บทที่ 34 จับภูตวิญญาณได้หนึ่งตน
บทที่ 34 จับภูตวิญญาณได้หนึ่งตน
ลุงหยวนเหอลุกขึ้นจุดตะเกียง หยิบขนมปังบิสกิตอัดแท่งออกมา เขายังคงสงสัยว่าบิสกิตอัดแท่งนี้จะเป็นอย่างที่ซูจี้เหนียนพูดหรือไม่? ดังนั้นลุงหยวนเหอจึงเตรียมจะลองชิมดู
ลุงหยวนเหอกัดขนมปังบิสกิตอัดแท่งคำหนึ่ง
“อืม!”
ดวงตาของลุงหยวนเหอเป็นประกาย ของสิ่งนี้อร่อยจริงๆ
รสชาติหวานๆ มีรสเค็มเล็กน้อย แถมยังกรอบมาก ข้างในยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนถั่ว ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่รสชาตินี้ก็ดึงดูดลุงหยวนเหอแล้ว
“อร่อยจริงๆ”
ลุงหยวนเหอกินหมดหนึ่งชิ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมาอีกชิ้น ของสิ่งนี้เมื่อเทียบกับเสบียงแห้งๆ ที่เขากินระหว่างทางแล้ว อร่อยกว่ามาก ลุงหยวนเหอกินบิสกิตอัดแท่งไปสามชิ้น ในเวลานี้เขาก็รู้สึกกระหายน้ำ จึงรีบรินน้ำให้ตัวเองหนึ่งถ้วย
อึกๆๆ
ดื่มน้ำจนหมดถ้วย
ลุงหยวนเหอเรอออกมา จากนั้นก็นอนลงอย่างสบายใจ พรุ่งนี้เช้าต้องออกเดินทางแล้ว ลุงหยวนเหอตั้งใจจะนอนหลับ
แต่นอนไปได้ไม่นาน ลุงหยวนเหอก็ขมวดคิ้ว
“อิ่ม อิ่มมาก!”
สีหน้าของลุงหยวนเหอดูไม่สู้ดีนัก เขารู้สึกอิ่มมาก เหมือนกับกินอาหารเข้าไปเยอะๆ ลุงหยวนเหอไม่อยากจะเชื่อ เขากินบิสกิตอัดแท่งไปแค่สามชิ้น ของสิ่งนั้นต่อให้รวมกันก็มีขนาดไม่ใหญ่นัก ทำไมถึงอิ่มขนาดนี้?
“รู้สึกไม่ค่อยสบายท้องเลย”
ลุงหยวนเหอนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นยืน วิ่งเบาๆ อยู่ในห้อง แต่ความรู้สึกแน่นท้องนี้ทำให้ลุงหยวนเหอรู้สึกตลก ก่อนหน้านี้เขายังไม่เชื่อคำพูดของซูจี้เหนียน ตอนนี้เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้ว บิสกิตสามชิ้นนี้เกือบจะทำให้เขาแน่นท้องตาย ดูเหมือนว่าบิสกิตหนึ่งชิ้นสามารถทำให้ไม่อดตายทั้งวัน สิ่งที่ซูจี้เหนียนพูดนั้นถูกต้อง
“แก่ปูนนี้แล้ว ยังตะกละอยู่เนี้ยนะ?”
ลุงหยวนเหอยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้สึกแน่นท้องมากจริงๆ
“หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ในเวลานี้ ด้านนอกก็มีเสียงหลายเสียงดังขึ้น จากนั้นก็มีแสงไฟพุ่งขึ้นฟ้า ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คนมากมาย ด้านนอกคึกคักมาก ในพริบตา ชาวเมืองจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกว่าเกิดเรื่องขึ้น หลายคนออกมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กลับพบว่าเป็นทหารของกองกำลังพิทักษ์เมืองหลายคนกำลังไล่ล่าชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายหนุ่มคนนี้แต่งตัวมอซอ มีเพียงหมวกที่ทำจากหนังสัตว์ แต่เขากลับว่องไวมาก ทหารผู้พิทักษ์สี่ห้าคนลงมือพร้อมกัน ก็ยังจับเขาไม่ได้
และด้านหลังชายหนุ่มยังสะพายธนูอีกด้วย
ในเวลานี้ชายหนุ่มก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ หมุนตัวกลางอากาศ ง้างธนู ยิงลูกศรออกไป ผู้พิทักษ์หลายคนตกใจ ลูกธนูไม่ได้ทำร้ายพวกเขา มันพุ่งไปที่หน้าพวกเขา ขวางทางพวกเขาไว้
ชายหนุ่มแค่นเสียงอย่างเย็นชา ภายใต้แสงจันทร์ เขาดูหล่อเหลามาก หันหลังเตรียมจะจากไป
แต่เมื่อเขาหันหลังกลับ ก็ตกใจมาก ตรงหน้าเขากลับมีทหารผู้พิทักษ์สิบกว่าคนปรากฏขึ้น และเขารู้สึกได้ในทันทีว่า ทหารผู้พิทักษ์เหล่านี้แตกต่างจากทหารผู้พิทักษ์ที่ไล่ล่าเขาเมื่อครู่ ปราณยุทธ์ของคนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก
“ฟิ้ว!”
ชายผู้นี้ง้างธนู แล้วยิงออกไปทันที ทั้งหมดนี้ทำอย่างต่อเนื่อง รวดเร็วมาก เร็วจนน่าตระหนก!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูกศรนี้จะเร็วมาก ทว่าทหารผู้พิทักษ์ที่อยู่ข้างหน้าก็ยังคงขยับตัวหลบได้
เขารู้สึกตกใจกับลูกธนูนี้ แต่มันก็ยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้ ทว่าในเวลานี้เอง ชายหนุ่มก็มาถึงหน้าทหารผู้พิทักษ์ผู้นี้โดยตรง!
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยปราณยุทธ์ฟาดลงไปที่ทหารผู้พิทักษ์ผู้นี้
“ลูกธนูเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การหลอกล่อ”
ทหารผู้พิทักษ์คนอื่นๆ เข้าใจ จึงมองชายหนุ่มคนนี้ด้วยความชื่นชม แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้กลับเข้ามาต่อสู้ระยะประชิด ต้องการใช้คนผู้นี้เป็นจุดเปิดทาง พวกเขาก็แสยะยิ้ม
“ปัง!” ทหารผู้พิทักษ์ผู้นั้นไม่คิดจะหลบเลย ปราณยุทธ์รอบกายพวยพุ่ง ราวกับมีระฆังทองคำปกคลุมร่างกายของเขา ฝ่ามือนั้นฟาดลงบนร่างกายของเขา ทหารผู้พิทักษ์ผู้นี้ไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว กลับกัน แรงสะท้อนกลับที่รุนแรงทำให้ชายหนุ่มกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว
“ร่างกายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!”
ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจมาก ฝ่ามือของเขาที่เต็มไปด้วยปราณยุทธ์ กลับไม่สามารถทำให้ทหารผู้พิทักษ์ถอยหลังได้แม้แต่ก้าวเดียว
ทหารผู้พิทักษ์สิบกว่าคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นกองกำลังสิบสองนักษัตร
ชายหนุ่มยังไม่ทันได้สติ อาวุธมากมายก็จ่อไปที่คอของเขาแล้ว ในแววตาของชายหนุ่มมีความสิ้นหวัง
“เจ้าเป็นใคร? มาที่เมืองหวังข่งของข้าทำไม? ยามค่ำคืนเช่นนี้ เจ้ามาที่เมืองหวังข่งของข้า มีจุดประสงค์ใด? เจ้าเป็นสายลับของใคร?”
ในเวลานี้อู่ซานเจียงก็เดินเข้ามา มองดูชายหนุ่มอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไร
“ดีมาก”
อู่ซานเจียงพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ฆ่ามันซะ”
“ขอรับ”
เหล่าทหารผู้พิทักษ์สิบสองนักษัตรกำลังจะลงมือ ในแววตาของชายหนุ่มมีความไม่ยินยอม แต่เขาก็ยังคงไม่พูดอะไร
“ช้าก่อน”
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เหล่าทหารผู้พิทักษ์สิบสองนักษัตรเมื่อได้ยินเสียงนี้ก็หยุดมือทันที เพราะพวกเขารู้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของซูจี้เหนียน ในเมื่อซูจี้เหนียนสั่งให้หยุด พวกเขาจะไม่ฟังได้อย่างไร?
“ท่านเจ้าเมือง”
ทุกคนพูดอย่างเคารพ
ชายหนุ่มก็มองไปที่ซูจี้เหนียน ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เจ้าเมือง?
ขุนนางที่มีบรรดาศักดิ์?
ชายหนุ่มยิ่งหวาดกลัว ได้ยินมาว่าขุนนางหลายคนโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม แถมยังมีนิสัยแปลกๆ มากมาย เขายอมถูกฆ่าตาย ดีกว่าถูกทรมานด้วยนิสัยแปลกๆ ของคนผู้นี้
ซูจี้เหนียนเห็นทุกอย่างเมื่อครู่ เขาเองก็ตกใจกับความว่องไวและวิชาธนูที่ร้ายกาจของชายหนุ่มคนนี้ ดังนั้นซูจี้เหนียนจึงตัดสินใจไว้ชีวิตเขา และดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
ซูจี้เหนียนมาถึงหน้าชายหนุ่ม มองดูหมวกหนังสัตว์บนหัวของเขา รู้สึกแปลกๆ จึงสะบัดมือ ปราณยุทธ์ก็ปัดหมวกนั้นออกไป
หมวกปลิวออกไป สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
หูยาวๆ
แหลมๆ
เจ้าเด็กนี่เป็นภูตวิญญาณ?
ไม่สิ ดูแล้วก็ไม่เหมือน!
เมื่อเห็นว่าตัวตนของตัวเองถูกเปิดโปง ชายหนุ่มก็ยิ่งหวาดกลัว ขุนนางมนุษย์หลายคนชอบจับภูตวิญญาณมาเป็นสัตว์เลี้ยง หรือว่าตัวเขาจะหนีไม่พ้นชะตากรรมเช่นนี้?
“ใต้เท้าเจ้าเมือง คนผู้นี้ดูไม่เหมือนภูตวิญญาณเลือดบริสุทธิ์ น่าจะเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับภูตวิญญาณ” อู่ซานเจียงมองดูอยู่ครู่หนึ่ง และพูดกับซูจี้เหนียน
ซูจี้เหนียนมองดูด้วยความสงสัย ซูจี้เหนียนก็ไม่เคยเห็นภูตวิญญาณ นี่เป็นครั้งแรก ได้ยินมาว่าเผ่าพันธุ์ภูตวิญญาณเป็นนักธนูโดยกำเนิด วันนี้ได้เห็นแล้ว สมคำร่ำลือจริงๆ!