บทที่ 12 ภูเขาหู่ลู่
บทที่ 12 ภูเขาหู่ลู่
ขีดจำกัดคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตโลหะผสมคือ 20 และความเร็วของมือปืนความเร็วสูงถือว่าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว แน่นอน มีมือปืนความเร็วสูงระดับสูงสุดที่มีความเร็ว 20 อยู่เช่นกัน ส่วนตัวนี้แค่ขาดไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ต่างกันมาก
ค่าความแข็งและพละกำลังของมือปืนความเร็วสูงนั้นค่อนข้างต่ำในบรรดาสัตว์เลี้ยงโลหะผสม โดยเฉพาะค่าความแข็งที่ยังไม่ถึง 10 ซ่งต่ำชนิดอยู่ในระดับเดียวกับสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้า
อย่างไรก็ตาม มือปืนความเร็วสูงตัวนี้มีพรสวรรค์กลายพันธุ์สองอย่าง และพรสวรรค์ทั้งสองอย่างนี้ก็เข้ากับมันได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าไม่เลวเลย
ตามทฤษฎีแล้ว ขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตเหล็กกล้าคือพรสวรรค์กลายพันธุ์หนึ่งอย่าง ขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตโลหะผสมคือพรสวรรค์กลายพันธุ์สองอย่าง และขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิตคริสตัลคือพรสวรรค์กลายพันธุ์สามอย่าง
แต่นั่นก็เป็นแค่ขีดจำกัด ในความเป็นจริง สัตว์เลี้ยงโลหะผสมหลายตัวมีพรสวรรค์กลายพันธุ์เพียงอย่างเดียว หรือแม้แต่มีพรสวรรค์กลายพันธุ์ที่ไม่เข้ากับความสามารถของพวกมันเลย
โดยรวมแล้ว มูลค่าของมือปืนความเร็วสูงตัวนี้น่าจะสูงมาก ในฐานเสวียนเหนี่ยวแบบนี้ น่าจะแลกกับอสังหาริมทรัพย์ได้สักหนึ่งช่วงแถว
บางทีอาจเป็นเพราะหลินเซินแสดงฝีมือได้อย่างน่าทึ่ง หรือเพราะชื่อเสียงของตระกูลหลินดีมาโดยตลอด ทำให้มีผู้วิวัฒนาการหลายคนตัดสินใจเซ็นสัญญากับตระกูลหลินทันที จำนวนคนที่เซ็นสัญญามากที่สุดในบรรดาสามตระกูล
แต่น่าเสียดายที่เว่ยหวู่ฟู่อยังคงไม่มีท่าทีใดๆ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่คิดจะเข้าร่วมกับตระกูลไหน
จริงๆ แล้ว ต่อให้เว่ยหวู่ฟู่ต้องการเซ็นสัญญากับตระกูลหลินตอนนี้ หลินเซินก็คงลำบากใจ
ตอนที่คุณชายสามและคุณชายสี่อยู่ การเซ็นสัญญากับผู้วิวัฒนาการโลหะผสมไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้คุณชายสามและคุณชายสี่ไม่อยู่ การเซ็นสัญญากับผู้วิวัฒนาการโลหะผสมที่มาที่ไปไม่ชัดเจน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงสำหรับตระกูลหลิน
หลังจากนั้น หลินเซินก็แทบไม่ได้พูดอะไร เหล่าเย่เป็นคนจัดการทุกอย่าง
ฉีชูเหิงและหวังเทียนเอ๋อร์ก็ไม่ได้สนใจที่จะคุยกับหลินเซิน แต่กลับพูดคุยกับไป๋เสินเฟยอย่างกระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการเอาใจไป๋เสินเฟย
ไม่รู้ว่าเบื้องหลังไป๋เสินเฟยเป็นใครมาจากไหน เขาไม่เคยได้ยินหลินเซียงตงพูดถึงภูมิหลังของเธอมาก่อน
“ไป๋เสินเฟยมาที่ฐานเสวียนเหนี่ยวครั้งนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” หลินเซินรู้สึกปวดหัว ถ้าไม่มีไป๋เสินเฟย เรื่องวันนี้ก็คงจะจบลงอย่างสวยงาม แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องให้ต้องคิดมาก
หลังจากงานชุมนุมผู้วิวัฒนาการเสร็จสิ้น ตอนที่หลินเซินลุกขึ้น ไป๋เสินเฟยก็เดินตามเขามา ดูเหมือนว่าถ้ายังไม่รู้ว่าหลินเซินเป็นใคร เธอก็คงไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
“ศิษย์น้อง ไม่ได้เจอกันนาน เราต้องคุยกันให้หายคิดถึงหน่อยแล้ว ถ้าไม่รังเกียจ ไปทานข้าวที่บ้านฉันไหม?” หลินเซินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไปสิคะ” ไป๋เสินเฟยเห็นหลินเซินให้ความร่วมมือ ก็ตอบตกลง
หลินเซินไม่ได้พาไป๋เสินเฟยไปที่บ้านของเขา แต่พาไปที่บ้านของหลินเซียงตง ให้เธอพักที่ห้องนั่งเล่น
“นายเป็นใครกันแน่?” ไป๋เสินเฟยไม่ได้นั่งลง แต่จ้องมองหลินเซินแล้วถาม
“ผมเป็นใคร ฉันใช่หลินเซียงตงหรือเปล่า คำถามนี้สำคัญสำหรับคุณมากเหรอ?” หลินเซินถามกลับอย่างใจเย็น
“สำคัญ” ไป๋เสินเฟยตอบตรงๆ
“สิ่งที่สำคัญสำหรับคุณคือตัวตนของหลินเซียงตง หรือสิ่งที่เขาทำได้? ถ้าเป็นอย่างแรก คุณวางใจได้ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง คุณลองบอกมาสิ ถ้าผมทำได้ ผมจะไม่ปฏิเสธ” เนื่องจากมีโมเสกบดบัง หลินเซินจึงมองไม่เห็นสีหน้าของไป๋เสินเฟยหลังจากที่เขาพูดจบ
“หลินเซียงตงไปภูเขาหู่ลู่หรือเปล่า?” ไป๋เสินเฟยถามขึ้นมากะทันหัน
หลินเซินกำลังคิดว่าภูเขาหู่ลู่อยู่ที่ไหน แววตาของเขาจึงมีแวบหนึ่งที่ดูสับสน
“ดูเหมือนนายจะไม่รู้อะไรเลย” ไป๋เสินเฟยที่จ้องหลินเซินมาตลอด จงสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติ เธอพูดด้วยความผิดหวัง แล้วหันหลังเดินออกไป
หลินเซินมองไป๋เสินเฟยเดินออกไปด้วยความสับสน ทำไมอยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนใจ จะไปก็ไป
หลินเซินหันไปมองเหล่าเย่ที่อยู่ด้านหลัง เห็นสีหน้าแปลกๆ ของเขา ก็ตกใจ “เหล่าเย่ บอกฉันตามตรง ที่ๆพี่สามกับพี่สี่ไปคือภูเขาหู่ลู่เหรอ?”
เหล่าเย่มีสีหน้าลำบากใจ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับตัดสินใจได้แล้ว “เดิมทีคุณชายสามกับคุณชายสี่ไม่อยากให้คุณชายน้อยรู้เรื่องนี้ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันซับซ้อน มีคนนอกรู้เรื่องภูเขาหู่ลู่แล้ว ผมก็ปิดบังคุณต่อไปไม่ได้”
“แล้วภูเขาหู่ลู่มันที่ไหน? อยู่ใกล้ๆ ฐานเราเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อภูเขานี้มาก่อน? พี่สามกับพี่สี่ไปที่นั่นทำไม?” หลินเซินเริ่มร้อนใจ เรื่องนี้น่าจะยุ่งยากกว่าที่เขาคิด
“คุณไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลก เพราะที่นั่นเป็นชื่อที่คุณชายรองตั้งขึ้นเอง มีไม่กี่คนที่รู้จักชื่อภูเขาหู่ลู่” เหล่าเย่ถอนหายใจ
“พี่รองตั้งชื่อ?” หลินเซินอึ้งไป
พี่รองของตระกูลหลินชื่อหลินอิ่น เป็นคนที่พรสวรรค์ในการฝึกฝนดีที่สุดในตระกูลหลิน การที่พี่น้องตระกูลหลินถูกเรียกว่า “คุณชาย” ก็เริ่มมาจากหลินอิ่น
กล่าวได้ว่า หลินอิ่นเป็นคนที่พยุงตระกูลหลินที่กำลังจะล่มสลายเอาไว้ด้วยตัวคนเดียว
นอกจากนี้ หลินอิ่นยังเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งไม่กี่คนที่ก้าวขึ้นสู่ระดับคริสตัลในฐานเสวียนเหนี่ยว แต่ในขณะที่เขากำลังโด่งดัง เขากลับหายตัวไปในระหว่างการออกล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์
ตอนที่หลินอิ่นหายตัวไป หลินเซินอายุไม่ถึงสิบขวบ สำหรับเขาแล้ว หลินอิ่นก็เหมือนพ่อของเขา
พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเล็ก หลินอิ่นอายุมากกว่าหลินเซินยี่สิบกว่าปี อิทธิพลของหลินอิ่นต่อเขาก็เหมือนกับพ่อ ที่บางคนเค้าว่าพี่ชายคนโตก็เหมือนพ่อ คงประมาณนี้แหละมั้ง
เวลาผ่านไปหลายปี ภาพความทรงจำของร่างที่แข็งแกร่งนั้นเริ่มเลือนลาง เขาแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าหน้าตาของหลินอิ่นเป็นอย่างไร
แต่หลินเซินยังจำได้ว่าหลินอิ่นดีกับเขามาก ตอนเด็กๆ หลินอิ่นมักจะพาเขาไปเล่น ซื้อขนมอร่อยๆ หาของเล่นสนุกๆ มาให้เขา
ที่หลินเซินชอบเล่น สาเหตุครึ่งหนึ่งก็เพราะถูกหลินอิ่นตามใจ
“ก่อนที่พี่รองจะหายตัวไป เขาไปที่ภูเขาหู่ลู่หรือเปล่า?” หลินเซินขมวดคิ้วถาม
เหล่าเย่พยักหน้า “คุณชายน้อยฉลาดจริงๆ ที่ที่คุณชายรองไปก่อนหายตัวไปคือภูเขาหู่ลู่ หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย”
“หรืพี่สามกับพี่สี่ไปภูเขาหู่ลู่ เพราะพบเบาะแสของพี่รอง?” หลินเซินครุ่นคิด
“ก็เป็นหนึ่งในเหตุผล” เหล่าเย่หยุดไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันที่หลินเซินจะถามต่อ เขาก็พูดต่อ “คุณชายสามกับคุณชายสี่บอกว่าที่พวกเขาไปภูเขาหู่ลู่ ส่วนใหญ่ก็เพื่อหาไข่กลายพันธุ์มาให้คุณชายน้อยใช้สำหรับการวิวัฒนาการ”
หลินเซินถึงกับอึ้งไป ด้วยพลังของเขา จริงๆ แล้วสามารถ วิวัฒนาการได้ตั้งนานแล้ว ที่คุณชายสามกับคุณชายสี่ให้เขารอ แท้จริงแล้วเป็นเพราะพวกเขาต้องการเตรียมไข่กลายพันธุ์เอาไว้ให้นี่เอง
การจะเปลี่ยนจากมนุษย์ธรรมดาเป็นผู้วิวัฒนาการ มีวิธีเดียว คือการสกัดสารพิเศษจากร่างกายของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ใช้สารสกัดนี้เปลี่ยนเป็นร่างวิวัฒนาการ จนกระทั่ง วิวัฒนาการเป็นผู้วิวัฒนาการ
ซึ่งสารพิเศษนี้สามารถสกัดได้จากทั้งสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และไข่กลายพันธุ์ แต่ก่อนการวิวัฒนาการ จำเป็นต้องใช้ไข่กลายพันธุ์หนึ่งฟอง และคุณภาพของไข่กลายพันธุ์นี้ มีผลต่อคุณภาพของร่างกายเหล็กกล้าหลังการวิวัฒนาการในระดับหนึ่ง