Chapter 346 : จบการต่อสู้เมืองบาดาล – ข่าวคราวใหม่จากทุ่งหิมะเยือกแข็ง (1) (ฟรี)
ชาโดว์เห็นเพียงน้ำทะเลสีดำม่วงเท่านั้นซึ่งแม้จะดูแปลกแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากความนัก
อันตรายอะไรเล่าจะมาลอยอยู่ในน้ำทะเล
ก็คงแค่สีเปลี่ยนเพราะการสะท้อนจากแสงหรือไม่ก็มีมอนสเตอร์บางตัวมาตายใกล้ๆจนน้ำทะเลถูกย้อมจนเป็นสีแปลกประหลาดเช่นนี้
ตราบใดที่เขาสังหารหลินเซวียนและได้ต้นกำเนิดแดนลับมาอย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเสียอะไรก็คุ้ม
ชาโดว์ตามอีกฝ่ายไปติดๆโดยพุ่งเข้าไปภายในกลุ่มน้ำทะเลสีม่วงดำนั้นในหนึ่งลมหายใจ
จากนั้น...สีหน้าของเขาก็พลันชะงักค้างอย่างรุนแรง!
ร่างกายของเขาตกอยู่ในสถานะเหน็บชาในชั่วพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้นผลจากดีบัฟ ‘พิษผลาญใจ’ นี้ยังส่งผลอย่างอื่นต่อร่างกายของเขาด้วย
พลังชีวิตของเขาลดลงด้วยอัตราความเร็วที่น่าสะพรึงและเพียงเสี้ยวพริบตาเดียวก็ลดลงต่ำกว่า60%แล้ว
ตั้งแต่ที่เขากลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่9เขาก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มานานมากแล้ว
กระทั่งตอนห้ำหั่นกับมังกรสุริยันพลังชีวิตของเขาก็ยังลดลงไปแตะระดับเพียง65%เท่านั้น
จากที่เขารู้สถานการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าอันตรายมาก!
นอกจากนี้เนื่องจากผลจากสถานะเหน็บชานี้ทำให้แม้เขาจะรู้ว่าตัวเองควรจะรีบออกไปจากทะเลเขตนี้ให้ไวที่สุดแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้
สมองของเขาสั่งการหากแต่แขนขากลับไม่รับฟัง
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดเขาก็สามารถยกขาขึ้นมาได้ครึ่งก้าวและถอยหลังไปได้ก้าวเล็กๆ
หลินเซวียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในที่สุด
ในที่สุดเขาก็ล่อเจ้าหมอนี่เข้ามาด้านในนี้ได้
ความน่าสะพรึงกลัวของพิษผลาญใจนั้นตัวเขาได้ใช้ความตายครั้งแล้วครั้งเล่าของร่างแยกมาลองทดสอบดูแล้ว
มีโอกาสสูงมากทีเดียวที่ชาโดว์จะถูกบีบให้ต้องใช้ไอเทมช่วยชีวิตอย่างสุดท้ายที่นี่
“ลาก่อน” หลินเซวียนโบกมือก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังคงระมัดระวังตัวกับชาโดว์สูงริบ
อีกฝ่ายนั้นยังไงเสียก็เป็นถึงหนึ่งในหัวหน้าของหนึ่งในหกองค์กรขนาดใหญ่
ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะมีวิธีการลงมือที่สามารถใช้การได้แม้ว่าร่างกายจะติดสถานะเหน็บชารึเปล่า?
ถ้าเขาเข้าไปปิดบัญชีอีกฝ่ายยแต่ชาโดว์ใช้โอกาสนั้นสวนมาถึงตอนนั้นแม้อยากจะร้องไห้ก็คงสายเกินไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเขาสามารถกักตัวชาโดว์เอาไว้ที่นี่ได้แล้วหลินเซวียนจึงสบายใจและกลับไปยังเมืองบาดาลได้เสียที
ชาโดว์จ้องมองเงาร่างที่ค่อยๆจากไปของหลินเซวียนพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับต้องการประทับร่างของชายหนุ่มเอาไว้ในใจตลอดกาล
การคาดเดาของหลินเซวียนนั้นถูกต้อง
เขายังมีลูกไม้เก็บเอาไว้จริง
เขาสามารถเปิดใช้งานได้โดยใช้พลังจิตแม้ไม่ต้องขยับตัวก็ตาม
ตราบใดที่หลินเซวียนกล้าเข้ามาใกล้เขาในระยะหนึ่งชาโดว์ก็มั่นใจว่าเขาสามารถสังหารอกฝ่ายได้ในพริบตา
“หลินเซวียนฉันจะจำชื่อนายเอาไว้ หวังว่าคราวหน้านายจะยังมีวิธีหลบหนีมากมายแบบนี้เหมือนเดิม!” ชาโดว์สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหยิบตะเกียงวิญญาณพุทธะออกมาด้วยปลายนิ้ว
กระบวนการนี้เชื่องช้ายิ่งนักเนื่องจากผลจากสถานะเหน็บชาของพิษผลาญใจ
ถ้ามีหญิงชราอายุอานามราวเจ็ดถึงแปดสสิบมาเห็นเข้าเธอคงจะหัวเราะเยาะในความเชื่องช้าของชาโดว์เป็นแน่
จนกระทั่งพลังชีวิตของชาโดว์ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึง20%ถึงได้พลันปรากฏเปลวเพลิงวิญญาณสีฟ้าเข้าปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้
เปลวเพลิงวิญญาณนั้นจะขวางกั้นความเสียหายจากภายนอกทั้งหมดเอาไว้อย่างสมบูรณ์และเคลื่อนย้ายส่งเขากลับไปยังแดนต้นกก
ใจกลางจตุรัสภายในแดนต้นกกพลันปรากฏร่างของชาโดว์ค่อยๆเดินออกมาจากประตูแสงอย่างเชื่องช้า
นักสู้ที่อยู่รอบๆต่างพากันตื่นตระหนกและรีบทรุดตัวลงคุกเข่า
ชาโดว์เงียบไม่เอ่ยวาจา
เขาหมุนตัวและเดินออกจากจตุรัสไปอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปยังคุกอสูรของแดนต้นกก
“หัวหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนหัวหน้าจะพานักสู้ขอบเขตที่8กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเมืองบาดาลแล้วทำไมเขาถึงกลับมาคนเดียวล่ะ?”
“เมื่อกี้ฉันรู้สึกแปลกๆ คล้ายว่าความแข็งแกร่งของหัวหน้าจะลดลงนิดหน่อย”
“นายอยากตายรึไง?! คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาเนี่ยนะ?”
“ไม่นะ...ฉันรู้สึกแบบนี้จริงๆ...พวกนายคิดว่าหัวหน้าใช่ว่าใช้ตะเกียงวิญญาณพุทธะเคลื่อนย้ายกลับมาจากเมืองบาดาลรึเปล่า...”
“ชู่ว...ระวังปากกับการกระทำเอาไว้หน่อย!”
นักสู้เหล่านั้นไม่กล้าเอ่ยปากอีกต่อไปและพากันแยกย้ายกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง
ณ คุกอสูรชั้นที่ลึกที่สุด
ชาโดว์ยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง
สายตาของเขาจับจ้องมองดูคุกอสูรที่พึ่งฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม
หลายเดือนก่อนเย่หลี่เจียงกับคนอื่นๆมายังคุกอสูรด้วยการช่วยเหลือจากกุญแจสุริยันและช่วยเซี่ยงเฉียนหยานกับคนอื่นๆออกไป
หลังการต่อสู้ครั้งใหญ่นั้นทำให้คุกสอูรถูกทำลายอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามหลังจาก24ชั่วโมงผ่านไปคุกอสูรก็จะฟื้นฟูกลับสู้สภาพเดิมด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว
หากแต่ข่าวคราวที่ทุ่งราบมหาสวรรค์กักขังผู้เชี่ยวชาญขององค์กรอื่นเอาไว้นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง
เนื่องด้วยเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทำให้ทุ่งราบมหาสวรรค์ไม่มีหน้าทำแบบเดิมอีกครั้งดังนั้นที่แห่งนี้จึงว่างเปล่า
ชาโดว์กวาดตามองอิฐและกระเบื้องที่นี่โดยพยายามกดข่มอารมณ์ในใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
ลมหายใจของเขามั่นคงอย่างยิ่งยวดและในหัวเองก็ปราศจากความคิดใดๆ
พริบตาต่อมาเขาก็กลืนต้นกำเนิดแดนลับเข้าไปโดยตรง
“เพิ่มระดับสกิลควบคุมหุ่นเชิด”
พริบตาต่อมาแสงเจ็ดสีเจิดจรัสก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของชาโดว์
[ควบคุมหุ่นเชิดได้ยกระดับเป็นระดับเซียนเจ็ดสีและกลายเป็นสกิล....มหาวิวัฒน์พันหุ่นเชิด!]
หลังจากเงียบไปซักพักชาโดว์ก็พลันพึมพำและอุทานออกมา
เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนำหุ่นเชิดหน้าตาแปลกประหลาดออกมาจากอุปกรณ์เก็บของ
การอนุมานหุ่นเชิดตัวนี้อาจจะไม่แม่นยำเท่าไหร่นักเนื่องจากมันไม่ได้ทำมาจากไม้หรือหินแต่ทำมาจาก...เลือดและเนื้อของมนุษย์
หุ่นเชิดตัวนี้มีกล้ามเนื้อใหญ่โตล่ำสัน
ใบหน้าของมันหนักแน่นและเคร่งขรึมมีครบทั้งเหลี่ยมและมุมอัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของเพศชายอย่างเข้มข้น
บริเวณริมฝีปากไล่ไปจนถึงพวงแก้มมีเคราขึ้นดกดำหากแต่ก็ไม่ได้ดูรกรุงรังแต่อย่างใด
กลับกันมันยิ่งขับเน้นให้เขาดูดิบเถื่อนและงดงามไร้ที่ติ
ไม่ว่าจะมุมองศาใดที่มองก็คือความงดงามระดับสูงสุดไม่ผิดแน่
เสน่ห์ของมันนั้นดึงดูดได้ทั้งชายและหญิง
ชาโดว์จับจ้องมองดูร่างนั้นอยู่ซักพักถึงจะเบนสายตาออกมาได้
เขาอดที่จะอยากสัมผัสแผ่นกล้ามเนื้อบริเวณอกของอีกฝ่ายซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะอยู่คัพCไม่ได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามหุ่นเชิดตัวนี้นั้นไม่ใช่ชาโดว์เป็นผู้สร้างหากแต่เป็นเขาที่บังเอิญไปพบมันเข้าที่หลุมศพลับ ณ คุกอสูรชั้นที่ลึกที่สุด
สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือหลังจากที่หุ่นเชิดถูกพาตัวไปแล้วพื้นที่เดินบริเวณนั้นกลับไม่ได้ฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิมราวกับการไหลของเวลาบริเวณนั้นไม่ข้องเกี่ยวกับสถานที่อื่นๆในแดนต้นกก