บทที่ 4 แปลกประหลาด (รีไรท์)
บทที่ 4 แปลกประหลาด (รีไรท์)
.
หลังจากค้นหาข้อมูลมาทั้งคืน เย่ปินกับจางหลานก็ฟุบลงบนโต๊ะหลับตาลงพักผ่อน จนกระทั่งรุ่งสาง หลังจากพวกเขาพักผ่อนไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
“กัปตันเย่! กัปตันเย่!”
มีเสียงดังขึ้นรบกวนการพักผ่อนของเย่ปินกับจางหลาน ทั้งสองคนลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก และเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า แล้วพบกับเฉินฮุยที่ดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
“เฉินฮุย? เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรถึงได้ตื่นตระหนกแบบนี้?” เย่ปินเอามือลูบหน้าผาก แล้วหาว เขาดูเหนื่อยมาก
“กัปตันเย่! ไม่ดีแล้ว! เกิดเรื่องใหญ่! เมื่อคืนเพื่อนร่วมชั้นของเด็กหนุ่มที่หายไปหนีออกจากบ้าน เมื่อเช้านี้มีคนพบศพของเขาในสวนสนุกร้างชานเมือง”
“ว่าไงนะ?” เย่ปินแข็งค้างอยู่ตรงนั้น ความเหนื่อยล้าบนใบหน้าหายไปทันที
ในเวลาเดียวกัน จางหลานก็กระโดดขึ้นจากเก้าอี้ และจ้องมองเฉินฮุยด้วยความตกใจ
“ตำรวจจากถนนใกล้เคียงไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว กัปตันเย่ รีบไปกันเถอะ!” เฉินฮุยไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ เพียงแค่เร่งเร้าให้ทั้งสองคนออกไปโดยเร็ว
เย่ปินกับจางหลานพยักหน้าอย่างไม่ลังเล พวกเขารีบสวมเสื้อโค้ท ติดตามเฉินฮุยไปยังที่เกิดเหตุทันที
“เด็กคนนั้นออกจากบ้านเมื่อไหร่?”
ระหว่างทางไปสถานที่เกิดเหตุ เย่ปินก็ถามเฉินฮุย
“ตามคำบอกเล่าของพ่อแม่เด็ก พวกเขาได้ยินเสียงปิดประตูตอนประมาณห้าทุ่ม หลังจากนั้นพ่อแม่เด็กก็พบว่าลูกชายหายออกจากบ้านไปแล้ว พวกเขารีบออกไปตามหา แต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งเมื่อเช้า มีคนขับรถเพิ่งออกมาจากทางหลวง ในขณะที่เขากำลังปัสสาวะอยู่ริมถนนก็พบร่างของเด็กอยู่ในสวนสนุกร้างโดยไม่คาดคิด”
เฉินฮุยอธิบายให้เย่ปินฟังอย่างละเอียด หลังจากได้ฟังเย่ปินก็ขมวดคิ้ว
“รู้เวลาเสียชีวิตของเด็กหรือยัง?”
“ยังครับ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์กำลังเดินทางมา”
“อืม” เย่ปินพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับใช้มือข้างหนึ่งจับคางและเริ่มครุ่นคิด
สวนสนุกร้างแห่งนี้สร้างขึ้นในเขตชานเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีตำรวจมาก พวกเขาใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีจึงจะมาถึงสวนสนุกร้าง
ทันทีที่พวกเขาลงจากรถ ก็เห็นเส้นโปลิศไลน์ล้อมอยู่หน้าสวนสนุกร้าง และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากอยู่ข้างในแล้ว
“กัปตันเย่!”
“กัปตันเย่!”
เมื่อเห็นเย่ปิน ตำรวจทุกคนก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ
เย่ปินเดินผ่านตำรวจเหล่านั้นและพยักหน้าไปตลอดทาง จนเข้าไปในสวนสนุก
เมื่อมองไปรอบๆ เย่ปินก็ยังไม่พบศพของเด็กหนุ่ม เพียงแต่เห็นพ่อแม่ของเด็กกำลังคุกเข่าร้องไห้อยู่หน้าชิงช้าสวรรค์ที่ถูกทิ้งร้างเท่านั้น
“ศพถูกส่งออกไปแล้วเหรอ?” เย่ปินถามตำรวจคนหนึ่ง
ตำรวจคนนั้นเงยหน้าขึ้น และชี้ไปทางยอดชิงช้าสวรรค์
เย่ปินค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วดวงตาของเขาก็แข็งค้าง
ใต้กระเช้าที่อยู่บนจุดสูงสุดของชิงช้าสวรรค์ มีศพแขวนอยู่ ศพนั้นคือเพื่อนร่วมชั้นของเด็กหนุ่มที่หายไป
“ทำไมถึงไม่เอาศพลงมา!” จางหลานก็เห็นศพนั้นเช่นกัน จากนั้นก็ถามตำรวจที่กำลังพุดคุยกับเย่ปินอย่างเข้มงวด
ได้ยินเช่นนั้น ตำรวจคนนั้นก็มีรอยยิ้มทำอะไรไม่ถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากเอาลงมา! แต่ชิงช้าสวรรค์นี้ไม่ได้ใช้งานมานานแล้ว เราจึงไม่สามารถทำให้มันขยับได้เลย”
ความจริงเมื่อพบศพครั้งแรก ตำรวจก็ต้องการเปิดทำงานชิงช้าสวรรค์ เพื่อให้กระเช้าหมุนลงมา แต่หลังจากตรวจค้นก็พบว่า แผงควบคุมชิงช้าสวรรค์ได้รับความเสียหายมานานแล้ว ใช้งานไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“แล้วช่องทางการบำรุงรักษาล่ะ?” เย่ปินหันไปถามตำรวจคนนั้น
“ช่องทางการบำรุงรักษาค่อนข้างเสียหายอย่างหนัก ไม่สามารถขึ้นไปได้เช่นกัน” ตำรวจคนนั้นยิ้มขมขื่น ทางขึ้นสู่ชิงช้าสวรรค์ได้รับความเสียหายทั้งหมด
“แล้วศพขึ้นไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง?” จางหลานพูดสีหน้าเคร่งขรึม ในใจเต็มไปด้วยคำถาม
ตำรวจคนนั้นตอบสนองด้วยการกางมือออกและแสดงสีหน้าสิ้นหวัง
“คุณแจ้งทีมกู้ภัยแล้วหรือยัง?”
“พวกเขาได้รับแจ้งแล้ว และควรจะมาถึงเร็วๆ นี้” ขณะที่เย่ปินกำลังคุยกับตำรวจคนนั้น รถกระเช้าก็มาถึงแล้ว
หลังจากรถกระเช้ามาถึง หน่วยกู้ภัยก็ขึ้นไปบนยอดชิงช้าสวรรค์ ในที่สุดศพของเด็กหนุ่มก็ถูกนำลงมา
หลังจากเย่ปินตรวจดูศพอย่างคร่าวๆ แล้วเขาก็สื่อสารกับเจ้าหน้าที่นิติเวชที่อยู่ตรงนั้น
“เวลาเสียชีวิตของผู้ตายน่าจะอยู่ประมาณ 12 นาฬิกา” หลังจากเจ้าหน้าที่นิติเวชตรวจสอบก็สรุปเวลาเสียชีวิตของเด็กหนุ่มอย่างคร่าวๆ
เย่ปินพยักหน้า หลังจากการตรวจสอบด้วยตัวเอง ข้อสรุปของเขาโดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกับเจ้าหน้าที่นิติเวช แล้วเขาก็ถามต่อไปว่า “สาเหตุการตายคืออะไร?”
“ในส่วนของสาเหตุการตายนั้น ร่างกายของผู้ตายไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอก มีเพียงรอยรัดที่ลำคอเท่านั้น ถ้าหากต้องการรายละเอียดมากกว่านี้ก็ต้องนำศพกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด”
“อืม” เย่ปินพยักหน้า “นำศพกลับไปตรวจได้เลย”
“ครับ”
ในที่สุด ศพของเด็กหนุ่มก็ถูกเจ้าหน้าที่นิติเวชพาออกไป ส่วนเย่ปินก็ไปสอบถามพ่อของเด็กหนุ่ม ซึ่งสงบลงเล็กน้อยแล้ว
“สวัสดีครับ ผมมีคำถามจะสอบถามคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้สองสามข้อ”
“เฮ้อ…” พ่อของเด็กหนุ่มถอนหายใจยาว แล้วพูดว่า “ถามมาเถอะ”
“เมื่อคืนเขาออกจากบ้านเมื่อไหร่ครับ?”
“ประมาณห้าทุ่ม ผมกับแม่เด็กหลับไปแล้ว และสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู ผมรีบวิ่งไปดูที่ห้องลูกชาย และพบว่าเขาไม่อยู่ในห้อง ผมกับแม่เด็กรีบออกไปตามหา แต่ก็ไม่พบร่องรอยเลย จนกระทั่งเช้า…” พูดถึงตรงนี้ พ่อของเด็กหนุ่มก็พูดต่อไม่ได้อีก
“ขอแสดงความเสียใจด้วย” เย่ปินพูดเบาๆ หยุดถามพ่อเด็กอีก
“ออกจากบ้านตอนห้าทุ่ม ตายประมาณเที่ยงคืน ใช้เวลาเดินทางจากบ้านเด็กมาที่นี่ก็เกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว แถมยังต้องเอาศพไปแขวนไว้ใต้กระเช้าอันบนสุดของชิงช้าสวรรค์อีก เป็นไปได้เหรอที่มนุษย์จะทำได้?” จางหลานกระซิบกับเย่ปิน
เย่ปินก็มีความคิดแบบเดียวกับจางหลาน เพราะระยะทางที่สั้นที่สุดจากบ้านเด็กหนุ่มมาถึงสวนสนุกร้างแห่งนี้คือประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แถมฆาตกรที่สังหารเด็กหนุ่มยังต้องนำศพขึ้นไปแขวนไว้ใต้กระเช้าชิงช้าสวรรค์อันบนสุดอีก เวลามันไม่เพียงพอ
“เฮ้อ…” เย่ปินถอนหายใจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาต้องเผชิญกับคดีมากมายทั้งใหญ่และเล็ก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ทำคดีที่มีเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกี่ยวข้องกับรถเมล์ ‘สาย18’ มันก็ทำให้เย่ปินรู้สึกสับสนไปหมด
“กัปตันเย่ เราควรทำยังไงดี?” เฉินฮุยสับสนยิ่งกว่าเย่ปิน ในเวลานี้เขาจึงทำได้เพียงถามเย่ปินเท่านั้น
เย่ปินมองชิงช้าสวรรค์ที่ถูกทิ้งร้างตรงหน้าและครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงวิดีโอรถเมล์ผีสาย 18 ที่ค้นพบเมื่อคืนนี้
“ยังไงก็ต้องรอผลชันสูตร ตอนนี้เราก็ไปหาใครบางคนก่อนเถอะ”