บทที่ 43 ปีศาจใหญ่ (ตอนต้น) (มีชี้แจง)
ที่ท่าเรือ เรือประมงนับร้อยลำเบียดชิดกัน ดูราวกับเกล็ดปลาที่ทอดยาวจากริมฝั่ง
กลางดึก ไม่มีใครออกเรือ
แหงนมองฟ้า ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีดวงดาว
วันนี้ท้องฟ้ามืดกว่าปกติ เป็นวันมีเมฆครึ้ม ในอากาศมีความชื้นสูงกว่าปกติมาก หนาวเย็นผิดปกติ
เหลียงฉวี่ได้แต่ภาวนาว่าก่อนเขากลับมาฝนจะไม่ตก
ลมพัดฝนตก ลมพัดฝนตก ฝนตกมักมีลมแรง ลมแรงคลื่นก็ใหญ่ตาม เรือก็พลิกคว่ำได้ง่าย ถ้าไม่มีคนคอยดูตอนลงน้ำ ยังอาจลอยไปได้
เรือสำปั้นไม่มีสมอเรือ การลงน้ำต้องอาศัยหินก้อนใหญ่ผูกเชือกเพื่อยึดตัวเรือ มีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ไม่มาก
ไม่มีทางเลือก ฝนตกเหลียงฉวี่ก็ต้องไป ปลาวิเศษอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ไปไม่ได้
ปลาวิเศษทั้งหมดที่เคยพบ ส่วนใหญ่มีพละกำลังเหนือกว่าปลาธรรมดา ว่ายน้ำเร็ว ถ้าปล่อยให้ดิ้นอาจฉีกแหได้ อาศัยแค่ "ป๋อหนึงตุ้น" และ "อาเฟย" คงจับยาก
ลมยังไม่แรงนัก คลื่นน้ำดันระลอกคลื่น เรือประมงที่ท่าเรือกระทบกันส่งเสียงทุ้ม
เหยียบหัวเรือทีละลำๆ เหลียงฉวี่กระโดดพรวด กระโจนขึ้นเรือสำปั้นเล็กของตน เรือสำปั้นทั้งลำจมลงฉับพลัน ซัดน้ำกระเซ็นเป็นวงกว้าง
"อาสุ่ย ทำไมตอนนี้ถึงออกไปจับปลา?" เสียงของหลินซงเปาดังมาจากริมฝั่ง แต่ฟ้ามืดเกินกว่าจะเห็นเงาคน
"ไม่ได้จับปลา ที่บ้านจะไม่มีข้าวกิน"
"ไม่มีข้าวกิน? งั้นมากินข้าวที่บ้านข้าไหม? คืนนี้น่าจะฝนตก ยังไงก็อย่าออกเรือดีกว่า"
"ไม่เป็นไร ลมคลื่นยิ่งแรงราคาปลายิ่งแพง!"
"งั้นเจ้าระวังตัวด้วย"
"ได้!"
เหลียงฉวี่แก้เชือกป่าน หยิบไม้ถ่อขึ้นมา ถ่อเรือแหวกผ่านเรือประมงที่ล้อมอยู่ ออกมาถึงผืนน้ำที่เปิดกว้าง รีบเปลี่ยนมาใช้ไม้พายพายไปยังจุดหมาย
ปลาวิเศษที่พบครั้งนี้ไม่ได้อยู่แถวบริเวณรากบัว เป็นผืนน้ำที่ไม่เคยไปมาก่อน
เหลียงฉวี่พายมาเกือบครึ่งชั่วยาม จึงมาถึง ไม้พายกระทบผิวน้ำ "ป๋อหนึงตุ้น" ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ บนหัวมัน "เฉวียนโถว" กำลังชนกับก้ามทั้งสองของตัวเอง ส่งเสียงกรอบแกรบ
"เฉวียนโถว" ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ "ป๋อหนึงตุ้น" กลับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว เหลียงฉวี่เห็นขนาดตัวของ "ป๋อหนึงตุ้น" ก็ยังตกใจ
เพียงผ่านไปหนึ่งวัน "ป๋อหนึงตุ้น" กลับโตจากเดิมสองเมตรสามเป็นเกือบสองเมตรเจ็ด ยาวขึ้นครึ่งเมตร!
แต่แรก "ป๋อหนึงตุ้น" มีความยาวแค่ไม่ถึงสองเมตร น้ำหนักก็แค่ราวสามสิบกิโลกรัม เบากว่าเหลียงฉวี่ด้วยซ้ำ ขี่บนตัวมันม้วนตัวตายก็ม้วนไม่ได้
ตอนนี้อย่างน้อยก็หกสิบกิโลกรัม เกือบเท่าตัว เหลียงฉวี่สงสัยว่าพลังงานที่เหลือจากร่างของปูประหลาดยังไม่ถูกย่อยหมด แน่นอนว่ายังคงออกฤทธิ์ต่อ "ป๋อหนึงตุ้น" ยังสามารถเติบโตต่อได้
ครั้งแรกที่พบ "ป๋อหนึงตุ้น" ถ้ามันมีขนาดแบบนี้ เหลียงฉวี่คงไม่มีทางควบคุมได้ คงดื่มน้ำพิษตายที่นั่นเลย
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะโชคชะตา
หากไม่ถูกควบคุม "ป๋อหนึงตุ้น" ในฐานะจระเข้ไท่หัว ขนาดตัวจะยากที่จะทะลุสองเมตร สองเมตรสองสามก็คือขีดจำกัดของสายพันธุ์แล้ว เว้นแต่จะกินยาวิเศษพิเศษ หรือมีโอกาสอื่น กลายเป็นปีศาจ
ไม่รู้ว่า "อาเฟย" โตเป็นอย่างไรบ้าง แต่จับปลาวิเศษก่อนแล้วค่อยว่ากัน
เหลียงฉวี่จมหินเพื่อยึดตัวเรือ ถอดเสื้อผ้า หยิบสวิงขึ้นมาแล้วกระโดดลงน้ำด้วยท่อนบนเปลือยเปล่า
ปลายเดือนสิบสอง เป็นช่วงกลางฤดูหนาว แม้เหลียงฉวี่จะฝึกฝนพลัง "ลิงน้ำเซ่อหลิง" มีพรสวรรค์ใกล้ชิดน้ำ ก็ยังรู้สึกหนาว คนธรรมดาถ้าลงน้ำคงหนาวจนตัวสั่น อยู่นานหน่อยอาจตายด้วยความหนาวก็ได้
ดีที่เหลียงฉวี่ที่ความเข้ากันได้เพิ่มขึ้นยังปรับตัวได้ "ป๋อหนึงตุ้น" เพราะการเติบโต ก็มีความต้านทานความหนาวระดับหนึ่ง กิจกรรมไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้ลดลงมาก รักษาสมดุลในระดับที่ลดลงเล็กน้อย
คนหนึ่งสัตว์สองตัวเร็วๆ ก็พบ "อาเฟย" ที่ซ่อนอยู่ใต้โคลน
"อาเฟย" เติบโตรวดเร็วยิ่งกว่า ความยาวทะลุขีดสามเมตร ถึงสามเมตรหนึ่งสอง ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า น้ำหนักแน่นอนว่าเกินร้อยกิโลกรัม
เพียงแต่ ดูเหมือนมันจะยังปรับตัวกับขนาดที่โตขึ้นไม่ได้ มุดลงในทรายโคลนลึกเท่าเดิม หลังสีเขียวทั้งหมดโผล่พ้นน้ำ ไม่มีผลในการพรางตัวเลย อย่าว่าแต่เหลียงฉวี่ที่อาศัยการเชื่อมโยงจิตค้นพบได้ง่ายๆ แค่ปลาธรรมดาก็ทำได้!
ฉลาดขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น
เหลียงฉวี่ตบหลัง "อาเฟย" มันยังไม่รู้สึกว่าผิดปกติ กลับชี้ทางไปหาปลาวิเศษอย่างร่าเริง
เด็กคนนี้ ค่อยๆ สอนไปแล้วกัน
ว่ายน้ำไปข้างหน้าเงียบๆ อีกไม่กี่เมตร เหลียงฉวี่รู้สึกถึงปลาวิเศษที่อาเฟยพูดถึง เป็นปลากะพงเลือดแดงตัวใหญ่พิเศษ หนักราวเจ็ดแปดชั่ง
ปลากะพงเลือดแดงกับปลาหัวลายเป็นปลาวิเศษที่พบบ่อยที่สุดในเขตน้ำตื้นแถวท่าเรือซางเหยาสินะ?
เหลียงฉวี่ถูมือ ไม่ต้องให้ "อาเฟย" กับ "ป๋อหนึงตุ้น" ช่วย เข้าใกล้ปลาวิเศษคนเดียว ยื่นห้านิ้วไปทางปลากะพงเลือดแดง แล้วกำแน่นทันที
ปลากะพงเลือดแดงที่กำลังหมอบอยู่ในโคลนรู้สึกทันทีว่ารอบตัวเหนียวหนืดผิดปกติ ราวกับโคลนที่แข็งตัว มันพยายามดิ้น แต่เคลื่อนไหวช้าผิดปกติ ได้แต่จ้องมองตัวเองถูกเกี่ยวเหงือก ถูกดึงออกจากโคลน ยัดเข้าไปในสวิง
เหลียงฉวี่บิดปากสวิงหนึ่งรอบ อุ้มปลากะพงเลือดแดงว่ายขึ้นผิวน้ำ กลับขึ้นเรือสำปั้นแล้วโยนลงไปในลอบปลา ปิดฝา
ทุกอย่างราบรื่น
ฝนเริ่มตกจากท้องฟ้า หยดน้ำแตกกระจายบนผิวน้ำ กระเซ็นเป็นหมอกสีเทาบางๆ
เทียบกับความเย็นของน้ำ พรสวรรค์ใกล้ชิดน้ำทำให้เหลียงฉวี่กลัวความเย็นของลมมากกว่า จึงไม่สวมเสื้อผ้า ยัดเสื้อนวมเข้าไปในช่องกั้น
ฝนตกหนัก ยอดคลื่นสูงกว่าหนึ่งฉื่อ ซัดมาแทบจะเข้าเรือสำปั้น เรือทั้งลำโคลงเคลงอย่างรุนแรง
เหลียงฉวี่หยิบมีดหินออกมาอย่างรวดเร็วผ่าท้องปลา เอากระดูกและเศษชิ้นส่วนให้สัตว์ทั้งสามกิน
"ป๋อหนึงตุ้น" กับ "อาเฟย" อ้าปากกว้างกินส่วนของตัวเองหมดในคำเดียว เหลือแต่ "เฉวียนโถว" ที่ใช้ก้ามคีบไส้ปลาเส้นหนึ่ง ค่อยๆ ดูดกินเหมือนกินเส้นก๋วยเตี๋ยว มันยืนบนหัวของ "ป๋อหนึงตุ้น" ได้มั่นคง ไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมเลย
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
มองไปรอบด้าน เห็นแต่ฟองน้ำที่แตกกระจาย หายใจเข้าก็มีแต่ไอน้ำหนาทึบ ราวกับเหลียงฉวี่ไม่ได้ขึ้นจากน้ำ ยังคงอยู่ใต้น้ำ
แม้แต่หินถ่วงเรือก็แทบกดไว้ไม่อยู่ เรือสำปั้นค่อยๆ ลอยไปทิศทางอื่นทีละน้อย
เหลียงฉวี่เดิมยังอยากฝึกความสามารถที่เพิ่มขึ้นหลังจากความเข้ากันได้พุ่งสูงขึ้นใต้น้ำ ดูตอนนี้คงล้มเหลวไม่เป็นท่า
"ป๋อหนึงตุ้น กับเฉวียนโถว กลับไปก่อน ช่วยข้าดูแลแปลงบัวให้ดี อย่าให้ปลาอะไรมาขโมยกินอีก อาเฟย เจ้านำทางข้างหน้า"
สัตว์สองตัวได้รับคำสั่งก็หายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่ "อาเฟย" ว่ายไปทางท่าเรือ เหลียงฉวี่ตามหลังพยายามพายเรือสุดแรง
ฝนใหญ่ทำให้ทุกอย่างรอบด้างกลายเป็นความมืดมัว เหลียงฉวี่แยกไม่ออกเลยว่าทิศไหนคือท่าเรือ
ชาติก่อนดูไลฟ์สตรีมเอาชีวิตรอดในป่าของเทพพิฆเนศมามาก แต่เหลียงฉวี่ก็ไม่ได้เรียนรู้ความสามารถทั้งหมด ได้แต่พึ่งพา "อาเฟย" นำทาง
น้ำฝนไหลลงตามแผ่นหลังของเหลียงฉวี่ ผมเปียกชุ่มไปหมด หยดน้ำไหลลงมารวมตัวเป็นสายที่คาง
สายฟ้าแลบในก้อนเมฆ เสียงฟ้าร้องทุ้มต่ำ
เหลียงฉวี่พายเรืออย่างสุดแรง จู่ๆ ความรู้สึกประหลาดก็ปกคลุมในใจ เขาเช็ดน้ำบนใบหน้า มองไปรอบๆ อย่างงุนงง ไม่พบอะไรเลย
เขาถามอาเฟยผ่านการเชื่อมโยงจิต อาเฟยไม่มีปฏิกิริยา ราวกับความรู้สึกเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
ท้องฟ้าดำมืดดั่งหมึก เม็ดฝนตกหนาแน่นราวกับชนกันแตกกระจายกลางอากาศ บางครั้งมีแสงฟ้าผ่าลงมาตรงๆ สู่พื้น ส่องสว่างท้องฟ้าชั่วครู่
เหลียงฉวี่ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ไม่กล้าขยับอีก
สายฟ้าแตกกิ่งก้านแลบในก้อนเมฆแล้วดับหาย หูได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น
เหลียงฉวี่ปิดหู ม่านตาของเขาถูกสายฟ้าตัดเป็นสองส่วน
เงาดำขนาดมหึมาที่ไม่น่าเชื่อจู่ๆ ก็ปรากฏ บดบังสายฟ้าสีฟ้าขาว ม่านตาสีเงินวาวดับลงอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นเหลียงฉวี่สงสัยว่าตัวเองเห็นภาพหลอน
(จบบท)
สวัสดีค่า หนิงหนิง นะคะ 🍎
อันนี้ขอมาสรุปสัตว์แต่ละตัวที่พระเอกเลี้ยงพร้อมชื่อเรียกใหม่🥰
不能动 เดิม จระเข้ “ขยับไม่ได้” เรียก “ป๋อหนึงตุ้น”
พบครั้งแรกในฐานะจระเข้ที่พระเอกจับได้และกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ (ตอนที่ 3)
肥鲶鱼 เดิม ปลาดุกยักษ์ “ปลาอ้วน” เรียก “อาเฟย”
ถูกพบในน้ำและเริ่มเข้าร่วมการล่าปลาสมบัติพร้อมพระเอก (ตอนที่ 4)
拳头 เดิม ปู “กำปั้น” เรียก “เฉวียนโถว”
เป็นลูกปูที่เกิดจากไข่ของ "ปูยักษ์" ที่พระเอกจัดการและเลี้ยงไว้ในเวลาต่อมา (ตอนที่ 31)