ตอนที่แล้วChapter 345 : น้ำทะเลที่ปนเปื้อนไปด้วยพิษผลาญใจ! (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 348 : จบการต่อสู้เมืองบาดาล – ข่าวคราวใหม่จากทุ่งหิมะเยือกแข็ง (2)

Chapter 346 : จบการต่อสู้เมืองบาดาล – ข่าวคราวใหม่จากทุ่งหิมะเยือกแข็ง (1) (ฟรี)


ชาโดว์เห็นเพียงน้ำทะเลสีดำม่วงเท่านั้นซึ่งแม้จะดูแปลกแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากความนัก

อันตรายอะไรเล่าจะมาลอยอยู่ในน้ำทะเล

ก็คงแค่สีเปลี่ยนเพราะการสะท้อนจากแสงหรือไม่ก็มีมอนสเตอร์บางตัวมาตายใกล้ๆจนน้ำทะเลถูกย้อมจนเป็นสีแปลกประหลาดเช่นนี้

ตราบใดที่เขาสังหารหลินเซวียนและได้ต้นกำเนิดแดนลับมาอย่างอื่นล้วนไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเสียอะไรก็คุ้ม

ชาโดว์ตามอีกฝ่ายไปติดๆโดยพุ่งเข้าไปภายในกลุ่มน้ำทะเลสีม่วงดำนั้นในหนึ่งลมหายใจ

จากนั้น...สีหน้าของเขาก็พลันชะงักค้างอย่างรุนแรง!

ร่างกายของเขาตกอยู่ในสถานะเหน็บชาในชั่วพริบตา

ยิ่งไปกว่านั้นผลจากดีบัฟ ‘พิษผลาญใจ’ นี้ยังส่งผลอย่างอื่นต่อร่างกายของเขาด้วย

พลังชีวิตของเขาลดลงด้วยอัตราความเร็วที่น่าสะพรึงและเพียงเสี้ยวพริบตาเดียวก็ลดลงต่ำกว่า60%แล้ว

ตั้งแต่ที่เขากลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่9เขาก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มานานมากแล้ว

กระทั่งตอนห้ำหั่นกับมังกรสุริยันพลังชีวิตของเขาก็ยังลดลงไปแตะระดับเพียง65%เท่านั้น

จากที่เขารู้สถานการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าอันตรายมาก!

นอกจากนี้เนื่องจากผลจากสถานะเหน็บชานี้ทำให้แม้เขาจะรู้ว่าตัวเองควรจะรีบออกไปจากทะเลเขตนี้ให้ไวที่สุดแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้

สมองของเขาสั่งการหากแต่แขนขากลับไม่รับฟัง

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดเขาก็สามารถยกขาขึ้นมาได้ครึ่งก้าวและถอยหลังไปได้ก้าวเล็กๆ

หลินเซวียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในที่สุด

ในที่สุดเขาก็ล่อเจ้าหมอนี่เข้ามาด้านในนี้ได้

ความน่าสะพรึงกลัวของพิษผลาญใจนั้นตัวเขาได้ใช้ความตายครั้งแล้วครั้งเล่าของร่างแยกมาลองทดสอบดูแล้ว

มีโอกาสสูงมากทีเดียวที่ชาโดว์จะถูกบีบให้ต้องใช้ไอเทมช่วยชีวิตอย่างสุดท้ายที่นี่

“ลาก่อน” หลินเซวียนโบกมือก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังคงระมัดระวังตัวกับชาโดว์สูงริบ

อีกฝ่ายนั้นยังไงเสียก็เป็นถึงหนึ่งในหัวหน้าของหนึ่งในหกองค์กรขนาดใหญ่

ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะมีวิธีการลงมือที่สามารถใช้การได้แม้ว่าร่างกายจะติดสถานะเหน็บชารึเปล่า?

ถ้าเขาเข้าไปปิดบัญชีอีกฝ่ายยแต่ชาโดว์ใช้โอกาสนั้นสวนมาถึงตอนนั้นแม้อยากจะร้องไห้ก็คงสายเกินไปแล้ว

ดังนั้นเมื่อเห็นว่าเขาสามารถกักตัวชาโดว์เอาไว้ที่นี่ได้แล้วหลินเซวียนจึงสบายใจและกลับไปยังเมืองบาดาลได้เสียที

ชาโดว์จ้องมองเงาร่างที่ค่อยๆจากไปของหลินเซวียนพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันราวกับต้องการประทับร่างของชายหนุ่มเอาไว้ในใจตลอดกาล

การคาดเดาของหลินเซวียนนั้นถูกต้อง

เขายังมีลูกไม้เก็บเอาไว้จริง

เขาสามารถเปิดใช้งานได้โดยใช้พลังจิตแม้ไม่ต้องขยับตัวก็ตาม

ตราบใดที่หลินเซวียนกล้าเข้ามาใกล้เขาในระยะหนึ่งชาโดว์ก็มั่นใจว่าเขาสามารถสังหารอกฝ่ายได้ในพริบตา

“หลินเซวียนฉันจะจำชื่อนายเอาไว้ หวังว่าคราวหน้านายจะยังมีวิธีหลบหนีมากมายแบบนี้เหมือนเดิม!” ชาโดว์สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะหยิบตะเกียงวิญญาณพุทธะออกมาด้วยปลายนิ้ว

กระบวนการนี้เชื่องช้ายิ่งนักเนื่องจากผลจากสถานะเหน็บชาของพิษผลาญใจ

ถ้ามีหญิงชราอายุอานามราวเจ็ดถึงแปดสสิบมาเห็นเข้าเธอคงจะหัวเราะเยาะในความเชื่องช้าของชาโดว์เป็นแน่

จนกระทั่งพลังชีวิตของชาโดว์ลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึง20%ถึงได้พลันปรากฏเปลวเพลิงวิญญาณสีฟ้าเข้าปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้

เปลวเพลิงวิญญาณนั้นจะขวางกั้นความเสียหายจากภายนอกทั้งหมดเอาไว้อย่างสมบูรณ์และเคลื่อนย้ายส่งเขากลับไปยังแดนต้นกก

ใจกลางจตุรัสภายในแดนต้นกกพลันปรากฏร่างของชาโดว์ค่อยๆเดินออกมาจากประตูแสงอย่างเชื่องช้า

นักสู้ที่อยู่รอบๆต่างพากันตื่นตระหนกและรีบทรุดตัวลงคุกเข่า

ชาโดว์เงียบไม่เอ่ยวาจา

เขาหมุนตัวและเดินออกจากจตุรัสไปอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปยังคุกอสูรของแดนต้นกก

“หัวหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยนะเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนหัวหน้าจะพานักสู้ขอบเขตที่8กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังเมืองบาดาลแล้วทำไมเขาถึงกลับมาคนเดียวล่ะ?”

“เมื่อกี้ฉันรู้สึกแปลกๆ คล้ายว่าความแข็งแกร่งของหัวหน้าจะลดลงนิดหน่อย”

“นายอยากตายรึไง?! คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาเนี่ยนะ?”

“ไม่นะ...ฉันรู้สึกแบบนี้จริงๆ...พวกนายคิดว่าหัวหน้าใช่ว่าใช้ตะเกียงวิญญาณพุทธะเคลื่อนย้ายกลับมาจากเมืองบาดาลรึเปล่า...”

“ชู่ว...ระวังปากกับการกระทำเอาไว้หน่อย!”

นักสู้เหล่านั้นไม่กล้าเอ่ยปากอีกต่อไปและพากันแยกย้ายกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง

ณ คุกอสูรชั้นที่ลึกที่สุด

ชาโดว์ยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง

สายตาของเขาจับจ้องมองดูคุกอสูรที่พึ่งฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิม

หลายเดือนก่อนเย่หลี่เจียงกับคนอื่นๆมายังคุกอสูรด้วยการช่วยเหลือจากกุญแจสุริยันและช่วยเซี่ยงเฉียนหยานกับคนอื่นๆออกไป

หลังการต่อสู้ครั้งใหญ่นั้นทำให้คุกสอูรถูกทำลายอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตามหลังจาก24ชั่วโมงผ่านไปคุกอสูรก็จะฟื้นฟูกลับสู้สภาพเดิมด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว

หากแต่ข่าวคราวที่ทุ่งราบมหาสวรรค์กักขังผู้เชี่ยวชาญขององค์กรอื่นเอาไว้นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง

เนื่องด้วยเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทำให้ทุ่งราบมหาสวรรค์ไม่มีหน้าทำแบบเดิมอีกครั้งดังนั้นที่แห่งนี้จึงว่างเปล่า

ชาโดว์กวาดตามองอิฐและกระเบื้องที่นี่โดยพยายามกดข่มอารมณ์ในใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

ลมหายใจของเขามั่นคงอย่างยิ่งยวดและในหัวเองก็ปราศจากความคิดใดๆ

พริบตาต่อมาเขาก็กลืนต้นกำเนิดแดนลับเข้าไปโดยตรง

“เพิ่มระดับสกิลควบคุมหุ่นเชิด”

พริบตาต่อมาแสงเจ็ดสีเจิดจรัสก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของชาโดว์

[ควบคุมหุ่นเชิดได้ยกระดับเป็นระดับเซียนเจ็ดสีและกลายเป็นสกิล....มหาวิวัฒน์พันหุ่นเชิด!]

หลังจากเงียบไปซักพักชาโดว์ก็พลันพึมพำและอุทานออกมา

เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนำหุ่นเชิดหน้าตาแปลกประหลาดออกมาจากอุปกรณ์เก็บของ

การอนุมานหุ่นเชิดตัวนี้อาจจะไม่แม่นยำเท่าไหร่นักเนื่องจากมันไม่ได้ทำมาจากไม้หรือหินแต่ทำมาจาก...เลือดและเนื้อของมนุษย์

หุ่นเชิดตัวนี้มีกล้ามเนื้อใหญ่โตล่ำสัน

ใบหน้าของมันหนักแน่นและเคร่งขรึมมีครบทั้งเหลี่ยมและมุมอัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ของเพศชายอย่างเข้มข้น

บริเวณริมฝีปากไล่ไปจนถึงพวงแก้มมีเคราขึ้นดกดำหากแต่ก็ไม่ได้ดูรกรุงรังแต่อย่างใด

กลับกันมันยิ่งขับเน้นให้เขาดูดิบเถื่อนและงดงามไร้ที่ติ

ไม่ว่าจะมุมองศาใดที่มองก็คือความงดงามระดับสูงสุดไม่ผิดแน่

เสน่ห์ของมันนั้นดึงดูดได้ทั้งชายและหญิง

ชาโดว์จับจ้องมองดูร่างนั้นอยู่ซักพักถึงจะเบนสายตาออกมาได้

เขาอดที่จะอยากสัมผัสแผ่นกล้ามเนื้อบริเวณอกของอีกฝ่ายซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะอยู่คัพCไม่ได้จริงๆ

อย่างไรก็ตามหุ่นเชิดตัวนี้นั้นไม่ใช่ชาโดว์เป็นผู้สร้างหากแต่เป็นเขาที่บังเอิญไปพบมันเข้าที่หลุมศพลับ ณ คุกอสูรชั้นที่ลึกที่สุด

สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือหลังจากที่หุ่นเชิดถูกพาตัวไปแล้วพื้นที่เดินบริเวณนั้นกลับไม่ได้ฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิมราวกับการไหลของเวลาบริเวณนั้นไม่ข้องเกี่ยวกับสถานที่อื่นๆในแดนต้นกก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด