!”

มารอีกตนหนึ่งยิ้มอย่างขมขื่น

“แม้ว่าผนึกของประตูแห่งหลัวจะสามารถสะกดข่มเทพและมารได้ แต่ราชาผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เทพและมารธรรมดา เส้นทางที่ราชาผู้ยิ่งใหญ่เลือก ไม่ใช่เส้นทางของเทพและมารทั่วไป ตราบใดที่มนุษย์คนนั้นกล้าแตะต้องมงกุฎเผ่าพันธุ์หลัว เขาก็จะถูกลงโทษ” เทพตนหนึ่งกล่าว “เผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านี้ต้องการหาสมบัติในประตูแห่งหลัว แต่ความโลภของพวกเขามันบดบังสัญญาณเตือนภัย มงกุฎเผ่าพันธุ์หลัวนั้นเป็นของดีก็จริง แต่มันเอาไว้สะกดข่มราชาเทพเชียวนะ!”

“โอกาสของพวกเรามาถึงแล้ว”

“ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวลว่าเขาไม่ได้มาหามงกุฎ ในเมื่อเขามาหามงกุฎ เช่นนั้นก็ง่ายดายแล้ว!”

ซูจี้เหนียนบินไปได้สักพัก เขาก็เห็นสระน้ำขนาดใหญ่ สระน้ำนี้แบ่งเป็นหยินกับหยาง ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด

ในขณะเดียวกัน ซูจี้เหนียนยังเห็นแสงสว่างระยิบระยับในสระน้ำ

“สมบัติ?”

ดวงตาของซูจี้เหนียนเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็พบสมบัติแล้ว

ซูจี้เหนียนไม่ลังเล เขากระโดดลงไปในสระเทพมารโดยตรง สระเทพมารนี้ใหญ่มาก และยังลึกมากอีกด้วย ซูจี้เหนียนเห็นสมบัติอย่างหนึ่งเปล่งแสงอยู่ข้างล่าง เมื่อซูจี้เหนียนมาถึงก้นสระ เขาก็พบว่ามีของมากมายอยู่ข้างล่าง มันถูกแช่แข็ง ราวกับว่าอุณหภูมิที่ก้นสระนี้ต่ำอย่างยิ่ง

“นั่นคือ…”

ในเวลานี้เอง ซูจี้เหนียนก็เห็นว่าแสงสว่างนั้นคือสิ่งใด เพราะไม่ไกลจากด้านหน้า มีเก้าอี้หินอยู่ตัวหนึ่ง บนเก้าอี้หินมีโครงกระดูกอยู่ร่างหนึ่ง กระดูกของโครงกระดูกนี้เป็นสีทอง แสงสว่างนั้นเปล่งออกมาจากโครงกระดูกนี้ ทำให้ซูจี้เหนียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ในเวลานี้ซูจี้เหนียนก็เห็นว่าบนหัวของโครงกระดูกมีมงกุฎอยู่!

“มงกุฎเผ่าพันธุ์หลัว”

ซูจี้เหนียนมั่นใจว่านี่คือมงกุฎเผ่าพันธุ์หลัว มงกุฎนี้สวยงามมาก ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์ เมื่อผู้คนเห็นมัน ก็อดไม่ได้ที่จะอยากสวมใส่มัน

ซูจี้เหนียนมั่นใจว่านี่คือสมบัติล้ำค่า!

“ในที่สุดก็พบเสียที!”

ซูจี้เหนียนเดินเข้าไปใกล้โดยตรง ถอดมงกุฎออกจากหัวของโครงกระดูกโดยไม่ลังเล

“มันเป็นของข้าแล้ว”

ซูจี้เหนียนดีใจมาก

แต่เมื่อมงกุฎถูกถอดออก ในดวงตาของโครงกระดูกที่เงียบสงบก็มีเปลวไฟปรากฏขึ้น โครงกระดูกนี้ราวกับมีชีวิตขึ้นมา

“เฮ้อ… ในที่สุด มันก็ถึงเวลาที่ข้ารอคอย”

เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นข้างหูของซูจี้เหนียน จากนั้นแสงสว่างก็วาบขึ้น ซูจี้เหนียนพบว่าตนเองมาอยู่ในสถานที่แปลกๆ!

ที่นี่ราวกับเป็นทะเลดาวที่วุ่นวาย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด