บทที่ 33 รบกวนท่านไปอีกครั้ง
บทที่ 33 รบกวนท่านไปอีกครั้ง
“ถูกต้อง ตอนนี้คนของเมืองหวังข่งพวกเรามีน้อยเกินไป ไม่มีกองกำลังใหม่ ดังนั้นจึงต้องรบกวนลุงหยวนเหอไปที่เขตต่างๆ ข้าเชื่อว่ามีชายหนุ่มจำนวนมากที่ยินดีมาเป็นทหารที่เมืองหวังข่งของพวกเรา หากเมืองหวังข่งของพวกเรามีกองกำลังของตัวเอง ก็ไม่ต้องถูกกลุ่มโจรเล็กๆ อย่างกลุ่มโจรหมาป่าทมิฬข่มเหงหรอก ใช่หรือไม่?”
ซูจี้เหนียนพูดกับลุงหยวนเหอ
ในใจของลุงหยวนเหอยังคงตกใจ รีบกล่าวว่า “แต่ท่านเจ้าเมือง การสร้างกองทัพ เลี้ยงดูกองทัพ ต้องใช้เงินจำนวนมาก”
“ไม่ต้องห่วง”
ซูจี้เหนียนยิ้ม “ตอนนี้การเงินของเมืองหวังข่งพวกเราก็ไม่เลว ช่วงนี้ก็หาเงินได้ไม่น้อย อีกอย่าง รอให้เมืองหวังข่งของพวกเราแข็งแกร่งขึ้น เมืองหวังข่งของพวกเราก็จะมีโอกาสทำเงินมากขึ้น”
มีเจดีย์มิติอยู่ ซูจี้เหนียนไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน แม้ว่าจะไม่สามารถนำของจากสามพันโลกออกมาขายโดยตรงได้ แต่ซูจี้เหนียนสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมในโลกนี้ได้ ทั่วทั้งทวีปทะเลดาราล้าหลังมาก แม้แต่อาหารก็ยังไม่ค่อยดี การที่ซูจี้เหนียนจะหาเงินนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไปจัดการให้”
ในเวลานี้ลุงหยวนเหอก็พูดอย่างเคร่งขรึม เมืองหวังข่งคือบ้านของเขา เขาอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองหวังข่ง ในเมื่อเจ้าเมืองยังต้องการพัฒนาเมืองหวังข่ง เขามีเหตุผลอะไรที่จะไม่สนับสนุนล่ะ ใช่ไหม?
“เช่นนั้นก็รบกวนลุงหยวนเหอ”
ซูจี้เหนียนกล่าวต่อ “คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง ข้าเตรียมของไว้ให้ท่านใช้ระหว่างทางแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องๆ ข้ายังมีเสบียงแห้งๆ กินระหว่างทาง”
ลุงหยวนเหอคิดว่าซูจี้เหนียนต้องการให้เงินเขา ดังนั้นลุงหยวนเหอจึงไม่รับ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เมืองหวังข่งเป็นอย่างไร? ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่เพิ่มภาระให้กับเมืองหวังข่ง
“ลุงหยวนเหอไม่ต้องเกรงใจ ข้าไม่สามารถให้เงินท่านมากนัก เพราะมันอาจจะนำมาซึ่งภัยพิบัติ”
ซูจี้เหนียนหยิบย่ามใบเล็กๆ ออกมา ในย่ามนี้เป็นของที่ซูจี้เหนียนเพิ่งซื้อมาจากเจดีย์มิติ
“นี่คืออะไร?”
มองดูของพวกนี้ ลุงหยวนเหอยังไม่เคยเห็นมาก่อน
“สิ่งนี้เรียกว่าบิสกิตอัดแท่ง” ซูจี้เหนียนกล่าว “นี่คืออาหารวิเศษ แค่กินหนึ่งชิ้น ดื่มน้ำตามสักหน่อย ก็จะไม่อดตายทั้งวัน”
“วิเศษขนาดนี้เชียว?”
เห็นได้ชัดว่าลุงหยวนเหอไม่ค่อยเชื่อ ของเล็กๆ เช่นนี้จะกินอิ่มได้อย่างไร?
เขาเป็นผู้ใหญ่ ของสิ่งนี้แม้แต่เด็กก็ยังกินไม่อิ่มใช่ไหม?
แต่แม้ว่าในใจจะไม่เชื่อ ลุงหยวนเหอก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะนี่คือความหวังดีของซูจี้เหนียน ดังนั้นลุงหยวนเหอจึงรับไว้
หลังจากลุงหยวนเหอกลับไป ซูเยว่ก็เดินเข้ามาจากด้านนอก ดวงตาเป็นประกาย ถามว่า “นายน้อย ท่านจะสร้างกองทัพจริงๆ หรือ?”
“ใช่ ทำไมหรือ?”
ซูจี้เหนียนมองไปที่ซูเยว่ เขารู้สึกว่าซูเยว่ดูเหมือนจะตื่นเต้นมาก
“งั้นข้า…” ซูเยว่กล่าว “ข้าสามารถเข้าร่วมกองทัพได้หรือไม่?”
“หืม?”
มองดูแววตาที่คาดหวังของซูเยว่ ซูจี้เหนียนก็เข้าใจทันที ซูเยว่คงจะเบื่อมาก ปกติแล้วเมื่อไม่มีอะไรทำ นางก็ทำได้เพียงไปที่ภูเขาเพื่อล่าสัตว์ ซูจี้เหนียนไม่ได้ให้ซูเยว่มีส่วนร่วมในเรื่องของกองกำลังสิบสองนักษัตร ดูเหมือนว่าซูเยว่อยากจะออกไปทำอะไรสักอย่างแล้ว
“ได้ หลังจากสร้างกองทัพแล้ว เจ้าจะเป็นแม่ทัพหญิงของเมืองหวังข่งของพวกเรา ดีไหม? ถึงตอนนั้นเรื่องการฝึกฝนกองทัพก็มอบหมายให้เจ้า หากเจ้าฝึกฝนกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมา ข้าจะให้รางวัลเจ้า” ซูจี้เหนียนพูดจบ ก็หยิบตำราเล่มหนึ่งออกมา ยื่นให้ซูเยว่ “นี่ให้เจ้า”
“ให้ข้า?”
ซูเยว่มองดูตัวอักษร พึมพำว่า “คัมภีร์เก้าอิม?”
“ใช่ เจ้าไม่ใช่อยากได้วิชาฝึกฝนพลังภายในหรอกหรือ? วิชานี้เหมาะกับเจ้ามาก” ซูจี้เหนียนรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของคัมภีร์เก้าอิม พลังภายในที่ฝึกฝนนั้นน่าตกใจ และวิทยายุทธอย่างกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิมก็มีพลังทำลายล้างที่น่าตระหนก ในโลกนี้มันแข็งแกร่งกว่าวิทยายุทธอื่นๆ
หากฝึกฝนได้ดี อาศัยคัมภีร์เก้าอิม ซูเยว่สามารถเป็นใหญ่ในโลกนี้ได้
เมื่อเทียบกับ 《คัมภีร์เก้าอิม》 แล้ว 《ลมปราณภูติอุดร》 ของเขาก็ไม่เลว แต่ซูจี้เหนียนรู้ว่าตนเองไม่สามารถหยุดอยู่ที่ระดับยุทธภพได้ ต่อไปเมื่อเจดีย์มิติเปิดออก เขาสามารถสัมผัสกับวิทยายุทธระดับแฟนตาซีได้ ถึงตอนนั้น พลังของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้น
เพียงแต่ช่วงนี้ซูจี้เหนียนรู้สึกว่า การฝึกฝนของตนเองค่อนข้างช้า
“ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถฝึกฝนอย่างเดียว และไม่ลงมือปฏิบัติจริง!” ซูจี้เหนียนพึมพำกับตัวเอง ยิ่งกว่านั้น วิธีที่เร็วที่สุดในการฝึกฝนลมปราณภูติอุดรคืออวิชาดูดดาว หากสามารถดูดกลืนพลังปราณของพวกเขา และเปลี่ยนเป็นของตนเอง ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มพูนพลังได้เร็วขึ้นหรอกหรือ?
เพียงแต่ในกระบี่เย้ยยุทธจักร เหรินหว่อฮัง(ยิ่มอั้วเกี้ย) ก็ทำเช่นนี้ ทำให้ผู้คนต่างเรียกเขาว่ามารร้าย ดูเหมือนว่าเขาต้องหาวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้
“วิธีการฝึกฝนที่บันทึกไว้ในนี้ ช่างล้ำลึกยิ่งนัก!”
ในเวลานี้ คำพูดของซูเยว่ก็ขัดจังหวะความคิดของซูจี้เหนียน เสียงของซูเยว่ค่อนข้างตื่นเต้น
“แน่นอน เจ้าห้ามถ่ายทอดให้คนอื่นนะ” ซูจี้เหนียนเตือนซูเยว่ วิชาอย่างวิชาควบคุมลมหายใจ หากถ่ายทอดออกไปย่อมไม่เป็นไร แต่วิทยายุทธอย่างคัมภีร์เก้าอิม หากถ่ายทอดออกไป มันจะอันตรายมาก
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซูเยว่รับปากอย่างหนักแน่น
“จริงสิ” ซูจี้เหนียนถามขึ้นมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่า มีที่ไหนที่สามารถประลองฝีมือได้บ้าง? การฝึกฝนตลอดเวลามันน่าเบื่อมาก”
“ประลองฝีมือ?”
ดวงตาของซูเยว่เป็นประกาย กล่าวว่า “นายน้อย ข้าจะประลองกับท่าน”
ซูจี้เหนียนเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองบน คิดในใจว่าข้าไม่อยากสู้กับเจ้า ข้าสู้เจ้าไม่ได้ อีกอย่าง แม้ว่าจะสู้เจ้าได้ ข้าจะดูดกลืนปราณยุทธ์ของเจ้าได้อย่างไร?
“ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูด”
ซูจี้เหนียนส่ายหน้า
“จริงๆ แล้วมีที่สำหรับประลองฝีมือมากมาย เช่น สนามประลองเป็นตายในเมืองว่านเซียง เมื่อก่อนข้าก็เคยไป แต่ต่อมาท่านเจ้าเมืองคนเก่าห้ามข้าไป ข้าก็เลยไม่ได้ไปอีก” ซูเยว่พูดกับซูจี้เหนียน
สนามประลองเป็นตาย?
ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่สำหรับพนันการแข่งขันสินะ?
ซูจี้เหนียนเตรียมจะแอบไปดู ส่วนเรื่องของเมืองหวังข่ง เขาสามารถให้ร่างแยกไร้ขอบเขตมาประจำการได้ เพราะจิตสำนึกของเขากับร่างแยกเชื่อมต่อกัน ยังไงมันก็เหมือนกัน
ส่วนปัญหาเรื่องระยะทางจากเมืองหวังข่งไปยังเมืองว่านเซียง ซูจี้เหนียนไม่ได้สนใจ เขาย่อมมีวิธี
…
ยามดึก
“ของสิ่งนี้มีประโยชน์จริงๆ หรือ?”
ในห้องมืดๆ แห่งหนึ่ง มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น ชายคนหนึ่งลุกขึ้นจากเตียง เขานอนไม่หลับ
คนผู้นี้คือลุงหยวนเหอ