บทที่ 3 ความลับของเจดีย์ทองแดง
บทที่ 3 ความลับของเจดีย์ทองแดง
หลังจากหยาหลี่จากไป ซูจี้เหนียนก็ปิดล็อคห้องหนังสือของตัวเอง
ความลับของเจดีย์ทองแดง แน่นอนว่าไม่สามารถให้ใครรู้ได้
“เปิดเลย”
ซูจี้เหนียนวางเหรียญทองสิบเหรียญไว้หน้าเจดีย์ทองแดง ทันใดนั้นก็มีแสงวาบขึ้น เหรียญทองสิบเหรียญถูกเจดีย์ทองแดงดูดซับเข้าไป ทันใดนั้น เจดีย์ทองแดงก็เปล่งแสงจางๆ ออกมา
“ครืนๆ!”
ในหูของซูจี้เหนียนมีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น เสียงนี้เหมือนกับประตูหินหนาๆ กำลังถูกเปิดออก
ในพริบตาถัดมา ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าซูจี้เหนียนก็เปลี่ยนไป ในเวลานี้ซูจี้เหนียนราวกับอยู่ท่ามกลางความโกลาหล รอบๆ เป็นสีขาวโพลน มีภาพวาดต่างๆ ล่องลอยอยู่ ภาพวาดเหล่านี้ทำให้ซูจี้เหนียนตกใจเล็กน้อย นี่มันเหมือนโลกต่างๆ ที่ถูกผนึกเอาไว้
“ยินดีด้วยที่เจ้าเปิดเจดีย์มิติ”
ในเวลานี้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทันใดนั้นซูจี้เหนียนก็พบว่ามีสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า สิ่งมีชีวิตนี้ดูเหมือนคน แต่กลับแบกกระดองเต่าหนักๆ ซูจี้เหนียนสงสัยว่าคนผู้นี้อยู่ในบทบาทของผู้เฒ่าเต่าในเรื่องดราก้อนบอลหรือเปล่า?
“ท่านคือ?”
ซูจี้เหนียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าอยู่ที่ไหนกัน?”
“ข้าคือภูตแห่งเจดีย์มิติ เจ้าเรียกข้าว่าผู้พิทักษ์มิติก็ได้ ส่วนที่นี่คือชั้นแรกของเจดีย์มิติ เจ้าเพิ่งใช้เหรียญทองสิบเหรียญเปิดชั้นแรกของเจดีย์มิติ เปิดโลกมิติระดับล่างบางส่วนในสามพันโลก”
ผู้พิทักษ์มิติพูดว่า “ดังนั้นตอนนี้เจ้าก็มีสิทธิพิเศษแล้ว เจ้าสามารถซื้อสิ่งของบางอย่างจากโลกมิติเหล่านี้ได้ โดยมีเงื่อนไขว่า เจ้าต้องมีเหรียญทองเพียงพอ และเมื่อเจ้าเปิดสามพันโลกครบ เจ้าก็จะเป็นจ้าวแห่งมิติคนใหม่ ในเวลานั้น สมบัติของสามพันโลกทั้งหมดจะเป็นของเจ้า”
“เป็นของข้าทั้งหมด?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ น้ำลายของซูจี้เหนียนก็ไหลออกมา สามพันโลกนี้ต้องมีสมบัติมากมายมหาศาล หากเป็นของตนเองทั้งหมด ก็รวยแล้วสิ ใช่ไหม?
“เนื่องจากเจ้าเปิดเจดีย์มิติเป็นครั้งแรก ในฐานะผู้พิทักษ์มิติ ข้าจะมอบของขวัญให้เจ้า”
พูดจบ ผู้พิทักษ์มิติก็โบกมือ ในเวลานี้ก็มีกล่องสามใบปรากฏขึ้นตรงหน้าซูจี้เหนียน
“เลือกมาใบหนึ่ง ข้างในล้วนเป็นของดี เหมาะสำหรับเจ้าในตอนนี้มาก”
ผู้พิทักษ์มิติพูดอย่างแผ่วเบา
“เชอะ! เด็กๆ เท่านั้นถึงจะเลือก” ซูจี้เหนียนพูดว่า “ข้าเอาทั้งหมด!”
ผู้พิทักษ์มิติอดไม่ได้ที่จะกลอกตา “เชื่อไหมว่า ข้าจะเตะเจ้าให้ตายเลย”
“ฮ่าๆๆ ข้าแค่ลองดูน่ะ เผื่อได้” ซูจี้เหนียนยิ้มอย่างเขินๆ แล้วพูดว่า “งั้นข้าเลือกกล่องใบที่สอง”
“ได้”
ผู้พิทักษ์มิติส่งกล่องใบที่สองให้ซูจี้เหนียน แล้วพูดว่า “เจ้าก็รับของขวัญไปแล้ว ต่อไปเจ้าสามารถดูสิ่งของที่ขายในโลกระดับล่าง และเจ้าสามารถใช้เหรียญทองซื้อได้ แต่สิ่งของที่เจ้าซื้อมา ไม่สามารถนำไปขายในทวีปทะเลดาราเพื่อแลกเงิน นี่คือกฎ แต่เจ้าสามารถมอบให้ใครก็ได้”
ซูจี้เหนียนเพิ่งจะคิดในใจว่า มีของดีอะไรบ้างที่สามารถนำไปขายในทวีปทะเลดาราเพื่อทำกำไรได้ แต่ความคิดนี้ก็ถูกผู้พิทักษ์มิติมองออกโดยตรง เขาปฏิเสธความคิดของซูจี้เหนียนทันที
ในเวลานี้ ซูจี้เหนียนจมจิตสำนึกของตัวเองลงไปในโลกต่างๆ
ทันใดนั้น ซูจี้เหนียนก็ตกตะลึงกับโลกระดับล่างมากมาย
โลกเหล่านี้ ช่างอุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก!
มีโลกที่แท้จริงของโลกเก่า
และมีโลกแห่งยุทธภพ เช่น โลกของแปดเทพอสูรมังกรฟ้า หรือโลกของชอลิ้วเฮียง โลกของกระบี่ไร้เทียมทาน เป็นต้น
แม้แต่โลกของอนิเมะบางเรื่องก็มี แต่มันก็เป็นเพียงโลกระดับล่างจริงๆ ซูจี้เหนียนเดิมทีอยากลองหาดูว่ามีโลกของนารูโตะหรือวันพีซบ้างไหม? แต่กลับพบว่าไม่มีเลย เห็นได้ชัดว่าโลกเหล่านี้ต้องเป็นโลกที่มีระดับสูงกว่าเล็กน้อยสินะ?
“ตอนนี้ข้ามีเหรียญทองเพียงสิบเหรียญ” ซูจี้เหนียนครุ่นคิด เขาเป็นหนี้กลุ่มโจรหมาป่าทมิฬห้าสิบเหรียญทอง การใช้หนี้คืนชั่วคราวนั้นไม่เพียงพอ เหรียญทองสิบเหรียญในตอนนี้ไม่สามารถใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ ซูจี้เหนียนอยากรู้ว่า ตอนนี้มีวิธีใดบ้างที่จะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของเมืองหวังข่ง
“อ๊ะ?”
ในเวลานี้ ซูจี้เหนียนกลับเห็นโลกที่แปลกประหลาดมาก
โลกฟาร์มของ QQ? (เกม happy farm)
เมื่อเข้าไปในโลกนี้ ซูจี้เหนียนก็ดีใจขึ้นมาทันที เพราะโลกของฟาร์มนี้ขายเมล็ดพันธุ์ต่างๆ มากมาย ที่สำคัญคือเมล็ดพันธุ์ในโลกของฟาร์มล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์มหัศจรรย์ เวลาในการเจริญเติบโตของพวกมันเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น นานหน่อยหนึ่งวันก็โตได้แล้ว
“เยี่ยมไปเลย มีเมล็ดพันธุ์แบบนี้ ข้าก็ไม่ต้องกลัวอดตายแล้ว”
ซูจี้เหนียนซื้อเมล็ดพันธุ์มันฝรั่งถุงใหญ่ และเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดถุงใหญ่
สิ่งของสองอย่างนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับเมืองหวังข่งในตอนนี้ และเมล็ดพันธุ์สองถุงใหญ่นี้ใช้เงินของซูจี้เหนียนเพียงสิบเหรียญเงินเท่านั้น
ซูจี้เหนียนไปที่โลกที่แท้จริงของโลกเก่า ซื้อเครื่องปรุงรสต่างๆ เช่น น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู และของใช้ในชีวิตประจำวัน เขาซื้อของจิปาถะไม่น้อย ในเวลานี้ซูจี้เหนียนเหลือเหรียญทองเพียงห้าเหรียญ
เดิมทีซูจี้เหนียนยังอยากซื้อปืนพกอะไรทำนองนี้ไว้ป้องกันตัว แต่เมื่อเห็นว่าปืนพกธรรมดา อย่างเดสเสิร์ทอีเกิ้ลต้องใช้เหรียญทองหลายร้อยเหรียญ ซูจี้เหนียนก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที
ส่วนวิทยายุทธในโลกยุทธภพอื่นๆ ราคาก็ไม่ถูก ซูจี้เหนียนพบว่าเหรียญทองห้าเหรียญของตนเองดูเหมือนจะซื้อของที่มีประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว
หลังจากออกจากเจดีย์มิติ ซูจี้เหนียนก็เห็นกล่องใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทันที มันคือกล่องที่ผู้พิทักษ์มิติมอบให้ ซูจี้เหนียนรีบเปิดดู อยากรู้ว่าข้างในมีของดีอะไรบ้าง
“หืม?”
เมื่อเปิดดู ข้างในกลับเป็นหนังสือสองเล่ม
《ลมปราณภูติอุดร》 《วิชามือหักกิ่งเหมยเทียนซาน》 “กลับเป็นวิทยายุทธสองอย่างของพรรคสราญรมย์!”
ซูจี้เหนียนดีใจมาก ก่อนหน้านี้ซูจี้เหนียนเคยเห็น วิทยายุทธสองเล่มนี้ เล่มใดเล่มหนึ่งก็ต้องใช้เหรียญทองหลายร้อยเหรียญ เขาซื้อไม่ไหว ไม่คิดว่าผู้พิทักษ์มิติจะใจกว้างขนาดนี้
《ลมปราณภูติอุดร》 เป็นวิชาฝึกพลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรคสราญรมย์ และยังสามารถดูดซับพลังภายในของผู้อื่นมาเสริมสร้างตนเองได้ น่ากลัวมาก
ส่วน 《วิชามือหักกิ่งเหมยเทียนซาน》 ยิ่งเป็นวิชาเอกของพรรคสราญรมย์ ประกอบด้วยวิชาฝ่ามือสามกระบวนท่า วิชาจับกุมสามกระบวนท่า วิทยายุทธหกกระบวนท่า เล่าลือกันว่ากระบวนท่าใดๆ ในโลกสามารถถูกวิชามือหักกิ่งเหมยเทียนซานแก้ไขได้
เมื่อซูจี้เหนียนเพิ่งสัมผัสหนังสือสองเล่มนี้ หนังสือสองเล่มนี้ก็หายไป มันกลายเป็นตัวอักษรมากมายพุ่งเข้าไปในหัวของซูจี้เหนียนโดยตรง
ร่างกายของซูจี้เหนียนสั่นสะท้าน ฉับพลัน เขาก็เข้าใจวิทยายุทธสองอย่างนี้ทันที เพียงแต่ยังไม่เชี่ยวชาญเท่านั้น
“สะดวกแบบนี้เอง”
ซูจี้เหนียนยิ่งชอบเจดีย์เล็กๆ นี้มากขึ้น วิทยายุทธแบบนี้ การเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด แต่ซูจี้เหนียนเรียนวิทยายุทธสองเล่มนี้ เขากลับข้ามขั้นตอนการเริ่มต้นไปโดยตรง ช่วยประหยัดเวลาไปได้มากโข
หลังจากเรียนลมปราณภูติอุดรแล้ว ซูจี้เหนียนก็รู้สึกว่าที่ตำแหน่งตันเถียนของตนเองมีพลังปราณเล็กน้อย
ส่วนกระบวนท่าต่างๆ ของวิชามือหักกิ่งเหมยเทียนซาน ซูจี้เหนียนก็ราวกับฝึกฝนมาหลายครั้ง คล่องแคล่วมาก
“สมกับเป็นวิทยายุทธอันดับต้นๆ ในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า” ซูจี้เหนียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
“ลุงฝู” ซูจี้เหนียนร้องเรียก
“ท่านเจ้าเมือง มีอะไรงั้นหรือ?” หลินฝูรีบวิ่งเข้ามา แต่เมื่อเห็นซูจี้เหนียนก็ถึงกับชะงักไป หลินฝูรู้สึกว่าซูจี้เหนียนให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิม แต่จะบอกว่าแตกต่างอย่างไรก็บอกไม่ถูก
“ไปติดประกาศรับซื้อแมลงมารร้าย ให้ชาวเมืองช่วยกันจับ จับได้ห้าสิบตัว นำมาแลกเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญที่จวนเจ้าเมือง” ซูจี้เหนียนสั่งการ “แล้วแมลงมารร้ายที่พวกเขาขาย ให้นำไปขังไว้ในบ่อเลี้ยงไว้ก่อน”
“อ้อ ได้” หลินฝูรีบพยักหน้ารับ เมื่อครู่เขาก็เพิ่งทราบว่าเจ้าเมืองของตนเพิ่งตกลงทำธุรกิจกับหอการค้าเฉียนอวิ๋น ตอนนี้คงต้องการกุ้งเครย์ฟิชจำนวนมากเป็นแน่แท้
“แล้วก็นี่อีก” ซูจี้เหนียนหยิบเมล็ดพันธุ์ออกมาสองถุงใหญ่ แล้วกล่าวว่า “ให้คนไปปลูกพวกนี้โดยเร็ว นี่เป็นเมล็ดพันธุ์วิเศษ หลังจากปลูกแล้วจะออกผลในไม่ช้า มันสามารถบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของเมืองหวังข่งเราได้”
“เมล็ดพันธุ์ที่ออกผลได้อย่างรวดเร็ว?” หลินฝูถึงกับอึ้ง อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านเจ้าเมือง สิ่งเหล่านี้ท่านได้มาจากที่ไหน?”
เมื่อได้ยินหลินฝูถามเช่นนี้ ซูจี้เหนียนก็ไม่ได้ตื่นตระหนก กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ช่วงนี้ข้าสวดภาวนาต่อสรรค์อย่างสุดจิตสุดใจ เซียนเหรินจึงเมตตา ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ รวมถึงวิธีการทำกุ้งเครย์ฟิช ล้วนเป็นเซียนเหรินที่บอกข้ามา!”
“เซียนเหริน(ผู้บรรลุเซียน)?” หลินฝูตกตะลึง เซียนเหรินเป็นเพียงตำนานเล่าขาน เจ้าเมืองของตนได้พบกับเซียนเหรินจริงหรือ?