ตอนที่แล้วบทที่ 27 เลื่อนขั้นเป็นระดับทองแดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29  เขตแดนสายฟ้า

บทที่ 28 จักรพรรดิดาบมาแล้ว


บทที่ 28 จักรพรรดิดาบมาแล้ว

หากมีคนได้ยินชื่อของอันเต๋อหลู่ พวกเขาย่อมตกใจที่คนผู้นี้กล้าเรียกชื่อเขาโดยตรง!

เพราะอันเต๋อหลู่ผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจ้าวโถงหลงซานสาขาเมืองว่านเซียง โถงหลงซานมีอยู่ในทุกเมือง คนที่สามารถเป็นจ้าวโถงหลงซานได้ ล้วนมีพลังแข็งแกร่งมาก โดยพื้นฐานแล้วต้องเป็นผู้พิทักษ์หลงซานระดับทองคำขึ้นไปถึงจะดำรงตำแหน่งนี้ได้

ปกติแล้วทุกคนต่างเรียกอันเต๋อหลู่ว่าใต้เท้าอัน

ใครจะกล้าเรียกชื่อเขาโดยตรง?

เหยี่ยวนั้นบินเข้ามา ชายผู้สะพายดาบมีปราณยุทธ์ที่น่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนดี

“ครั้งนี้ ข้าเตรียมตัวมาอย่างดี”

ชายผู้สะพายดาบแสยะยิ้ม ขยับมือ ในฝ่ามือของเขากลับมีม้วนคัมภีร์ปรากฏขึ้น

ม้วนคัมภีร์นี้ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ แต่มันกลับมีลวดลายแปลกๆ ที่ผู้คนดูไม่ออก เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดา

ในส่วนลึกของโถงใหญ่โถงหลงซาน ในห้องแห่งหนึ่ง มีร่างสองร่างนั่งอยู่ตรงข้ามกัน คนหนึ่งสวมชุดคลุมสีเลือด บนชุดคลุมมีตราทองคำติดอยู่ แสดงว่าคนผู้นี้เป็นผู้พิทักษ์หลงซานระดับทองคำ ร่างกายดูมีอายุแระมาณสี่ห้าสิบปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้ฝึกยุทธ ผิวสีแทน ดวงตาราวกับหลุมดำ ทำให้ผู้คนมองไม่ทะลุ

เขาคืออันเต๋อหลู่!

ส่วนตรงข้ามกับอันเต๋อหลู่ มีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ ชายชราผู้นี้มีรอยยิ้มที่อบอุ่นอยู่เสมอ เผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญอย่างอันเต๋อหลู่ เขากลับไม่รู้สึกกดดันเลย บนร่างกายของเขาไม่มีปราณยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหมือนอันเต๋อหลู่ มีเพียงแค่ความรู้สึกของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงเป็นเวลานาน

“ผู้เฒ่าเสวี่ย ข้าไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้ว ตอนนี้ข้าแค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ดังนั้นไม่ว่าผู้เฒ่าเสวี่ยจะมากี่ครั้ง ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ” อันเต๋อหลู่ส่ายหน้า

“ใต้เท่าอันเต๋อหลู่” ชายชราที่ถูกเรียกว่าผู้เฒ่าเสวี่ยไม่ได้รีบร้อน เพียงแต่กล่าวว่า “ตระกูลเสวี่ยของพวกเรามีชื่อเสียงในเมืองหลวง ข้าเป็นพ่อบ้านของตระกูลเสวี่ยมาทั้งชีวิต ได้รับความเมตตาจากตระกูลเสวี่ย มอบแซ่เสวี่ยให้ ตอนนี้ข้าย่อมต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อตระกูล ได้ยินมาว่าใต้เท้าอันเต๋อหลู่เคยเห็นไผ่โลหิตหกลาย ดังนั้นครั้งนี้ข้าจึงต้องขอรบกวนท่านอันเต๋อหลู่ช่วยเหลือ หาไผ่โลหิตมารักษาคุณหนูของพวกเรา”

“โถงหลงซานแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไผ่โลหิตไม่ได้” อันเต๋อหลู่พูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ ตระกูลเสวี่ยไม่ได้ประกาศภารกิจในโถงหลงซานทุกเมืองหรอกหรือ? ย่อมมีผู้กล้าปรากฏตัว นำไผ่โลหิตหกลายมาให้ท่าน”

ผู้เฒ่าเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น หากไผ่โลหิตหกลายหาง่ายขนาดนั้น เขาจะมาหาอันเต๋อหลู่ทำไม?

ในขณะที่ผู้เฒ่าเสวี่ยกำลังจะพูดอะไรต่อ ในเวลานี้ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงนั้นค่อนข้างรีบร้อน

“เข้ามา”

อันเต๋อหลู่พูด

ผู้เฒ่าเสวี่ยไม่ค่อยพอใจที่ถูกขัดจังหวะ แม้ว่าอันเต๋อหลู่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ตระกูลเสวี่ยของเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะได้ยินมาว่ามีเพียงอันเต๋อหลู่เท่านั้นที่เคยเห็นไผ่โลหิตหกลาย เขาจะไม่มาขอร้องอันเต๋อหลู่เช่นนี้

“เรียนใต้เท้าจ้าวโถง” พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดอย่างตื่นเต้นว่า “มีคนมาส่งภารกิจไผ่โลหิตหกลายแปดสิบดาว ตอนนี้ส่งมอบภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว”

“หืม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อันเต๋อหลู่ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ มีคนพบไผ่โลหิตหกลายจริงๆ หรือ?

“อะไรนะ!” ผู้เฒ่าเสวี่ยเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พบไผ่โลหิตหกลายแล้วหรือ?”

“ขอรับ พบแล้ว”

พนักงานรีบพูด

ผู้เฒ่าเสวี่ยไม่อยากจะเชื่อ มีคนพบไผ่โลหิตหกลายจริงๆ แถมยังอยู่ในเมืองว่านเซียงเล็กๆ แห่งนี้อีก?

สำหรับการที่มีคนพบไผ่โลหิตหกลาย แม้ว่าอันเต๋อหลู่จะตกใจ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล เพราะอันเต๋อหลู่เคยเห็นไผ่โลหิตหกลายหนึ่งครั้ง สถานที่นั้นอยู่ในเทือกเขาฝูหลงใกล้ๆ เมืองว่านเซียง เพียงแต่เขาไม่ได้มันมา ตอนนี้กลับมีคนได้ไผ่โลหิตหกลายมา อันเต๋อหลู่รู้สึกสงสัยว่าจะเป็นใคร?

“ไปดูกันเถอะ ว่าเป็นใคร?” อันเต๋อหลู่พูดด้วยรอยยิ้ม

ณ จัตุรัสโถงหลงซาน

“ยินดีกับใต้เท้าที่เลื่อนเป็นระดับทองแดงด้วย”

พนักงานหลายคนรีบแสดงความยินดีกับซูจี้เหนียน เพราะระดับทองแดงนั้นเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาต้องเคารพ

“ขอบคุณ”

ซูจี้เหนียนไม่ได้สนใจสายตาที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อและความอิจฉาริษยาของคนรอบข้าง จิ๊ๆๆ คนอื่นจะคิดอย่างไรก็ช่างมันเถอะ!

ซูจี้เหนียนย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะไม่มีใครรู้จักเขา แถมยังไม่มีใครทำร้ายเขาได้ เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดในที่นี้!

“ยินดีกับใต้เท้าด้วย”

ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงหวานๆ ดังขึ้น หญิงสาวผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน หญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะอายุสิบหกสิบเจ็ดปี นางพูดกับซูจี้เหนียนอย่างเคารพว่า “ใต้เท้าอายุยังน้อยก็เลื่อนเป็นระดับทองแดงแล้ว น่าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง ข้าน้อยชื่ออี้ตี่ซือ มาจากตระกูลหมี่เอ้อ ไม่ทราบว่าใต้เท้ายินดีไปที่ตระกูลหมี่เอ้อเพื่อเป็นแขกหรือไม่?”

“เป็นคนของตระกูลหมี่เอ้อ? อี้ตี่ซือผู้นี้ไม่ใช่หลานสาวของประมุขตระกูลหมี่เอ้อหรอกหรือ?”

“ระดับทองแดงที่อายุน้อยเช่นนี้ ดูเหมือนว่าตระกูลหมี่เอ้อคงจะอยากรับเขาเป็นคนของตระกูลสินะ?”

“แต่คนผู้นี้ดูยังไงก็เป็นแค่คนธรรมดา ข้าคิดว่าตระกูลหมี่เอ้อคงจะหมายตาคนเบื้องหลังเขามากกว่า”

มองดูหญิงสาวที่เหมือนกับภูตวิญญาณตรงหน้า ซูจี้เหนียนก็ยิ้มเล็กน้อย หญิงสาวผู้นี้ดูใสซื่อ แม้ว่าจุดประสงค์ของนางจะชัดเจน แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่มีเจตนาร้าย เพียงแต่ซูจี้เหนียนไม่อยากมีความสัมพันธ์กับกองกำลังเหล่านี้ ซูจี้เหนียนกำลังจะปฏิเสธ แต่ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้าก็มีเสียงดังก้อง!

“อันเต๋อหลู่ ออกมาสู้!”

“วันนี้เจ้าหนีไม่พ้น!”

เสียงนั้นราวกับจะทำลายท้องฟ้า ในขณะเดียวกัน ปราณดาบที่น่าตกใจก็พุ่งลงมา พื้นดินแทบจะแตกสลาย ปราณยุทธ์นั้นราวกับคลื่นยักษ์สึนามิ ในเวลานี้ผู้พิทักษ์หลงซานจำนวนมากต่างก็ตกใจ!

ปราณดาบที่แข็งแกร่งมาก!

ปังๆๆ!

หลายคนทนกลิ่นอายปราณยุทธ์นี้ไม่ไหว ต่างคุกเข่าลงกับพื้น!

เพราะปราณยุทธ์นี้แข็งแกร่งเกินไป!

ราวกับภูเขากดทับลงมา ความรู้สึกสิ้นหวังนั้นทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก สายตาทุกคู่มองไปที่คนที่มาถึงบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว เขาคือใคร? ทำไมถึงมีปราณยุทธ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้? ผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ หากมองไปทั่วทั้งอาณาจักรหลิงเจี้ยน ก็นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุด!

เขากล้ามาท้าสู้จ้าวโถงหลงซาน?

“เป็นเขา!”

“เขาคือจักรพรรดิดาบ เฟิงอี๋ไห่!”

“ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนเฟิงอี๋ไห่กับอันเต๋อหลู่ต่างก็เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งจ้าวโถงหลงซาน ผลก็คือเฟิงอี๋ไห่พ่ายแพ้ จากนั้นก็หายตัวไป ไม่คิดว่าเขาจะกลับมา แถมพลังของเขายังแข็งแกร่งขึ้นอีก”

ในเวลานี้ คนส่วนใหญ่ถูกปราณดาบกดดันจนลุกไม่ขึ้น มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้

และในเวลานี้เอง ทุกคนก็พบว่ามีร่างหนึ่งยืนตัวตรงอยู่ที่นั่น ราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด