บทที่ 5 อุบัติเหตุ (รีไรท์)
บทที่ 5 อุบัติเหตุ (รีไรท์)
.
เย่ปินทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับคดีนี้ เขาต้องการหาทางคลี่คลาย จึงพาเฉินฮุยกับจางหลานไปยังบริษัทที่เจ้าของวิดีโอ หลิวเจียซิง ทำงานอยู่
หลังจากวกไปวนมาตลอดทาง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบริษัทที่หลิวเจียซิงทำงานอยู่
“บริษัทนี้ช่างลึกลับจริงๆ!” จางหลานพูดด้วยอารมณ์บางอย่าง ในขณะที่มองอาคารพาณิชย์ทรุดโทรมที่อยู่สุดถนน
“ใช่! มันหายากจริงๆ” เฉินฮุยยิ้มขมขื่น เดิมทีทั้งสามคนควรมาถึงที่นี่นานแล้ว แต่พวกเขาต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการค้นหาอาคารพาณิชย์ที่อยู่สุดถนน
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” เย่ปินพูด จากนั้นทั้งสามคนก็เข้าไปในอาคารพาณิชย์
แม้ว่าภายนอกอาคารพาณิชย์จะดูทรุดโทรมแต่ภายในอาคารพาณิชย์ที่มองเห็นได้ ไม่ได้ทรุดโทรมอย่างที่ทั้งสามคนจินตนาการ
หลังจากสอบถาม ในที่สุดทั้งสามคนก็ได้พบหลิวเจียซิง เจ้าของวิดีโอรถเมล์ผีสาย 18
“โอ้! ปรากฎว่าเป็นพวกคุณนี่เองที่โทรหาผมเมื่อคืน ผมขอโทษจริงๆ ทุกวันนี้มีโทรศัพท์หลอกลวงมากมาย ผมก็เลยคิดว่าคุณเป็นคนพวกนั้น” หลิวเจียซิงสวมชุดสูทเรียบง่าย ไม่สูงมากนัก สวมแว่นตาหนาเตอะ ให้ความรู้สึกเป็นทางการ
“ไม่เป็นไรครับ” เย่ปินพูดอย่างใจเย็น
“พวกคุณมาหาผมเรื่องรถเมล์ผีใช่ไหม?” หลิวเจียซิงรู้อยู่แล้วว่าจุดประสงค์การมาของคนทั้งสามนั้นเกี่ยวกับรถเมล์ผีสาย 18 ดังนั้นเขาจึงเริ่มถามอย่างตรงประเด็น
เย่ปินพยักหน้า “เราต้องการทราบว่าวิดีโอที่คุณโพสต์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ หากเป็นเรื่องจริง เราก็อยากรู้ว่าวิดีโอนั้นถูกถ่ายเมื่อไหร่และที่ไหน?”
“เฮ้อ…” พอได้ยินคำถามของเย่ปิน หลิวเจียซิงก็ไม่ตอบ และได้แต่ถอนหายใจยาว
“ทำไมคุณถึงถอนหายใจ?” จางหลานถามด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงถอนหายใจ
“บอกพวกคุณตามตรง วิดีโอนั้นเป็นของจริง แต่วิดีโอนั้นผมไม่ได้เป็นคนถ่าย มันถ่ายโดยเพื่อนของผม”
“เพื่อน? แล้วตอนนี้เพื่อนของคุณอยู่ที่ไหน?” จางหลานถาม
“เขา…” เมื่อพูดขึ้นมา หลิวเจียซิงก็ก้มหน้าลงและสีหน้าของเขาก็จมลงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดต่อไปว่า “เขาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเจียซิง พวกเขาสามคนก็ตกตะลึง
“ตาย? ทำไมถึงตาย?” จางหลานถามด้วยความกังวล
“นั่นเป็นเพราะวิดีโอที่พวกคุณพูดถึง” หลิวเจียซิงกล่าวพร้อมกับมองดูคนทั้งสาม
“คุณหมายถึงอะไร? หมายถึงวิดีโอเหนือธรรมชาตินั่นน่ะเหรอ? หมายความว่ายังไง?” คราวนี้เป็นเฉินฮุยที่พูด
“เฮ้อ…” หลิวเจียซิงถอนหายใจอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เริ่มเล่าเรื่อง
“คืนหนึ่งเมื่อสองปีก่อน ผมกับเพื่อนขับรถออกไปเที่ยวด้วยกัน วันนั้นเราเที่ยวกันจนดึกมาก เนื่องจากเราดื่มหนักเกินไป เราจึงจองโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อพักผ่อนหนึ่งคืน เราออกจากบาร์ประมาณ 5 ทุ่ม และเตรียมกลับไปที่โรงแรม” เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ใบหน้าของหลิวเจียซิงก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที
“ขากลับโรงแรม เราเดินผ่านป้ายรถเมล์ มันเป็นป้ายรถเมล์ที่โทรมมาก ข้างป้ายรถเมล์มีโคมไฟถนนดวงหนึ่ง และโคมไฟถนนดวงนั้นก็โทรมมากเช่นกัน ผมยังจำได้อย่างแม่นยำว่าในตอนนั้น เพื่อนผมบอกว่า ไฟถนนดวงนั้นมันกะพริบได้น่ารำคาญมาก เขาจึงเดินไปที่ป้ายรถเมล์”
“หลังจากนั้นเพื่อนของผมก็ปาขวดไวน์ในมือใส่โคมไฟถนนดวงนั้น เพื่อให้มันดับลง” หลิวเจียซิงกล่าว การหายใจของเขาถี่ขึ้น
“พอไฟดับลง เพื่อนของผมก็กลับมาดึงผมให้เดินไปโรงแรมต่อ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงประตูรถเมล์เปิดออกดังขึ้น แล้วเราสองคนก็หันหลังกลับและเดินไปหามัน ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีรถเมล์มาจอดหน้าป้ายรถเมล์นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่” หลิวเจียซิง หายใจเข้าออกอย่างแรงในขณะที่พูด และมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างยิ่ง
“รถเมล์คันนั้นทรุดโทรมมาก หน้าต่างหลายบานเหลือกระจกอยู่เพียงครึ่งเดียว ตัวถังก็เป็นสนิม สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ผมจำได้อย่างชัดเจนก็คือหน้าต่างด้านหลังรถเมล์หลายบานมีรอยมือเลือดอยู่บนนั้น”
ขณะที่ฟังคำบรรยายของหลิวเจียซิง พวกเขาสามคนก็รู้สึกหนาวสันหลัง ความหนาวเย็นลึกๆ เข้าโจมตีพวกเขา
“พอผมกับเพื่อนเห็นเช่นนั้น อาการเมาของเราก็ลดลงอย่างมากในทันที เพื่อนของผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรถเมล์คันนั้น แต่เพิ่งถ่ายได้ไม่นาน โคมไฟถนนที่ถูกเพื่อนของผมใช้ขวดไวน์ปาจนแตกไปแล้ว ก็กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้ง มันเปล่งแสงจางๆออกมา”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ร่างกายของหลิวเจียซิงก็เริ่มสั่นและมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่ปินถามด้วยความกังวล เพราะดูเหมือนหลิวเจียซิงจะมีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่เป็นไร” หลิวเจียซิงปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากแล้วเล่าต่อ
“เมื่อไฟถนนสว่างขึ้น จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าป้ายรถเมล์ แล้วร่างนั้นก็ค่อยๆหันหัวมาแสดงรอยยิ้มแปลกๆ จากนั้น จากนั้น…” หลิวเจียซิงหอบหายใจ เหงื่อเย็นไหลลงมาจากหน้าผาก ครู่ต่อมาเขาก็ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“ผี! มีผี! มีผี! อ๊ากมีผี! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ฉันไม่ไป! ฉันไม่ไป!” หลิวเจียซิงยืนขึ้นยกมือกุมหัว และร้องตะโกนเสียงดัง
“เฮ้! คุณเป็นอะไรไป!” เมื่อทั้งสามคนเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ดูกังวลเช่นกัน
เย่ปินก้าวออกไปกอดรัดหลิวเจียซิงไว้ทันที เพราะในขณะนี้หลิวเจียซิงมีสีหน้าดุร้าย เขาหัวเราะอย่างดุเดือด และพึมพำไม่ยอมหยุด
“ฉันไม่ไป! ฉันไม่ไป! ออกไป! ออกไป!”
“หลิวเจียซิง! หลิวเจียซิง!” ทั้งสามคนพยายามตะโกนเรียกชื่อของหลิวเจียซิง แต่ในขณะนี้หลิวเจียซิงตกอยู่ในภาวะบ้าคลั่ง เขายังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และพึมพำอยู่ตลอดเวลา
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างกายของหลิวเจียซิงก็กระตุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“คุณ! คุณ!” เย่ปินมองหลิวเจียซิงและตะโกนเรียกสติเสียงดัง
“ฉันไม่ไป! ฉันไม่ไป! ฉัน…” จู่ๆ หลิวเจียซิงก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา หลังจากกรีดร้องไปไม่กี่ครั้ง ร่างของเขาก็กระตุก แล้วล้มลงในอ้อมแขนของเย่ปิน
“คุณ!”
เมื่อมองไปยังหลิวเจียซิงในอ้อมแขน เย่ปินก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบตะโกนบอกเฉินฮุยกับจางหลานว่า “เรียกรถพยาบาล!”
เฉินฮุยกับจางหลานตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขฉุกเฉิน 120
ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง แต่ก่อนที่หลิวเจียซิงจะถูกพาขึ้นรถพยาบาล แพทย์ประจำรถก็ประกาศว่าเขาเสียชีวิตแล้ว และสาเหตุของการเสียชีวิตก็คือ ‘หัวใจวาย’
ในขณะที่ร่างของหลิวเจียซิงถูกนำขึ้นไปบนรถพยาบาล ทั้งสามคนต่างก็ยังอยู่ในสภาวะตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิวเจียซิงจะตายอย่างอธิบายไม่ได้ต่อหน้าต่อตาของพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ตามที่แพทย์ระบุหลิวเจียซิงไม่มีโรคประจำตัว การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากภาวะหัวใจวาย เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไป
แม้ว่าแพทย์จะสรุปการเสียชีวิตของหลิวเจียงซิงว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่พวกเขาสามคนต่างก็รู้ว่าการเสียชีวิตของหลิวเจียซิงไม่ใช่แค่ ‘อุบัติเหตุ’ เท่านั้น