ตอนที่แล้วบทที่ 17 สิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการล้มเหลว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 โดนแล้ว

บทที่ 18 เกมโยนห่วง


บทที่ 18 เกมโยนห่วง

ความยาวของสิ่งนี้ประมาณสามเมตรกว่าๆ เกือบสี่เมตร กำแล้วรู้สึกดีมาก ลองเหวี่ยงดูสองสามที รู้สึกว่าใช้ถนัดมือ เหมือนหอกรูปทรงแปลกๆ น้ำหนักก็ไม่ได้มาก แค่ประมาณเจ็ดถึงแปดกิโลกรัม เบากว่าที่คิดไว้เยอะ

สำหรับคนทั่วไปแล้ว การเหวี่ยงของหนักเจ็ดถึงแปดกิโลกรัมถือว่าใช้แรงมาก โชคดีที่หลินเซินใช้ยาระดับวิวัฒนาการเสริมสร้างร่างกายมาโดยตลอด ถึงจะยังไม่ได้วิวัฒนาการ แต่พละกำลังก็เหนือกว่าคนทั่วไป การเหวี่ยงของสิ่งนี้จึงไม่ใช่ปัญหา

“ลุงชาง ขอยืมของชิ้นนี้หน่อยนะครับ” หลินเซินมองชางหยุนแล้วพูด

“ได้ เซ็นชื่อแล้วก็เอาไปเถอะ” ชางหยุนตอบตกลงอย่างง่ายดาย

“ให้ผมเอาไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?” หลินเซินไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ต้องถามย้ำอีกครั้ง ของชิ้นนี้เป็นวัสดุกึ่งคริสตัล มูลค่าสูงมากไม่ใช่เหรอ?

ชางหยุนยิ้ม “ฐานของเราไม่มีอุปกรณ์ที่หลอมวัสดุแบบนี้ได้ ถึงเอาไปก็ไม่มีประโยชน์ เดี๋ยวก็ต้องเอามาคืนอยู่ดี”

“งั้นผมเอาไปนะครับ” หลินเซินเซ็นชื่อแล้วเอาของสิ่งนั้นออกมา

ระหว่างทางกลับบ้าน หลินเซินก็ยังคิดอยู่ว่าจะไปดูโกดังของตระกูลฉีกับหวังดีไหม แต่ก็นึกข้ออ้างไม่ออก แถมพวกเขาก็คงไม่ให้คนตระกูลหลินเข้าไปในโกดังหรอก

“ได้ของสิ่งนี้มาก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะมีประกายอะไรให้ฉันนะ” หลินเซินแทบจะอดใจรอไม่ไหว อยากกลับบ้านไปนอนกอดมัน

ตอนที่เดินผ่านหน้าร้าน ก็เห็นคนเยอะๆ มุงดูอะไรบางอย่างอยู่ที่ลานว่างข้างๆ ร้านไข่สีรุ้งของฉีเทียนฝู

หลินเซินไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน อยากรีบกลับบ้าน แต่กลับเห็นฉีเทียนฝูอยู่ในกลุ่มคนด้วย กำลังบ่นพึมพำ ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี

“ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น?” หลินเซินเดินไปที่หน้าร้าน เห็นจ้าวลี่ยืนอยู่ที่หน้าประตู มองไปทางนั้น จึงถามขึ้น

“พี่ห้า มีคนมาตั้งแผงโยนห่วงข้างๆ ร้านไข่สีรุ้ง แย่งลูกค้าของฉีเทียนฝูไปเยอะเลย ไอ้อ้วนนั่นโมโหแทบตาย” จ้าวลี่พูดพร้อมรอยยิ้ม

“โยนห่วง?” หลินเซินประหลาดใจเล็กน้อย

เกมโยนห่วงข้างทางแบบนี้เขาก็รู้จัก หาที่ว่างๆ มาวางรางวัลต่างๆ คนที่อยากเล่นก็จ่ายเงินซื้อห่วงพลาสติก ยืนในตำแหน่งที่คนขายกำหนด แล้วโยนห่วงพลาสติก ถ้าห่วงคล้องรางวัลได้ ก็จะได้รางวัลนั้นไป

เกมข้างทางแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ตามตลาดนัดก็มีเยอะแยะ มีคนขายที่เอามาไข่กลายพันธุ์เป็นรางวัลด้วย ไม่ใช่เรื่องที่หลินเซินจะประหลาดใจ

แต่สิ่งที่ทำให้หลินเซินประหลาดใจคือ มีคนกล้ามาตั้งแผงข้างๆ ร้านของฉีเทียนฝู .. คนขายนี่ใจกล้ามาก

ที่แปลกคือ ด้วยนิสัยของฉีเทียนฝู ทำไมถึงไม่พังแผงของคนขายไป?

แถมแค่แผงโยนห่วง ทำไมถึงมีคนมาเล่นเยอะขนาดนี้ ใช่ว่าทุกคนจะไม่เคยเล่นเกมโยนห่วงมาก่อนซะหน่อย

หลินเซินรู้สึกอยากรู้อยากเห็น จึงเก็บศพของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ไว้ในห้องเก็บของ แล้วเดินออกไปดู

พอได้เห็น เขาก็ยิ่งประหลาดใจ

มันเป็นแผงโยนห่วงจริงๆ แต่มีรางวัลแค่ชิ้นเดียว

มีคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ บนหัวมีไข่กลายพันธุ์วางอยู่ นั่นคือรางวัลเดียวของแผงโยนห่วงนี้

คนที่ซื้อห่วงพลาสติกมายืนอยู่นอกเส้นที่คนขายขึงไว้ ยื่นมือโยนห่วงไปที่ไข่กลายพันธุ์บนหัวของคนๆ นั้น หวังว่าจะคล้องไข่กลายพันธุ์ได้

มีอย่างน้อยเจ็ดแปดคนที่กำลังโยนห่วงอยู่ ถึงระยะห่างจะแค่สี่ถึงห้าเมตร แต่ก็ไม่มีใครคล้องไข่กลายพันธุ์บนหัวของคนๆ นั้นได้เลย

บางคนโยนห่วงในมือหมดแล้ว ก็รีบจ่ายเงินใส่กล่องที่คนขายวางไว้ แล้วหยิบห่วงไปโยนต่อ

หลินเซินเห็นป้ายที่เขียนว่า "ห่วงละ 10 หยวน" ราคาไม่น้อยเลย

แต่ที่คนยอมจ่ายเงินเล่นกันเยอะขนาดนี้ เพราะไข่กลายพันธุ์บนหัวของคนๆ นั้นเป็นไข่ระดับเหล็กผสม

ถึงจะเป็นไข่ระดับเหล็กผสมที่ค่าสถานะไม่ดี แต่ก็ขายได้ราคาหลักหมื่น เมื่อเทียบกันแล้ว เงินแค่นี้ก็ไม่ถือว่ามาก

ในบรรดาคนที่กำลังโยนห่วงอยู่นั้น มีฉีเทียนฝูอยู่ด้วย เขากำลังบ่นพึมพำไปด้วย โยนห่วงไปด้วย แต่ก็คล้องไม่ได้ ทุกครั้งก็เกือบจะได้

สิ่งที่ทำให้หลินเซินประหลาดใจจริงๆ ไม่ใช่เรื่องพวกนี้ แต่เป็นคนขายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มีไข่วางอยู่บนหัว คนๆ นั้นก็คือเว่ยหวู่ฟู่ ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นในการประชุมคัดเลือก

ผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กผสม ถ้าอยากหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ก็ง่ายมาก แค่ไปล่าสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้า ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายมาก แถมยังได้เงิน ดีกว่ามานั่งตั้งแผงหาเงินแบบนี้เยอะ

อีกอย่าง แค่เขาเข้าร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขาก็จะได้เงินเดือนไม่ต่ำกว่าหลักหมื่นต่อเดือน

คนแบบนี้มานั่งตั้งแผงขายของข้างทาง เขาคิดอะไรอยู่นะ?

ฉีเทียนฝูไม่ได้ไปร่วมประชุมคัดเลือก เขาไม่รู้จักเว่ยหวู่ฟู่ จึงได้แต่บ่นพึมพำไปด้วย โยนห่วงไปด้วย

ถ้าเขารู้ว่าเว่ยหวู่ฟู่เป็นผู้วิวัฒนาการระดับเหล็กผสม เขาคงวางตัวดีกว่านี้

ยิ่งดูหลินเซินก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ

การใช้ห่วงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยี่สิบเซนติเมตร โยนให้คล้องเป้าหมายในระยะสี่ถึงห้าเมตร ถือว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป

ความแม่นยำไม่ได้เกี่ยวกับพละกำลังมากนัก อย่างแรกคือต้องฝึกฝน ฝึกฝนบ่อยๆ ก็จะชำนาญขึ้น ความแม่นยำก็จะมากขึ้น

อย่างที่สองคือพรสวรรค์ ถ้าอยากให้แม่น แค่ฝึกฝนก็พอแล้ว แต่ถ้าอยากแม่นมากๆ ต้องอาศัยพรสวรรค์ด้วย

การโยนห่วงในระยะใกล้แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องแม่นมาก แค่ฝึกฝนเล็กน้อย โยนหลายๆ ครั้ง ก็น่าจะโดนสักครั้ง

แต่หลินเซินยืนดูอยู่พักหนึ่ง พวกนั้นโยนไปร้อยกว่าห่วงแล้ว ก็ยังไม่มีใครโดนเลย ทุกครั้งแค่เกือบจะได้

แค่ฉีเทียนฝูคนเดียว ตอนนี้ก็โยนไปอย่างน้อยยี่สิบห่วงแล้ว มีอยู่หลายครั้งที่ห่วงคล้องไข่กลายพันธุ์ได้ แต่ก็กระเด้งออกมา ทำให้ฉีเทียนฝูโมโหปาห่วงในมือทิ้ง

ตอนที่หลินอิ่นพาหลินเซินไปเที่ยวตลาดนัด หลินเซินก็เสียเงินเล่นเกมโยนห่วงเยอะมาก แต่ไม่ค่อยจะโดน

หลังจากนั้นเขาเลยขอให้พี่รองซื้อห่วงมาให้ แล้วก็ฝึกอยู่ที่บ้าน ไม่กี่วันเขาก็โยนโดนแปดถึงเก้าในสิบครั้ง

พอหลินเซินไปเล่นโยนห่วงที่ตลาดนัดอีกครั้ง คนขายแทบจะร้องไห้

แต่พอโยนแล้วลงห่วงบ่อยๆ หลินเซินก็รู้สึกว่ามันไม่สนุก เลยไม่ค่อยได้เล่นอีก

หลินเซินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ดูอยู่พักหนึ่งก็รู้ว่าต้องมีปัญหาแน่ๆ ปกติก็น่าจะมีคนโยนโดนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครโดนเลย

“เว่ยหวู่ฟู่นี่ก็นะ อยากได้เงินก็ไปปล้นเอาดื้อๆ เลยสิ ทำแบบนี้ทำไม” หลินเซินคิดในใจ

“บ้าเอ๊ย! แกโกงใช่มั้ย?” ฉีเทียนฝูซื้อห่วงมาอีกยี่สิบห่วง แต่ก็ยังโยนไม่โดน มีหลายครั้งที่เกือบจะโดนแล้ว แต่ก็กระเด้งออกมา ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว ชี้หน้าด่าเว่ยหวู่ฟู่

“ฝีมือกากเอง แถมดวงซวย ตอนนี้ยังไม่มีมารยาทอีก” มีโอกาสได้หัวเราะเยาะฉีเทียนฝู หลินเซินจะพลาดได้ยังไง

ฉีเทียนฝูหันไปเห็นหลินเซิน กำลังจะด่า แต่เหมือนนึกอะไร

ฉีเทียนฝูหันไปเห็นหลินเซิน กำลังจะอ้าปากด่า แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ กลืนคำด่ากลับไป จ้องหลินเซินแล้วพูดจาถากถางว่า “ในเมื่อคุณชายรองฝีมือดี ดวงก็ดี ถ้าแน่จริงก็โยนให้โดนให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าแกโยนโดน ฉันจะเรียกแกกว่าท่านปู่ทุกวันเลยเอ้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด