บทที่ 140: รอร์ชาค: ความหวังเดียวที่จะช่วยมิวแทนท์

มิวแทนท์ทุกคนถูกความบ้าคลั่งของแม็กนีโตกระตุ้น

แม้แต่แบล็งคิง เซบาสเตียน ชอว์ คนที่สุดโต่งเหมือนเอริคและวางแผนจะกำจัดมนุษยชาติทั้งหมด ก็ยังพัฒนาแผนอย่างลับๆ

เขาเป็นแค่ผู้ควบคุมอยู่หลังฉากเท่านั้น

หากวิกฤตขีปนาวุธคิวบาไม่เกิดขึ้น ก็แทบไม่มีใครรู้ว่าแบล็งคิงทำอะไร

ทำไมแม็กนีโตถึงเปิดเผยตัวแบบนี้?

"เอริคบ้าไปแล้ว!" :เรเวนขมวดคิ้ว: "สงคราม? นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอดเหรอ?"

"ไอ้หมอนี่บ้ากว่าชอว์อีก" ก็อปปี้แคทก็ดูตกตะลึง

"สถานการณ์ยุ่งเหยิงพออยู่แล้ว แล้วเอริคก็มาเติมน้ำมันเข้ากองไฟ" :แฮงค์ส่ายหน้าและมีสีหน้ากังวล

ตอนนี้มิวแทนท์กับคนธรรมดากำลังอยู่ในขั้นของความขัดแย้งที่กำลังปะทุ

ยิ่งเอริคทำแบบนี้อีก ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายจะยิ่งรุนแรงขึ้น

ชะตากรรมของมิวแทนท์ที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วยิ่งดูมืดมนและไม่ชัดเจน

แฮงค์รู้สึกว่ามองไม่เห็นทางออกสำหรับฝ่ายเลย

"เราจะไม่ทำอะไรสักอย่างเหรอ?" :ไวท์ควีนกอดอกและดูใจเย็นที่สุด เธอมองรอร์ชาคและถาม

ไวท์ควีนไม่สนใจเรื่องการเริ่มสงครามกับคนธรรมดา แต่ในสายตาเธอ เอริคโง่มากที่ทำแบบนี้

นั่นจะเป็นการผลักมิวแทนท์เข้ากองไฟและเปลี่ยนอะไรไม่ได้

ถ้าจะเริ่มสงคราม ก็ควรทำเหมือนชอว์ ลงมือทำจริงๆ

แทนที่จะตะโกนคำขวัญ ประกาศศักดาและปลุกเร้าอารมณ์รุนแรงจากทุกฝ่าย

สิ่งที่ไวท์ควีนกังวลคือการประกาศสงครามของแม็กนีโตจะนำหายนะที่ใหญ่กว่ามาสู่มิวแทนท์

หลังจากคำพูดของไวท์ควีน มิวแทนท์ทุกคนก็หันมามองรอร์ชาค

"ไม่ เราไม่จำเป็นต้องทำอะไร" :รอร์ชาคส่ายหน้า: "เอริคสุดโต่งไปหน่อย แต่ดูจากสถานการณ์วุ่นวายในตอนนี้ นี่อาจเป็นสิ่งที่เราต้องการพอดี"

การกระทำของแม็กนีโตจะทำให้สถานการณ์ของมิวแทนท์ลำบากขึ้น แต่ก็สามารถทำให้หลายคนกลัวได้ด้วย นี่เป็นความจริงที่โต้แย้งไม่ได้

"แต่รอร์ชาค ถ้าปล่อยให้เอริคทำแบบนี้ต่อไป สงครามจะเกิดขึ้นจริงๆ!" :ใบหน้าของแฮงค์ยังดูกังวล

"ไม่หรอก เพราะเรายังมีชาร์ลส์" :รอร์ชาคยิ้มอย่างมีความหมาย

เอริคและชาร์ลส์ขาดกันไม่ได้

ชาร์ลส์?

แฮงค์และเรเวนมองหน้ากันและพูดไม่ออก

ด้วยนิสัยของชาร์ลส์ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้เอริคทำตามใจชอบและไม่สนใจ

และความสามารถของชาร์ลส์ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะยับยั้งเอริคได้

"แล้วพวกเราล่ะ?" :เรเวนถามอีก

"พาพี่น้องมาที่นี่ให้มากขึ้นและมอบดินแดนที่เงียบสงบให้แก่พวกเขาในโลกที่วุ่นวายนี้" :รอร์ชาคพูดกับทุกคนด้วยท่าทีสบายๆ

"แต่เราจะปกป้องได้สักกี่คน?" :เรเวนถอนหายใจ

ไม่ว่ารอร์ชาคจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็เป็นแค่คนๆ เดียว

ไม่ว่าที่นี่จะใหญ่แค่ไหน แม้จะเต็มไปด้วยผู้คน จะมีกี่คนที่รอดชีวิต?

แต่พี่น้องของพวกเขามีเป็นพันๆ หรือหมื่นๆ คน!

เรเวนรู้สึกว่าพวกเขาต้องทำมากกว่านี้

แต่ปัญหาแบบนี้เป็นปัญหาที่ยากมาก และไม่สามารถแก้ไขได้โดยเรเวนคนเดียว

เมื่อเผชิญกับปัญหาใหญ่เรื่องการอยู่รอดของมิวแทนท์ เรเวนก็เป็นเพียงก้อนกรวดเล็กๆ ที่ไม่สำคัญ

บางที… คิดถึงตรงนี้ เรเวนจดจ่อที่รอร์ชาค

คงมีแต่ชายคนนี้เท่านั้นที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของมิวแทนท์ได้

อย่างน้อยในตอนนี้ เรเวนเชื่อว่ารอร์ชาคเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยมิวแทนท์

เรเวนรู้ว่ารอร์ชาคมีแผนการใหญ่ในใจ แม้เธอจะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เรเวนก็เต็มใจที่จะทุ่มเทกำลังให้กับมัน

"รอร์ชาค จะใช้เวลาครึ่งเดือนในการสร้างเครื่องขยายคลื่นสมอง" :แฮงค์ดันแว่นและพูดกับรอร์ชาคด้วยสีหน้าจริงจัง

แม้จะใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีในการสร้างเครื่องขยายคลื่นสมอง แต่ก็ไม่สามารถทำให้เสร็จได้ในทันที

"ไม่เป็นไร" :รอร์ชาคยักไหล่: "ยังไงข่าวเกี่ยวกับมิวแทนท์ก็มีอยู่ทุกที่ตอนนี้"

ยิ่งไปกว่านั้น รอร์ชาคยังมีการได้ยินเหนือมนุษย์!

แค่ในนิวยอร์ก ไม่สิ…

หลังจากถูกเสริมพลังที่เกาะทรีไมล์ ไอส์แลนด์ การได้ยินเหนือมนุษย์ของรอร์ชาคเพิ่มขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะนิวยอร์กอีกต่อไป+

รอร์ชาคไม่พูดอะไรมากและเริ่มใช้การได้ยินเหนือมนุษย์กรองและฟังเสียงทั้งเมืองทันที

"พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น?"

"ระวัง ทุกคนถอยเร็ว ระวังถูกเผา!"

"อันตราย คนนี้อันตรายมาก ยิงเลย!"

"ปั้ง ปั้ง ปั้ง!"

"ขอกำลังเสริมด่วน!"

เสียงแบบนี้เข้ามาในหูของรอร์ชาค

ถูกเผา?

อาจจะเป็น... ไพโร?

ไพโรแข็งแกร่งมาก และไพโรเคยสู้กับไอซ์แมนบ๊อบบี้มิวแทนท์ระดับโอเมก้า และสังหารไอซ์แมนตาย

เดี๋ยวก่อน!

ผิดแล้ว!

รอร์ชาคส่ายหน้า ไอซ์แมนและไพโรไม่ได้อยู่ในยุคนี้ใช่ไหม?

ตอนนี้ พวกเขาน่าจะยังไม่เกิดหรือยังเป็นแค่เด็ก?

"อย่าบังคับฉัน!"

มีเสียงอีกเสียงดังขึ้น จากต้นเสียง เห็นได้ชัดว่าเป็นเป้าหมายที่ถูกตำรวจและทหารล้อม

เสียงนี้ทำให้รอร์ชาคยิ่งตกใจ มันเป็นเสียงผู้หญิง

มีไพโรผู้หญิงด้วยเหรอ?

ความสนใจของรอร์ชาคถูกกระตุ้นทันที

"ทุกคน ฉันพบเพื่อนมิวแทนท์ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันไปก่อนนะ!"  :รอร์ชาคหันไปบอกทุกคนรอบตัว

ในวินาถัดมา เสียงระเบิดเหนือเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น